“พี่ ๆ คะ พี่คินมาค่ะ” แพรพรรษาฝืนยิ้มเอ่ยบอกตามมารยาท ริมฝีปากแห้งผากจากการถูกจูบยังเม้มแน่น เดินนำชายหนุ่มร่างสูงเข้ามาในห้องรับแขก ก่อนจะยิ้มหวานให้สามี ผมสีสวยถูกดึงมาปิดต้นคออย่างเป็นกังวล เมื่อสายตาของปัณณ์จับจ้องมาที่เธอ ทำให้เรียวขาชะงักค้างไปชั่วครู่
“พี่ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมทักทายกันนาน กลับมาตั้งนานแล้วแต่เพิ่งโผล่หน้ามาให้เพื่อนเห็นนะมึง” ปัณณ์ยกแก้วเหล้าทักทายเพื่อนสนิท
“ไม่เจอกันนานก็ต้อง...คุยกันนาน ๆ หน่อยดิวะ”
ไม่ชอบเลย
แพรพรรษารู้สึกอึดอัด กังวลใจจนหายใจไม่ทั่วท้อง
เนื้อตัวร้อนผ่าวมีเหงื่อซึมไปทั่วแผ่นหลังจนรู้สึกไม่สบายตัว ยิ่งรู้สึกถึงสายตาของอคินที่มองมาที่เธอตลอด ต้นคอก็ร้อนผ่าว ๆ ราวกับลืมเปิดแอร์ในห้อง
“ไม่ใช่คิดจะตายคาอกแหม่มอยู่อังกฤษแล้วไม่กลับเหรอวะ” เตวิชญ์ส่งเสียงแซวตาม
อคินหัวเราะลั่นวางก้นลงบนโซฟาหรู ก่อนขยับที่ว่างข้างปัณณ์ไว้ให้แพรพรรษา แต่ถึงอย่างนั้นคนมีชนักติดหลังก็เลือกจะนั่งลงแสร้งไม่สนใจ คีบน้ำแข็งและรินเหล้าให้หนุ่ม ๆ
“ขอบใจแพร” ภูดิษยกแก้วขึ้นดื่ม หันไปสนใจคนเข้ามาใหม่
“หรือเบื่อแม่สาวผมทองแล้ว”
“กูติดใจสาวไทยมากกว่า อยากหาแบบไอ้ปัณณ์สักคน” หันไปตอบคำถามเตวิชญ์ที่ทำให้แก้มสาวร้อนผ่าว ก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อรู้ว่าเขาพูดถึงอะไร
“เฮ้อออพูดแล้วก็เสียดาย มีแต่คนอิจฉาไอ้ปัณณ์ได้เมียดีน่ารักขนาดนี้” ภูดิษส่ายหัว พยายามไม่มองร่างบางที่ยกเหล้ารินให้คนมาใหม่เงียบ ๆ ใบหน้าแดงระเรื่อถอดสีคล้ายกระดากอายที่ต้องอยู่ในวงสนทนา
“พวกมึงเบา ๆ หน่อยเมียกู เดี๋ยวแพรอึดอัด” เสียงทุ้มห้ามปรามจากปัณณ์ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกขอบคุณไม่น้อย
“งั้นให้หนุ่ม ๆ ดื่มแล้วแพรไปทำกับแกล้มให้ดีกว่าไหมคะพี่ปัณณ์”
“ไม่ดื่มด้วยกันเหรอ” อคินแสยะยิ้มร้ายเอ่ยถามทั้งที่สายตามองไปตรงหน้า
“ไม่ดีกว่าค่ะพี่คิน แพรดื่มไม่ค่อยเก่ง”
เธอไม่อยากมองหน้าเขาต่อไปแล้วต่างหาก
คนหน้าด้าน!
“ไม่เจอตั้งนานไม่เก่งขึ้นเลยเหรอ ไอ้ปัณณ์มัวแต่ทำอะไรทำไมไม่สอน”
“ไม่ดื่มอะดีแล้ว แบบนี้น่ารักดี” น้ำหนักมือที่วางลงบนเส้นผมทำเจ้าตัวหันไปอ้อนสามี
“ลูบอีกสิคะ”
“ขี้อ้อนนะเรา” คำพูดนั้นทำแพรพรรษาซุกศีรษะเข้าใกล้มือให้ปัณณ์ขยี้จนยุ่ง เสียงหัวเราะเบา ๆ ของคู่รักขัดใจอคิน จนต้องตวัดสายตามองท่าทางนั้นด้วยความไม่พอใจมากนัก
สามหนุ่มสบตากันก่อนจะส่ายหัว อดหมั่นไส้คู่ข้าวใหม่ปลามันไม่ได้
“สงสารเพื่อนหน่อยไอ้ปัณณ์”
“ขอโทษค่ะ งั้นแพรไปทำอาหารเพิ่มนะคะ” เธอแกล้งสะดุ้งลุกขึ้นออกมาจากวงของหนุ่ม ๆ
“ไม่ต้องหรอกแพรอยู่ด้วยกันนี่แหละ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ปัณณ์ หนุ่ม ๆ คุยกันให้สะดวกดีกว่าค่ะ” ยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ในใจกลับวาบหวามจนตั้งสติได้ยาก รอยยิ้มกว้างค่อย ๆ หุบลงเมื่อสายตาของอคินกวาดมองเธอทั่วทั้งตัวแต่หัวจรดเท้า ราวกับว่ากำลังรอโอกาสเหมาะ ๆ
แพรพรรษาไม่อยากนั่งเป็นเป้าสายตาอีกแล้ว เธอควรรีบหาทางหนีทีไล่ก่อนดีกว่า ท่าทีร้อนรนราวกับลูกแมวตัวน้อยที่กำลังคลานหนีต้วมเตี้ยมถูกใจอคินไม่น้อย
อคินยิ้มกว้างยกแก้วดื่มนิดหน่อยแล้วเอ่ยขอตัว
“ห้องน้ำอยู่ไหนวะ”
เมื่อครู่เขายังทักทายเธอไม่ชุ่มปอดเลย
ใจกล้าไม่เบานี่!
โชว์หวานกับสามีต่อหน้าเขาเร้าใจไม่เบาเลย ทำเอาหัวใจของอคินเต้นเร่าด้วยความตื่นเต้นสุดขีด
“อยู่ก่อนถึงห้องครัว ถ้าหาไม่เจอก็เรียกแพรละกัน”
“ขอบใจ”
“ไม่กี่แก้วก็ท่อแตกแล้วเหรอวะเพื่อน”
“กูเพิ่งไปตีกอล์ฟกับพ่อมา ขอไปล้างไม้ล้างมือหน่อย แดกเลยไม่ต้องรอ เดี๋ยวกูเมาตามรับรองว่าทันแน่ หึ” เขาหัวเราะในลำคอ ตบไหล่ภูดิษที่เอ่ยแซวก่อนจะลุกขึ้นยืนสุดความสูง
แววตามาดร้ายมองไปที่ห้องครัวก่อนจะก้าวขาตามเงาของหญิงสาวไป
ท่าทางกระฉับกระเฉงของแพรพรรษา ทำให้คนยืนมองประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อก่อนยังเป็นแค่ลูกคุณหนูที่ทำอะไรไม่เป็น ดูเหมือนการแต่งงานจะทำให้เธอแตกต่างไปจากเดิม แต่สิ่งที่ไม่ต่างเลยคือท่าทียั่วเย้าที่ชวนถวิลหาทุกคราวที่พบหน้า
เสน่ห์ของแพรพรรษาไม่ได้ลดน้อยลงเลย
อคินยกมือลูบคางไปมา
แค่เดรสเรียบ ๆ ที่ห่อหุ้มหน้าอกใหญ่เกินฝ่ามือ ก่อนจะเรียบผ่านหน้าท้องแบนราบ รัดเอวคอดกิ่ว โอบรอบสะโพกผายและก้นกลมกลึงที่เขาสัมผัสไปก่อนหน้า ความตื่นเต้นยังเร่าร้อนอยู่ในมือหยาบกร้าน แต่มันสั่งสองเท้าของเขาให้ขยับเข้าไปหา สอดมือวางบนหน้าท้องแบนราบ
“อ๊ะ! ขอบคุณค่ะ”
อคินคว้ากระปุกเครื่องปรุงที่แพรพรรษาพยายามเอื้อมมือหยิบใส่มือให้ เขาปิดประตูตู้ด้านบนก่อนจะก้มมองหญิงสาวด้วยแววตาหยาดเยิ้ม
ท่อนแขนที่สวมกอดกระชับแน่นท่ามกลางความตกใจของคนที่ไม่ทันตั้งตัว
“พี่ปัณณ์เดี๋ยวสิคะ...”
“ไม่ใช่ไอ้ปัณณ์หรอก”
“...พี่คิน!” กลิ่นน้ำหอมเขาแตกต่างจากปัณณ์ แค่นั้นเธอก็รู้ว่าสิ่งที่เผชิญหน้าอยู่คือใคร ร่างบางสั่นระริกพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดร้อน
“จำได้ขนาดนี้ถึงปฏิเสธไป ฉันก็ไม่เชื่อหรอกว่าเธอไม่คิดถึงฉัน จะลืมคืนนั้นไปได้ยังไงจริงไหมแพรพรรษา”
“คืนไหนเหรอคะ” น้ำเสียงหวานถามพลางเลิกคิ้ว ดันร่างสูงออกห่างตัว แต่ดูเหมือนคนฟังจะไม่แม้ขยับออก กัดฟันกรอดส่งเสียงลอดไรฟัน
“อย่ามาตีหน้าซื่อกวนอารมณ์กันดีกว่า ฉันไม่หลงกลเธอหรอก”
“เรื่องมันตั้งนานแล้วแพรจะไปจำได้ยังไงล่ะคะ ปล่อยเถอะค่ะ” เธอดันเขาออกอีกครั้ง
“แพรพรรษา!!!”
น้ำเสียงเข่นเขี้ยวบ่งบอกอารมณ์โกรธจัด ไม่ได้ทำให้แพรพรรษาเกรงกลัวขึ้นเลย เล่นบทหน้าซื่อตาใสแกล้งจำไม่ได้ใส่อคิน ท่าทางเหล่านั้นปลุกอารมณ์ขุ่นมัวคนตั้งใจจะรื้อฟื้นจนแทบอยากจะเขย่าร่างบางให้สารภาพออกมา
“ชีวิตแพรกำลังดี อย่าเข้ามาทำให้ชีวิตแพรแย่เหมือนสันดานพี่คินได้ไหมคะ”
“หึ! สันดานลักกินขโมยกินกับแอบผัวกินเหมาะกันจะตาย ทำไมมาว่ากันซะล่ะ หืมมม” ว่าพลางคีบแก้มนวล กดนิ้วมือบุ๋มเข้าไปในแก้มขาว
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมทำใจหญิงสาวหวาดหวั่นจนแทบบ้า แต่ยังต้องควบคุมสติไม่ให้เผลอแสดงอาการออกไป ไม่งั้นเขาก็ยิ่งได้ใจข่มขู่เธอไปกันใหญ่
“เจ็บนะคะ! ออกไปได้แล้ว”
ถ้าใครมาเห็นตอนนี้ได้แย่แน่ ๆ ดวงตาเจ็บปวดเต็มไปด้วยความสับสน
การสวมเขาครั้งเดียวในอดีตทำไมถึงตามจองเวรให้ไม่มีความสุขจนถึงทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่อดีตกำลังถูกลบหายไปกับอคิน แต่เขาดันกลับมาปรากฏตัวให้เธอจะเป็นบ้าอีกครั้ง
“ฉันไม่อยู่ไอ้ปัณณ์มันทำให้เธออิ่มบ้างไหม”
“หลงตัวเองไปไหมคะ”
“จะมีใครทำให้เธออิ่มได้เท่าฉันอีกเหรอ” น้ำเสียงเหยียดหยามดังอยู่ข้างหูทำให้แพรพรรษากัดปากแน่น ดันมือเขาออกให้พ้นสะโพกอ่อนไหว ยิ่งเห็นกิริยาแบบนั้นยิ่งถูกใจอคินนัก นอกจากไม่ผละออกยังก้าวเข้าชิดจนไร้พื้นที่ว่าง
นั่นทำให้แพรพรรษายิ่งหายใจไม่สะดวกไปกันใหญ่
“ฉันทำให้เธอมีความสุขได้นะแพรพรรษา” คำพูดยั่วยวนของอคินยังไม่เท่ารอยจูบอุ่นวาบที่หลังมือ ลิ้นร้อนของเขาลากไล้ฝ่ามือเล็กขณะจ้องเธอไม่ละสายตา
ยิ่งเธอสั่นเขายิ่งยั่ว ไล่เม้มดูดก้านนิ้วเรียวสลับกับละเลียดนิ้วราวกับเลียไอศกรีมแท่งเล็กที่ไม่มีวันละลาย
“ปะ...ปล่อย พี่คิน...พี่จะกลับมาทำลายชีวิตแพรทำไม แพรไปทำอะไรให้พี่”
“มีความสุขเกินหน้าเกินตามั้ง”