5

1349 Words
คามินไม่อยากแกล้งอีก ถ้าหากแม่ตัวเล็กปฏิเสธงานนี้จริง เขาเองต้องเดือดร้อนหาพี่เลี้ยงคนใหม่ให้เจ้าหมาป่าน้อยอีก จึงยอมปล่อยให้นัทมนออกจากอ้อมแขน เมื่อครู่เขาไม่ได้คิดจะจูบเธอจริงๆ แต่เขาอยากแกล้งให้นัทมนกลัวเท่านั้น เพราะถ้าเขาจะจูบจริงๆ ยัยตัวเล็กไม่มีทางหนีเขาพ้นอยู่แล้ว “ใจเย็นๆ ก็ได้ ผมก็แค่อยากทดสอบความอดทนคุณ” นัทมนรีบถอยหนี หันมาเบ้ปากใส่ “ยังดีนะ ที่คุณยังเหลือความเป็นสุภาพบุรุษอยู่บ้าง แต่ถึงยังไงฉันก็ชักเริ่มไม่ไว้ใจคุณแล้ว จะทำอะไรพึงระลึกไว้ว่า อย่างน้อยฉันก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของผู้หญิง ที่ครั้งหนึ่งคุณหลงรักเขาหัวปักหัวปำ ถ้าพี่เอพริลและพี่เขยฉันรู้ว่าคุณคิดจะงาบฉันล่ะก็ พวกเขาต้องตามมาคิดบัญชีคุณแน่” คามินอมยิ้ม ท่าทางระมัดระวังตัวของนัทมนสร้างความบันเทิงใจให้เขาไม่น้อย “ผมกลัวจะแย่ เอาอย่างนี้ผมจะแก้ตัว คืนนี้ผมให้คุณนอนในห้อง ส่วนผมจะนอนโซฟาเอง” คามินพูดจบ ก็หมุนตัวเดินไปที่โซฟา เขาทรุดตัวลงนั่งหยิบหมอนอิงไปวางทำเป็นหมอนก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างไม่เกี่ยงงอน “อ้าว คุณจะนอนตรงนั้นจริงหรือ” นัทมนถามอย่างประหลาดใจ เขาจะยอมนอนโซฟาแทนเธอจริงๆ หรือ ไม่อยากเชื่อเลย เห็นขี้เก๊กไม่น่าจะเป็นสุภาพบุรุษได้ “ถามทำไมหรืออยากมานอนโซฟาเดียวกับผม เอ๊ะ โซฟามันแคบไปหรือว่าอยากจะให้ผมเข้าไปนอนให้ห้องด้วย บอกผมได้นะ ผมยินดีไปนอนเป็นเพื่อน เผื่อคุณจะกลัวผี” เขาตอบเสียงทุ้มต่ำติดหัวเราะ “ฉันไม่ได้กลัวผีสักหน่อย งั้นก็ดี เชิญคุณนอนโซฟาให้สบายนะ ขอบคุณมาก” เธอตอบอย่างรื่นเริง ใครจะไม่ชอบได้นอนบนเตียงสบายๆ “เฮ้ เดี๋ยวก่อนคุณ” คามินเรียกไว้ “แน่ใจนะว่าไม่เปลี่ยนใจ โรงแรมนี้เปิดมานานแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรบ้างหรือเปล่า บางทีอาจมีประวัติอะไรที่เราไม่รู้ก็ได้” ถ้าไม่พูดสะกิดต่อมก็ไม่เป็นไร แต่พอพูดขึ้นมา นัทมนก็เริ่มรู้สึกขนลุก แหงนมองเพดานทางด้านซ้าย แล้วย้ายสายตาไปทางด้านขวา จริงๆ แล้วเธอไม่ใช่คนกลัวผี “อย่ามาหลอกฉัน ถึงที่นี่จะเป็นโรงแรมในรัฐที่ไม่ได้เจริญมากนัก แต่โรงแรมเขาก็มีระดับ ไม่มีทางจะมีเรื่องแบบที่คุณพูดหรอก จะบอกอะไรให้นะ ถึงมีผีจริง ฉันก็จะยอมนอนคนเดียว คุณจะเป็นผู้ชายคนสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่ฉันจะยอมให้นอนร่วมห้องด้วย” นัทมนพูดทิ้งท้ายอย่างโมโห ก่อนจะเดินเข้าห้องปิดประตู ไม่รอให้คามินได้โต้กลับ คามินได้ยินเสียงกดล็อกลูกบิดและกลอนประตูดังตามมา ก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่ความเงียบสงบ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เขาหัวเราะเบาๆ กับท่าทางหัวฟัดหัวเหวี่ยงของยัยตัวเล็ก ‘นี่คุณ…ที่คุณบอกว่าผมจะเป็นผู้ชายคนสุดท้าย ที่คุณจะยอมให้นอนร่วมห้องด้วย หมายความว่ายังไง คุณทำให้ผมคิดลึกนะนัทมน’ เขาคิดแล้วหัวเราะกับตัวเอง นัทมนผิดกับพลอยวารินทร์เป็นอย่างมาก เสียดายที่เขาไม่สามารถช่วงชิงความรักของพลอยวารินทร์มาจากเฮย์เดนได้ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อหัวใจมันบงการกันไม่ได้ ความรักมันบังคับกันไม่ได้ เขาจึงต้องทำใจมาจนถึงป่านนี้แล้วเดินหน้าต่อไปในเส้นทางชีวิตของตัวเอง ที่ตอนนี้มุ่งมั่นให้ลูกและงาน ฟากนัทมนเองก็หลับไม่เต็มตา เพราะไม่ไว้ใจผู้ชายที่อยู่นอกห้อง เธอรู้จักคามินน้อยมาก เธอเคยเห็นแต่เวลาที่เขาอยู่กับญาติผู้พี่ของเธอ เขาดูสุภาพ อ่อนโยน เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว จนพลอยวารินทร์ยังเคยออกปากชมเขาว่าเป็นคนดี อยากให้เจอผู้หญิงที่ดีสักคน ตอนนั้นเธอไม่รู้จักคามินดีพอ จึงไม่ได้โต้เถียงอะไรไป นัทมนนึกแล้วก็เบ้ปาก เพราะตอนนี้เธออยากบอกกับญาติผู้พี่เหลือเกินว่า ผู้ชายแบบนี้ ชาตินี้ไม่มีทางหาเมียได้หรอก นัทมนคิดอยู่ในใจ กระทั่งผล็อยหลับไปบนเตียงอันนุ่มสบาย เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งคามินและนัทมนออกเดินทางจากโรงแรมที่พัก มาถึงสนามบินด้วยรถยนต์คันหรู เดมอน บอดี้การ์ดคนสนิทของคามินลงมาจากรถเปิดประตูให้เจ้านาย ส่วนอีกฟากก็มีคนสนิทอีกคนเปิดประตูให้นัทมน “นายไปรับหมาป่ามาแล้วใช่ไหม” เสียงคามินถาม นัทมนเลิกคิ้วฟังอย่างสงสัย น่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา “รับมาเรียบร้อยแล้วครับ” นัทมนเห็นคามินพยักหน้า ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองเธอ ใบหน้าเขามีรอยยิ้มน้อยๆ ไม่สื่อความหมายอะไร เป็นใบหน้าที่เขาชอบทำบ่อยๆ ซึ่งเธอก็ตีความไม่ถูกว่าเขาคิดอะไร แต่ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องอยากรู้ ‘ก็คงจะขี้เก๊กตามประสาของเขา’ “เราไปกันได้แล้ว เราจะไปถึงบาห์เรนก่อนค่ำ” คำเรียกของเขาดึงสตินัทมนกลับมา นัทมนสูดลมหายใจเข้าลึก ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างหลังจากนี้ เพราะนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต เธอต้องการเก็บเงินจากการไปทำงานครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อกลับไปทำธุรกิจส่วนตัวที่เมืองไทย ก่อนจะรับทำงานนี้เธอมีเงินเก็บอยู่ไม่มากแต่ก็ส่งไปให้มารดาสำหรับสร้างตึกแถวให้เช่าแล้ว กระนั้นก็ยังขาดเงินอีกมาก เพื่อให้ความฝันของตัวเองและของมารดาเป็นจริง เธอจึงยอมรับงานที่คามินเสนอให้ เวลาแค่สองปีกับเงินจำนวนสิบล้านบาท มันมากพอที่จะทำให้เธอตัดสินใจรับงานเลี้ยงเด็ก ซึ่งไม่น่าจะยากเกินความสามารถของเธอ แต่การที่เธอต้องติดตามนายจ้าง ไปเลี้ยงเด็กถึงบาห์เรนต่างหาก ทั้งสภาพแวดล้อม ขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ต้องปรับตัวกันใหม่ คืองานยากของเธอ นัทมนปลอบใจตัวเอง แล้วก้าวเท้าเดินขึ้นเครื่องบินตามคนที่มีฐานะเป็นนายจ้างไปห่างๆ เมื่อเข้าไปสู่ภายในตัวเครื่องแล้วเธอก็ต้องห่อปากตาโตกับความหรูหราภายในเครื่องบินลำนี้ มันเป็นเครื่องบินลำใหญ่ มีที่นั่งให้เอนนอนสบาย มีทีวี เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน ราวกับยกบ้านหลังหนึ่งมาไว้บนเครื่องบิน ขาดก็แต่สนามหญ้าเท่านั้น “กรุณานั่งลงประจำที่ แล้วคาดเข็มขัดด้วยค่ะ” เสียงแอร์โฮสเตสสาวสวยที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนของเครื่องบินเดินมาบอกเธอ นัทมนรีบทำตาม “ขอบคุณค่ะ” ระหว่างนั้นเธอก็มองหาคามิน เนื่องจากเมื่อกี้เธอเดินตามเขามาห่างๆ จึงไม่เห็นว่าเขาหายไปทางไหนของ “เขาไปนั่งที่ไหนของเขานะ” นัทมนพึมพำ แล้วก็เลิกสนใจเจ้าของเครื่องบินลำนี้อีก เพราะเขาก็คงอยู่ภายในเครื่องบินลำนี้ ‘จะไปไหนได้ล่ะ เครื่องบินก็เหินขึ้นฟ้าแล้ว’ นัทมนเอนตัวลงนั่งอย่างสบาย มองเครื่องบินที่ค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จนเครื่องบินปรับเพดานบินได้ปกติแล้วแอร์โฮสเตสสาวก็นำอาหาร เครื่องดื่มมาให้ “รับอาหารไทยหรืออเมริกันดีคะ” “มีอาหารไทยด้วยหรือคะ” แอร์โฮสเตสสาวยิ้มหวาน “มีค่ะ คุณคามินสั่งให้ทางห้องครัวจัดเตรียมไว้”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD