ตอนที่ 4 เรื่องบน... EP.4
เดิมทีต่อก็คิดจะเข้าไปซ้ำอีกทีหลังจากที่ซัดเมฆจนหน้าหงายไปแล้ว ทว่าโชคดีที่แก๊งของเขาเข้ามาดึงตัวเอาไว้ได้ทันซะก่อน ตะวันฉายรุดเข้าไปช่วยประคองเมฆ ขณะเดียวกันคนก็เริ่มเดินเข้ามามุงเพราะเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อครู่ เลือดลมในกายต่อร้อนระอุ แววตาเดือดดาลเหมือนจะเปล่งแสงออกมารางๆ
สี่ยอดกุมารรีบโบกมือไล่ให้ทุกคนสลายตัวเป็นเชิงบอกว่านี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ขณะที่คู่กรณียังจ้องกันไม่วางตา ตะวันฉายขอโทษเมฆเป็นสิบครั้ง แต่เขากลับยังทำท่าอยากเข้ามาเอาเรื่องต่อให้ได้
“พี่เมฆ Please อย่าเพิ่งมีเรื่องกันเลยนะคะ” ตะวันฉายข่มความรังเกียจที่มีต่อเมฆทิ้งไป ยอมให้อีกฝ่ายแกล้งทำเป็นร้องโอดโอยแถมยังดึงดันจะพุ่งเข้าใส่ต่อ ในขณะที่คนเลือดร้อนถูกเพื่อนลากไปปรับทัศนคติเรียบร้อยแล้ว
“มันเป็นใคร กล้าดียังไงมาต่อยเมฆ” มุมปากที่แตกยับยังมีเลือดไหลซึม ตะวันฉายจำใจควานหาผ้าเช็ดหน้าแล้วซับมุมปากให้เขา นึกเสียดายผ้าเช็ดหน้าราคาแพงขึ้นมา แต่ถ้าเกิดเรื่องใหญ่โตคงหนีไม่พ้นต้องไปถ่ายพรีเวดดิ้งให้หมี่ขาวกับเก้าอี้ที่สถานีตำรวจแน่ๆ “เมฆจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด”
“ฉายขอโทษแทนเขาจริงๆ ค่ะ แต่อย่าให้เรื่องนี้ถึงโรงพักเลยได้มั้ยคะ ตอนนี้หมี่กำลังจะถ่ายพรีเวดดิ้งกับพี่อี้ ถือว่าฉายขอร้องนะคะ”
พอได้ใกล้ชิดจนได้กลิ่นหอมจากตัวเธอเมฆก็ใจเย็นลง เขามองคนที่กอดแขนตัวเองแน่นพร้อมกับทำหน้าอ้อนวอนก็อดใจอ่อนยวบไม่ได้ รู้สึกคิดถึงใบหน้านี้จนแทบทนไม่ไหว ยิ่งตอนที่อกของเธอเบียดชิดกับมัดกล้ามบนแขน ถึงได้สติว่าเป้าหมายของเขาคืออะไร
เขามาเพื่อขอคืนดีกับตะวันฉาย กับไอ้แมงดาคนนั้นนับเป็นอะไรได้
“ถ้าฉายยอมให้เบอร์เมฆ ยอมให้เมฆคุยกันอย่างเปิดใจ”
“ตกลงค่ะ”
ใบหน้าของเมฆเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนดีใจ รู้สึกว่าโดนต่อยครั้งนี้ก็ไม่แย่นัก เขาจับมือเธอพร้อมกับถามย้ำ “จริงนะครับ”
“จริงค่ะ” ตะวันฉายอมยิ้มอายๆ เธอหลุบตาลง หางตายังเหลือบเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งที่เหมือนจะทนไม่ไหวกับความใกล้ชิดระหว่างเธอกับเขา รอยยิ้มหยันที่เก็บซ่อนไว้จึงยิ่งทำให้เมฆเข้าใจผิด
ไม่กล้าเข้ามาเอาเรื่องด้วย คงตกอยู่ในสถานะจำยอมสินะ
“ถ้าอย่างนั้นฉายให้เบอร์เมฆได้ไหม”
เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา พอคนสลายตัวกันก็เหมือนมีบรรยากาศหวานชื่นระหว่างคนทั้งคู่ หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ เลยไม่สนใจ อีกทั้งยังไม่มีใครใส่ใจคนเจ้าอารมณ์ที่ถูกเพื่อนรวบตัวไปไกลๆ
“ก่อนอื่นฉายขอถามอะไรอย่างได้มั้ยคะ”
“เรื่องอะไรครับ” เขาถามกลับอย่างกระตือรือร้น
“พี่เมฆมีผู้หญิงคนอื่นซ่อนไว้เหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า”
“เมฆจะมีใครที่ไหนล่ะครับ ตั้งแต่เลิกกับฉาย เมฆก็ไม่สามารถเปิดใจให้ใครได้อีก แสงตะวันยามเช้าของเมฆหายไปแล้ว ใจเมฆยังเปิดรับใครได้อีก”
ตอแหล...
ตะวันฉายแกล้งยิ้มเขินไปอีก ปล่อยแขนเขาอย่างเป็นธรรมชาติแล้วช่วยจัดคอเสื้อโปโลให้เขา ก่อนจะยื่นหน้ากระซิบข้างหู
“ฉายจะปลดบล็อกเบอร์พี่เมฆก็แล้วกันค่ะ” เธอเหยียดยิ้ม มองผ่านบ่าของเมฆไปยังสาวสวยที่ยืนรวมกลุ่มกับศิษย์เก่าแคมท์ เหยื่ออีกคนของเขาหรือเปล่าเธอไม่สนใจ ตอนนี้จะได้รู้กันว่าตะวันฉายน่ะ ก็คือแดดนรกในหน้าร้อนดีๆ นี่เอง
ตะวันฉายถอยออกมา มองเห็นเมฆยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาวสะอาด กลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมที่เคยทำให้เธอสดชื่นกลาย ตอนนี้เหมือนมีดคมที่กดซ้ำลงบนแผล มุมปากของเธอกระตุกน้อยๆ ล่ำลาด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์
“ฉายขอกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนก่อนนะคะ”
เมฆทำท่ายกหูโทรศัพท์ ปากขยับเป็นคำว่า “เดี๋ยวโทรหา”
ตะวันฉายหลิ่วตาให้เขา ก่อนจะหันหลังกลับอย่างมั่นใจพร้อมกับรอยยิ้มที่เลือนหายจากไปหน้า หากแววตาในตอนนี้สามารถฆ่าคนได้ ตะวันฉายอาจโดนคดีสังหารหมู่ไปแล้ว
มุมปากของเธอกระตุกขึ้น ขณะเร่งฝีเท้าเข้าไปหาต่อ เธอยังไม่ได้จัดการกับคนคนนี้เลย แถมยังนึกวิธีจัดการไม่ออก เขาจำได้แล้วงั้นเหรอว่าผู้หญิงเมื่อคืนคือเธอ หรือว่าเดาสุ่ม แต่ถึงยังไงก็ต้องปิดปากอีกฝ่ายให้ได้ หวังว่าเขาจะไม่แฉจนหมดเปลือกนะว่าเมื่อคืนเธอทำตัวเหลวไหลขนาดไหน เพราะไม่อย่างนั้นหมี่ขาวอาจฟ้องพ่อแล้วเธอจะถูกควบคุมความประพฤติอีกครั้ง
อุตส่าห์ตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนพ่อไว้ใจว่าเธอจะไม่ทำตัวเหลวไหลอย่างการเที่ยวกลางคืนและพยายามหิ้วผู้ชายกลับบ้านแล้วแท้ๆ
บางครั้งที่มีผู้ชายตามมาถึงบ้าน พ่อของเธอถึงขั้นถือปืนลูกซองมาขู่ ยังไม่พอ พี่ชายตัวแสบที่เพิ่งกลับมายังเสนอให้พ่อจ้างบอดี้การ์ดมาเพื่อควบคุมพฤติกรรมของเธอโดยเฉพาะ
เพราะครั้งล่าสุดที่พยายามพาผู้ชายกลับบ้าน
‘ไหนฉายบอกพ่อว่าจะให้พ่อจัดการเรื่องแต่งงานไง ทำไมถึงมอมเหล้าผู้ชายแล้วพาเข้าบ้าน’
‘พ่อ ฉายไม่ได้มอมเหล้าเขา’
‘แล้วทำไมถึงพามันกลับมาบ้าน’
‘เพื่อนฉายเองพ่อ เค้าเมาแล้วกลับบ้านไม่ได้’
ใครจะบอกความจริงล่ะว่าตอนที่กำลังจะจูบกัน อยู่ๆ เธอก็รู้สึกขยะแขยงกลิ่นตัวเขาขึ้นมาแล้วเผลอใช้มือสับต้นคอเขาน่ะ
ความพยายามลองใช้ชีวิตสุดเหวี่ยงมักท่าดีทีเหลว จบลงเพราะปฏิกิริยาอัตโนมัติล้วนๆ
บางอย่างประสาทรับกลิ่นของคนเราก็จดจำได้ดีกว่าความทรงจำที่เห็นผ่านดวงตา โดยเฉพาะกลิ่นของคนที่หวังผลอย่างอื่น ยิ่งสะอิดสะเอียน
เธอฝึกการสังเกตมาจากพ่อ เพราะเขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ บางครั้งบางคราวยังได้รับฉายาจากหมี่ขาวและสี่ยอดกุมารว่าเครื่องสแกนกรรม ที่หมายถึงสามารถคาดเดาพฤติกรรมของคนจากการสังเกตได้ เหมือนที่เธอไม่ชอบขี้หน้าต่อ เพราะนอกจากเขาจะขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ กลิ่นผู้ชายอันตรายยังรุนแรงจนเธอไม่อยากญาติดีด้วย แต่ขณะเดียวกันกลิ่นของผู้ชายอันตรายแบบต่อนี่แหละที่ทำให้ผู้หญิงมากมาย รวมทั้งเธอยอมนอนกับเขาได้ง่ายๆ
เหมือนแมลงตัวเมียที่ปล่อยฟีโรโมนออกมาล่อแมลงตัวผู้นั่นแหละ
แต่สำหรับเธอแล้ว ต่ออาจเป็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่แผ่กลิ่นบางอย่างดึงดูดแมลงมาเข้าใกล้ เพราะดูจะมีพิษสงรอบตัวเหลือเกิน
ครั้งก่อนถือว่าเธอไร้เดียงสาเกินไป ใครจะคิดว่าความฝันตอนเมาจะอันตรายขนาดนั้น ทว่าเมื่อคืนนี้...ความอยากรู้อยากลองแท้ๆ ที่ทำให้เวรกรรมชักนำมานอนด้วยกันอีกครั้ง
“ฉายขอคุยกับเขาตามลำพังได้มั้ย” ตะวันฉายหันไปบอกทุกคน เมื่อเห็นว่าต่อนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยมก็ผละออกไป แต่ก็ยังไม่วายจับตาดูอยู่ไม่ห่าง
ตะวันฉายนั่งลงข้างเขา มองพื้นถนนแล้วพูดว่า “นายคิดจะทำอะไร”
“แค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง” เขาว่าพลางหัวเราะในลำคอ
“ถึงกับต้องลงไม้ลงมือเลยหรือไง”
“ฉันไม่ใช่แมงดา” เขาว่า ควักเงินปึกนั้นยัดใส่มือเธอ “ฉันไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินถึงขั้นต้องขายตัวให้ผู้หญิงอย่างเธอหรอก”
“คนอย่างฉันมันยังไงไม่ทราบ”
“ปากเก่ง”
“นี่!”
“เธอมันอ่อนแอ แต่ที่ฉันตั๊นหน้าไอ้นั่นแค่อยากระบายอารมณ์เท่านั้น คนอย่างมันโดนแค่นี้ยังน้อยไป” เขาพูดตัดบท มองใบหน้าที่เดือดดาลเต็มทีของคนข้างตัวพร้อมกับเลียริมฝีปาก “ส่วนเธอ...คิดไม่ถึงว่านอกจากปากเก่งแล้ว ยังอ่อนหัด”
อ่อนหัด เขาหมายถึงอะไร เธอแค่เห็นสายตาที่มองมาอย่างสื่อความนัยก็รู้แล้ว ตะวันฉายหน้าเห่อร้อน จำต้องกำมือแน่นแล้วควบคุมสติ ตอนแรกเกือบจะผรุสวาทออกไป แต่เขากลับทำท่าจะเขวี้ยงล็อกเกตในมือทิ้งจนทำให้เธอร้อนรน
“นาย! ห้ามโยนทิ้งนะ”
“ถ้างั้นจะพูดอะไรก็พูดดีๆ” เขาทำท่าแคะหูรอฟัง
“นายต้องการอะไรกันแน่” เธอเริ่มสับสน แต่ก็เรียกสติคืนมาได้อย่างรวดเร็ว ทะเลาะกับคนคนนี้มีแต่จะทำให้เธอเสียเปรียบ ล็อกเกตยังอยู่ในมือเขา ของสำคัญที่สุดในชีวิตอยู่กับเขา เธอก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ
“ตอนนี้ยังไม่มี”
“นายต่อ! ตั้งใจหาเรื่องฉันหรือไง”
เขายักคิ้ว “พี่ต่อ” พลางชูล็อกเกตขึ้นสูงแล้วเอียงคอมองเธอ “เรียกสิ”
“ทำไมฉันต้องเรียกด้วย”
“ทีกับคนอื่นเธอยังเรียกพี่ได้ แต่เธอกลับตั้งแง่กับฉันตั้งแต่แรกเจอ แถมยังไม่ให้ความเคารพเนี่ยนะ เรียกพี่สิ”
ตะวันฉายเม้มริมฝีปาก “ฉันเรียกพี่เฉพาะคนที่น่าเคารพเท่านั้น”
ต่อสะอึกไปเล็กน้อย ก่อนแววตาจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์ เอียงตัวกระซิบข้างหูเธอเบาๆ “ทำไม...หรือเพราะเธอเคยเป็นเมียฉัน”
“หุบปาก! แค่นอนด้วยกันสองครั้ง คำว่าคู่นอนยังมากไปด้วยซ้ำ” ถึงแม้มันจะเป็นตั้งสองครั้งกับผู้ชายคนเดิมในชีวิตเธอก็เถอะ
“หึ...” เขาลุกขึ้น เก็บล็อกเกตใส่กระเป๋ากางเกง “เอาไว้ฉันอารมณ์ดีแล้วจะคิดเรื่องคืนของนี่ให้เธอก็แล้วกันนะ ส่วนเงินนั่นน่ะ ไม่ต้องให้ฉันหรอก เพราะถ้าฉันพอใจ เธอไม่ต้องทำอะไรเลยก็ยังได้” พูดจบก็หัวเราะทิ้งท้าย ปล่อยให้ตะวันฉายโกรธจนตัวสั่น
ไม่น่าเลย ไม่น่าดื่มจนเมาเลย!