ตอนที่ 3 เรื่องบน... EP.3
ผู้หญิงที่นั่งฝั่งตรงข้ามงัวเงียเพราะฤทธิ์ยาและซบไหล่ของมดโดยไม่สนใจเลยว่าสายตาของคนอื่นจะมองมายังไง เหมือนกับว่าเป็นความคุ้นชินจากการที่รู้จักกันมานานกว่าสองปี แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นต่อกลับรู้สึกเหมือนว่ามีมดนับพันตัวกำลังกัดกินใจเขาจนอยู่ไม่สุข รู้สึกอยากกระชากร่างของผู้หญิงคนนั้นออกจากเพื่อนสนิท แต่สุดท้ายเขากับทำเพียงกำหมัดแน่นแล้วแสร้งทำเป็นเสมองไปทางอื่น
ทว่าเสี้ยวนาทีที่ดวงตาคมเลื่อนจากใบหน้ากระอักกระอ่วนของมด เขากลับสังเกตเห็นร่องรอยประหลาดที่อยู่ในเงาผมของตะวันฉาย
รอยแดงซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่เขาโปรดปรานเวลามีเซ็กส์
เขาชอบกลิ่นหอมที่มาจากแอ่งชีพจรของผู้หญิง ยิ่งอีกฝ่ายมีแรงดึงดูดมากเท่าไร เขาก็ยิ่งทิ้งความเป็นเจ้าของไว้ชัดเจนเท่านั้น ต่อสังเกตเห็นว่าเธอพยายามแล้วที่จะลงเมคอัพปกปิด แต่มันไม่ช่วยอะไรนักเพราะรอยนั้นมันชัดเจนเสียยิ่งกว่าอะไร
ความทรงจำในคืนที่อยู่บนดอยอินทนนท์พลันหวนมาอีกครั้ง คราวนี้ต่อต้องรีบเอนหลังแล้วหลับตาลงเพื่อซ่อนแววตาตื่นตระหนกไว้ สาบานได้ว่ากลิ่นของผู้หญิงเมื่อคืน เหมือนกลิ่นที่เขาได้สัมผัสจากตะวันฉายในครั้งนั้น [N1] ตอนแรกเขาแค่สงสัยและแอบคาดหวังว่าจะเป็นเธอ และตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แค่จินตนาการไปเอง
ยัยตัวแสบยังคงมีนิสัยเหมือนเดิม ใช้เงินฟาดหัวผู้ชายเหมือนอย่างครั้งนั้น...หึ
ที่สำคัญ เขาเที่ยวสืบเสาะหาผู้หญิงที่ฉีดน้ำหอมแบบเดียวกันแล้วให้กลิ่นกระตุ้นประสาทสัมผัสเช่นเดียวกับเธอ
และแน่นอนว่า...ไม่มี
น้ำหอมที่ฉีดบนตัวคนแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง แต่เขาไม่เคยเจอเรื่องประหลาดอย่างที่ว่าใครคนหนึ่งสามารถมีกลิ่นที่เป็นของตัวเอง...หนึ่งเดียวในโลกนี้
ให้ตายสิ ผู้หญิงมีตั้งมากมาย แต่เขากลับสูญเสียการควบคุมกับคนคนเดียวถึงสองครั้ง
แถมยังโดนอีกฝ่ายหยามหน้าถึงสองคราวอีกด้วย
เหมือนกับถูกย้ำรอยแค้น ต่อแทบจะแค่นเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง โชคดีที่เสียงเร่งเครื่องของรถแดงมันดังจนกลบเสียงเขา
ชายหนุ่มลืมตาขึ้น เหลือบไปเห็นคู่รักอีกคู่ที่เขาเป็นพยานรักให้อีกฝ่ายมาเจ็ดปี ต้องนับตั้งแต่ตอนที่เก้าอี้แอบชอบรุ่นน้องในค่ายโอลิมปิกวิชาการ กระทั่งได้คบกันจริงจังจนถึงขั้นจดทะเบียนสมรส ก็เจ็ดปีอย่างที่ว่า ฝ่ายชายนั่งนิ่งเป็นหมอนให้เธอหนุน ในขณะที่ผู้หญิงตัวเล็กคนนั้นนั่งซบบ่าเขา ดวงตาหลับพริ้มพร้อมกับมีรอยยิ้มจางๆ มือเรียวของเธอถูกอีกฝ่ายกุมไว้ ราวกับกลัวว่าเธอจะหายไปได้ทุกเมื่อ
ท่าทางหวงแหนและสายตาห่วงใหญ่ที่เก้าอี้มีต่อหมี่ขาว ต่อเห็นจนเลี่ยน ขณะเดียวกันก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไงกับชีวิตคู่ของอีกฝ่าย
ความรัก...คืออะไรล่ะ
ชีวิตเขานอกจากเรื่องงานแล้ว สิ่งที่ทำให้ผ่อนคลายได้ก็คือเซ็กส์และเกม
เขาเกลียดการใช้ชีวิตคู่ เกลียดการต้องคาดหวังกับอีกฝ่าย เกลียดการที่ต้องคอยเอาอกเอาใจคนอื่น เกลียดการที่นั่งมองผู้หญิงบางกลุ่มที่เดินเข้าหาเขาเพราะชื่อเสียงเงินทอง
ความรัก? รักโง่งมที่ทำให้พี่สาวฝาแฝดเขายอมตาย เขาไม่ต้องการผู้หญิงแบบนั้นเช่นกัน ผู้หญิงที่รักคนอื่นมากกว่าตัวเอง เขาได้แต่ยิ้มสมเพช คนที่ไม่แม้แต่จะรักตัวเอง...ยังรักใครได้อีกเหรอ?
รถแดงพามาถึงตรงโค้งสปิริตในเวลาประมาณเจ็ดโมง เนื่องจากมีรถจำนวนมากล่วงหน้าขึ้นมาก่อนเลยทำให้ไม่สามารถเร่งความเร็วได้ ทั้งนี้ยังเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนซึ่งตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเครื่องดื่มและสินค้าต่างๆ ที่บริษัทนำมาโฆษณาดึงดูดน้องใหม่ปีนี้
พอรถแดงจอดนิ่งสนิททุกคนก็ลงจากรถ ตะวันฉายงัวเงียตื่นขึ้นมา พอพบว่าตัวเองซบบ่าของมดอยู่ก็พึมพำขอโทษ น่าจะเพราะเมื่อคืนเธอแทบไม่ได้นอน ไหนจะต้องกินยาแก้เมารถ อาการง่วงซึมเลยแสดงชัดบนใบหน้า ยังดีที่อากาศบนดอยค่อนข้างเย็นจึงทำให้ร่างกายของเธอค่อยๆ ตื่นตัว
หมี่ขาวเดินมาหาเธอพร้อมเอามืออังหน้าผากด้วยความเป็นห่วง
“ไม่สบายเหรอ”
ตะวันฉายรีบส่ายหน้า มือรวบผมที่ถูกลมตีจนยุ่งเหยิง
“ไม่เป็นไร กินยาแก้เมาไปเลยมึนๆ น่ะ” นิ้วเรียวพยายามสางผมที่พันกัน หงุดหงิดตัวเองไม่น้อย ก่อนนั่งรถแดงควรรวบผมให้เรียบร้อยก่อน ไม่น่าเลยจริงๆ
หมี่ขาวยื่นลูกอมบ๊วยให้เธออีกเม็ดหนึ่ง ตะวันฉายหยิบใส่ปากทันที พลันได้ยินเสียงผู้ชายอาเจียนดังขึ้นมา ทุกคนหันไปตามเสียง พบว่าคนที่อาเจียนไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต่อกับเฟิร์สที่กอดคอกันอ้วกเหมือนนัดกันมา
“เป็นอะไรกันเหรอคะพี่อี้” หมี่ขาวรีบถาม มองคุณหมอสาวยื่นน้ำให้เฟิร์สด้วยความเป็นห่วง ขณะเดียวกันคนที่ต้องดูแลต่อก็คือกัปตันซึ่งทำท่าจะอาเจียนตามไปอีกคน
“สองคนนี้เมาควันรถน่ะสิ” เก้าอี้ตอบ พยายามกลั้นขำเพราะไม่อยากซ้ำเติมคนเมารถนัก ใครใช้ให้ตอนกลางคืนดื่มหนักขนาดนั้นล่ะ โดยเฉพาะเฟิร์ส รู้ว่ามาขึ้นดอยในฐานะนายช่างปีแรก แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะดื่มหนักไปอีกคน ยังดีที่มีแฟนเป็นหมอ ไม่งั้นแล้วคงได้หามส่งโรงพยาบาลแน่ๆ
ทว่าคนอื่นๆ ไม่มีใครเก็บอารมณ์อยากขำสักคน ต่างก็พากันหัวเราะครืน มดหยิบกล้องถ่ายภาพออกมาจากกระเป๋าสะพาย รัวชัตเตอร์ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เป้าหมายในตอนนี้ก็คือคนที่มีสภาพดูไม่จืดสองคนนั้น ภาพแห่งประวัติศาสตร์แบบนี้ไม่เก็บไว้ได้ไง
เนื่องจากขึ้นมาบนดอยค่อนข้างเช้า หลังจากที่ทุกคนหาจุดสวยๆ สำหรับให้หมี่ขาวกับเก้าอี้ถ่ายรูปได้แล้วก็เริ่มกระบวนการเก็บความทรงจำด้วยภาพถ่าย ภาพพรีเวดดิ้งของสองคนนี้ไม่ได้เหมือนภาพของคู่บ่าวสาวทั่วไป แถมสองคนนี้ยังเตรียมเสื้อช็อปมาถ่ายด้วย หมี่ขาวใช้รุ่นน้องในชมรมให้ไปซื้อผ้าคาดโซตัสครบทั้งสี่สีมาอย่างละสองเซตเพื่อเอามาเป็นพร็อพในการถ่ายภาพ และยังไม่ลืมว่าตอนที่เปิดสายรหัสคู่รักทั้งคู่ต้องการถ่ายรูปรวมสายรหัสเพื่อเป็นที่ระลึก แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นความคิดของตะวันฉาย ถึงเธอจะไม่เชื่อในความรัก แต่กลับชอบสร้างซีนโรแมนติกให้เพื่อน อารมณ์เหมือนส่งลูกสาวเข้าสู่ประตูวิวาห์ยังไงยังงั้น
ที่จริงการซื้อผ้าคาดโซตัสนั้นเป็นประเพณีขูดรีดนายช่างรูปแบบหนึ่ง กล่าวคือถ้าคุณยังเรียนอยู่ ผ้าคาดจะราคาประมาณ 20 บาทต่อผืน แต่ถ้าคุณเป็นนายช่าง ราคาของมันจะคูณเข้าไปแล้วแต่กำลังศรัทธาและสกิลการขูดรีดของรุ่นน้องที่ขาย ตอนแรกเก้าอี้ออกปากว่าจะไปซื้อให้ ทว่าใครๆ ก็รู้ว่าเขาเป็นใคร ขืนให้เก้าอี้หรือหมี่ขาวไปซื้อ ไม่แน่ว่าราคาของมันอาจพุ่งสูงจนสคบ.เรียกตรวจสอบ
เอาเป็นว่าฝากรุ่นน้องซื้อสะดวกที่สุด เพราะว่าเวลาขายคือเวลาในวันธรรมดา ซึ่งส่วนใหญ่ต้องทำงานกันจนแทบลืมเวลาไปเลยทีเดียว
ตะวันฉายเองก็ฝากซื้อผ้าคาดโซตัสสีดำสองผืน เอาไว้มอบให้กับหลานรหัสที่ไม่รู้ว่าปีนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ระหว่างที่รอหมี่ขาวกับเก้าอี้เก็บภาพความทรงจำ ตะวันฉายรู้สึกเมื่อยจึงนั่งพักที่ไหล่ทางเพื่อรอให้คณะวิศวกรรมศาสตร์วิ่งขึ้นดอยมา ปีนี้เป็นปีที่ลิกไนต์กับบาสน้องในชมรมที่เธอสนิทด้วยวิ่งแบกเสลี่ยงขึ้นมา ยังไงก็ต้องรอให้กำลังใจและถ่ายรูปด้วย
พอคิดถึงเรื่องถ่ายรูปเธอก็ควักโทรศัพท์มือถือออกมากะว่าปีนี้จะเซลฟี่สักหน่อย แต่เหมือนว่าเมื่อคืนเธอยังซวยไม่พอ เพราะว่าคู่กรณีที่ทำให้เธอดื่มจนขาดสติกำลังเดินมาหา
เมฆ...
หนุ่มหล่อเดือนแคมท์ อดีตแฟนหนุ่มของเธอ
เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม ขณะเดียวกันก็ดูสะอาดสะอ้านตามแบบฉบับหนุ่มเหนือ ดวงตาเรียวรีมักเป็นประกายสดใสเวลาเขายิ้ม
ใช่...เขากำลังยิ้มให้เธอพร้อมกับเดินมาหา
ตะวันฉายใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นลม
ไม่ได้! จะปล่อยให้เขาเดินมาหาเธอในขณะที่ตัวเธอเองรู้สึกไม่มั่นคงแบบนี้ไม่ได้ หญิงสาวมองหาหมี่ขาว ทว่าเพื่อนกำลังหันหลังอยู่ เธอดันตัวลุกขึ้น ทว่ากลับสูญเสียการทรงตัวไปแวบหนึ่ง โชคดีที่มีใครอีกคนคว้าเธอไว้ได้ก่อนที่จะหงายหลังลงร่องน้ำข้างทาง
“ระวังหน่อยสิ”
ต่อสังเกตเห็นอาการของเธอได้สักพักแล้ว เพราะตะวันฉายมีสีหน้าซีดขาว ยังดีที่เธอสามารถประคองสติได้ เขาที่ยืนอาเจียนถัดไปสองสามก้าวสังเกตเห็นผู้ชายคนนั้นก่อน นึกได้ทันทีว่าเป็นคนเดียวกับที่สี่ยอดกุมารเคยเล่าให้ฟังว่าเป็นแฟนเก่าของตะวันฉาย
คนที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ประชดชีวิตตัวเอง
“ฉาย...ไม่ได้เจอกันนานเลย”
ดวงตาของต่อทอประกายเย็นเยียบ ตะวันฉากเอ่ยขอบคุณ แต่เธอดื้อที่จะยืนด้วยตัวเอง น่าเสียดายที่ร่างกายไม่เป็นใจนัก ร่างระหงจึงเซมาซบอกเขาจนได้
จังหวะดีอะไรแบบนี้ ต่อกระตุกยิ้มเย็น มองเมฆตาไม่กะพริบ มือข้างหนึ่งโอบรอบไหล่ของตะวันฉายพลางแกล้งกระซิบถามด้วยเสียงที่ดังพอให้อีกฝ่ายได้ยิน
“ที่รัก...ใครเหรอ”
เมฆหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย
ตะวันฉายลอบถลึงตาใส่ต่อ แต่ก็หันกลับไปกระตุกยิ้มให้เมฆแล้วทักทายเสียงสดใส
“พี่เมฆ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
เพิ่งเจอกันเมื่อคืนแท้ๆ แต่เขาไม่เห็นเธอ
“สบายดีไหม” เขาถาม สีหน้าเป็นห่วงอย่างชัดเจน “เมฆพยายามโทรหาฉาย แต่ไม่เคยโทรติด”
“ฉายเปลี่ยนเบอร์ค่ะ” เธอยิ้ม แน่สิ...เธอบล็อกเบอร์เขาไปแล้ว จะติดได้ยังไง
“ฉายมีแฟนใหม่แล้วเหรอ”
ตะวันฉายเหลียวมองต่อแวบหนึ่ง ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ “เปล่าค่ะ แค่คู่นอน พี่เมฆเถอะค่ะ มาขึ้นดอยกับใครเหรอคะ”
คู่นอน คำเดียวที่ทำให้ต่อเผลอบีบไหล่เธอจนหญิงสาวรู้สึกเจ็บ ทว่าใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มหยันกลับไม่ได้เปลี่ยนสีสันเท่าใดนัก
เมฆมองตะวันฉายสลับกับต่อด้วยสายตาประหลาดใจ หนึ่งในนั้นเหมือนเจือด้วยความผิดหวังรางๆ
“เมฆคิดว่าปีนี้อาจจะได้เจอฉาย เลยมาขึ้นดอยไง ฉาย...มีคู่นอนด้วยเหรอครับ จำได้ว่าเมื่อก่อน...” แม้แต่จะจูบยังไม่ให้เลย
ตะวันฉายมองหนุ่มหล่อตรงหน้า ริมฝีปากเคลือบยิ้มอ่อนหวาน เธอผละออกจากต่อ ยกมือทาบบนไหล่ของเมฆอย่างเป็นธรรมชาติ หางตาเหลือบเห็นผู้หญิงคนเดิมกับเมื่อคืน มุมปากยิ่งกดลึกขึ้น
ดูแล้วไม่ใช่คนเดิมกับที่เห็นในห้อง...ตอนนั้น
“สมัยไหนกันแล้วคะพี่เมฆ ผู้หญิงอย่างเราจะเก็บของแบบนั้นไว้ทำไม ขนาดพี่เมฆยังไม่แคร์เลยไม่ใช่เหรอคะ”
เมฆดึงมือตะวันฉายขึ้นมากุม แววตาเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
“พี่ขอโทษนะครับ เรากลับมาดีกันได้ไหม”
ตะวันฉายรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหวยสามตัวท้าย เธอหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มยิ่งนานยิ่งกว้างขึ้น
กว้างเสียจนเมฆคาดหวังกับคำตอบของเธอ เขาอยากกลับมาขอคืนดีกับเธอนานแล้ว ตะวันฉายมีคู่นอนเหรอ ไม่เป็นไร เขาไม่แคร์เรื่องนี้ ขอแค่เธอกลับมาคบกับเขา ขอแค่นั้นก็พอแล้ว
เธอจำได้ดีในวันที่ตะวันฉายเห็นผู้หญิงคนเก่าอยู่ในห้องของเขา เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหล ถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
‘ทำไมเมฆนอกใจฉาย’ เมื่อก่อนเธอเรียกเขาว่าเมฆ เพราะเขาไม่อยากให้มันดูห่างเหินระหว่างคนรัก
แต่เขากลับตอบแทนเธอด้วยถ้อยคำเห็นแก่ตัว
‘เมฆเป็นผู้ชาย มีความต้องการของผู้ชาย แต่ฉายไม่ยอมให้เมฆ’
ตะวันฉายไม่อยากจำเลยว่าตอนนั้นขอแค่เพียงเมฆเอ่ยปากถึงอนาคตที่จะสร้างร่วมกันสักประโยค บอกว่าจะขอไปพบพ่อแม่เธอสักคำ ไม่ต้องรอให้เรียนจบหรือสามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้อย่างคนอื่น ตะวันฉายก็อาจมอบสิ่งที่ใช้ตีราคาผู้หญิงอย่างเยื่อพรหมจรรย์ให้เขาไปอย่างโง่งมก็ได้
ต่อที่ยืนมองอดีตแฟนเก่ากำลังพร่ำพรรณนาเรื่องระหว่างกันก็รู้สึกพะอืดพะอมอีกรอบ ยัยผู้หญิงโง่นี่คิดจะกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าจริงเหรอ?
แต่ยัยนี่กล้าดียังไงมายกให้เขาเป็นคู่นอนกันหา!
ต่อคิดอะไรขึ้นได้ เขาล้วงเอาล็อกเกตที่นำติดตัวมาด้วยขึ้นมาเปิดดู อารามหมั่นไส้ทำให้เขาส่งเสียงขัดคอ
“นี่...ที่รัก คุณอุตส่าห์เอาไอ้นี่ให้ผมแล้วมาว่าผมเป็นแค่คู่นอน ผมก็น้อยใจเป็นนะครับ”
เขายืนข้างคนทั้งสอง แบมือออก ในมือคือล็อกเกตทองคำขาว เพียงแค่สองคนนั้นเห็นของที่อยู่ในมือต่อ แต่ละคนก็มีสีหน้าต่างกันไป
เมฆเบิกตากว้าง มองฉายด้วยความสับสน
“ฉายเอาล็อกเกตนี้ให้เขาเหรอ”
ตะวันฉายหน้าซีดเผือด “เปล่าค่ะ ฉายทำหาย” เธอไม่ได้กลัวว่าเมฆจะเสียใจ แต่กลัวว่าต่อจะจำได้ คุณพระ! ไม่ใช่ว่ามันหล่นหายตอนที่...นอนด้วยกันหรอกนะ
ตะวันฉายคลำไปที่หน้าอก ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง เธอยื่นมือหมายคว้าล็อกเกตจากต่อ ทว่าอีกฝ่ายไวพอที่จะเก็บมันกลับไปแล้วกระตุกยิ้ม
“ให้แล้วคืนไม่ดีนะ”
“นายขโมยมันมาใช่มั้ย” ฉายกล่าวหาอย่างเดือดดาล
ทว่าเมฆเป็นใบ้ไปแล้ว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขัดแย้งในตัวเอง แต่กลับพูดอะไรไม่ออกเพราะสายตาที่ต่อส่งมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
เหมือนมาเฟีย...
ต่อกระตุกยิ้ม โอบรอบคอเธอแล้วก้มกระซิบพร้อมกับฉวยโอกาสดมกลิ่นหอมจากตัวเธอเพื่อยืนยันให้แน่ใจ
“มีขโมยที่ไหนขโมยของแล้วยังได้เงินอีกฟ่อนล่ะที่รัก”
เมฆหน้าเขียว ผลักต่อออกจากร่างของฉายแทบจะทันที “ไอ้เวร มึงเป็นแมงดามาเกาะฉายเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะพี่เมฆ” ตะวันฉายพยายามห้าม ทว่าต่อกลับไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไร พอโดนเมฆผลักมาแบบนี้ความหงุดหงิดที่มีอยู่เป็นทุนเดิมก็ปะทุ ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมมันแล้ว
ผลัวะ!
พอได้ออกแรงหน่อยถึงยิ้มออกได้