ตอนที่ 2 เรื่องบน... EP.2

2829 Words
ตอนที่ 2 เรื่องบน... EP.2 "ชอบผู้ชายฉลาดค่ะ จะได้ไม่ต้องใช้สมองให้มาก" ตะวันฉาย เรื่องราวที่ผ่านมามักถูกปล่อยให้ลืมไปตามกาลเวลา แต่ตะวันฉายไม่คิดว่าตัวเองจะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยด้วยการนอนกับผู้ชายคนเดิมถึงสองครั้ง มันเป็นอีกครั้งที่เธอปล่อยให้ตัวเองเมาหนักจนลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ เดินตามกลิ่นน้ำหอมของผู้ชายคนหนึ่ง...แล้วเปิดห้องนอน เดิมทีเธอไม่คิดว่าตัวเองจะเดินตามเขาต้อยๆ เหมือนแมลงตัวผู้ตามกลิ่นฟีโรโมนของเพศเมีย เพราะเธอไม่ใช่แมลงตัวผู้และเธอไม่ใช่แมลง ตะวันฉายสาบานให้ตัวเองนกบัตรคอนเสิร์ตเดือนหน้าเลยก็ได้ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่มอบเซ็กส์ครั้งที่สองในชีวิตให้จะเป็นคนเดียวกับพี่ต่อ เพื่อนสนิทของพี่อี้ซึ่งเป็นคนรักของเพื่อนสนิทเธอ ให้ตายเถอะ ใครจะไปรู้ว่าพอเขาใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมๆ มันจะกระตุ้นความรู้สึกอยากอะไรขนาดนั้น ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะกลายเป็นคาสโนว่าตัวพ่อตามที่หมี่ขาวเคยเล่าให้ฟัง เพราะเขาไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงด้วยซ้ำ เพียงแค่ถาม...จูบ ลูบไล้ กลิ่นน้ำหอมจากตัวเขาก็ทำเอาสติของผู้หญิงกระเจิดกระเจิง มันทำให้ประสบการณ์ในอดีตที่เธอไม่เคยลืมหวนกลับมาอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ต่างออกไปเล็กน้อย เพราะคราวนี้เธอเป็นฝ่ายตอบรับอย่างยินดี แม้ว่าสาเหตุจะมาจากผู้ชายคนเดิม และเธอก็ลงเอยกับผู้ชายคนเดิม สาเหตุมันมาจากการที่เธอเห็นเมฆผู้ชายสารเลวคนนั้นกับผู้หญิงคนใหม่ แฟนเก่าที่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้กับเธอ แผลเป็นที่ทำให้เธอไม่เชื่อในความรักระหว่างชายหญิง แม้ว่าเพื่อนสนิทของเธอเองจะได้รับสิ่งนั้นจากเก้าอี้ก็ตาม ตะวันฉายรู้สึกยินดีที่เพื่อนรักได้รับในสิ่งที่ผู้หญิงทั่วโลกต่างปรารถนา แม้ว่าตัวเธอเองจะไม่เชื่อในมันก็ตาม แต่เบื้องหลังความสุขสมหวังของหมี่ขาวกลับเต็มไปด้วยความทรงจำที่ผู้ชายคนหนึ่งมีต่อเธอมาก่อนหน้านั้นแล้วห้าปี ในโลกนี้มีผู้ชายน้อยคนที่ยึดติดกับความรักครั้งแรกจนกระทั่งสมหวัง ผู้หญิงเองก็เช่นกัน โลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่ใช่นางสาวตะวันฉายที่โลกสวยอีกต่อไป ที่จริงเธอควรจะกร้านโลกด้วยซ้ำ หลังจากเสียครั้งแรกให้กับเพื่อนสนิทของเก้าอี้ มัน[N1] ควรเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอไม่แคร์เรื่องเวอร์จิ้น ไม่แคร์เรื่องการแต่งงานกับผู้ชายคนแรกของชีวิต แต่ขณะเดียวกันหลายปีมานี้ กลับไม่มีใครสักคนที่ทำให้เธออยากนอนด้วย แม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะใช้น้ำหอมแบบเดียวกับต่อก็ตาม หญิงสาวคิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคนตายด้านไปแล้วแท้ๆ หลังจากเห็นแฟนเก่ามากับผู้หญิงคนใหม่ ความจริงเธอควรจะด้านชา แต่สุดท้ายก็เจ็บใจจนต้องย้อมใจจนเมาไม่รู้เรื่อง เพราะแบบนี้หมี่ขาวถึงติดต่อเธอไม่ได้ กระทั่งเช้านั่นแหละ เธอตื่นมาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่งในสภาพเปลือยเปล่า ประสบการณ์เร่าร้อนในตอนกลางคืนนั้นคล้ายกับภาพในความฝัน ทุกสัมผัสรับรู้ทำให้เธอประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอผู้ชายที่เข้ากันได้ขนาดนี้ แต่พอเห็นหน้าเขาชัดๆ ใบหน้าหล่อร้าย ที่ไม่มีทางลืม เพราะเห็นกันอยู่ทุกปี ในขณะที่เขาเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น ตะวันฉายกลับไม่คิดว่าเมื่อคืนเธอจะกลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่เขานอนด้วยอีกครั้ง ตอนแรกเธอคิดจะใช้ต่อเป็นเครื่องมือในการเอาคืนแฟนเก่าอย่างเมฆ ทั้งที่หมี่ขาวเองก็เคยห้ามไว้หลายครั้ง เพราะการเอาตัวเข้าแลกไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนสนับสนุน ทว่าคนอย่างตะวันฉายเวลาคิดจะทำอะไรแล้วไม่เคยยอมแพ้ เธอตามติดชีวิตของต่อ เข้าไปอยู่ในแวดวงเกมออนไลน์จนกลายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม ทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ในเฟซบุ๊ก รวมทั้งคอยดูแลนักกีฬาที่ได้รับฉายาในทัวร์นาเมนต์คัมแบ็กว่า ‘ยิงโหดเหมือนโกรธเมีย’ เธอก็อดร้อนตัวไม่ได้ เพราะหลังจากคืนที่เธอกับเขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ตะวันฉายก็ไม่เห็นว่าต่อจะควงใครอีก ซึ่งอันที่จริงน่าจะเป็นเพราะว่าเขาไม่มีโอกาสไปข้างนอกมากกว่า การเป็นนักกีฬา E-Sport ทำให้เขาต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด แทบไม่มีเวลาไปสังสรรค์ข้างนอกเนื่องจากการดื่มเหล้าทำให้ระบบประสาทเสื่อมสภาพจนส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวในเกม ไม่รู้ว่าเธอเริ่มมองเขาใหม่ตั้งแต่ตอนไหน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจลบภาพคาสโนว่าออกไปจากหัวได้อยู่ดี ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเขาเป็นผู้ชายไทป์ที่ผู้หญิงเกือบทุกคนต้องการได้มาครอบครอง เสน่ห์ร้ายของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอเก็บเขามาคิดถึงโดยไม่รู้ตัว อาจเป็นเพราะทฤษฎีที่ว่าผู้หญิงมักจะฝังใจกับผู้ชายที่ได้ครั้งแรกของตัวเองไป ทว่าความหวั่นไหวเพียงครั้งคราวก็มลายไปเพราะนิสัยแย่ๆ ของผู้ชายคนนั้น คืนที่เขาพูดจาดูถูกจนเธอต้องสั่งสอนให้อีกฝ่ายรู้สำนึกว่าคนอย่างตะวันฉายไม่ใช่สินค้าที่ผู้ชายจะสามารถเอามาเชยชมแล้วดูหมิ่นดูแคลนได้ คืนนั้นเหมือนเป็นการปลดล็อกตัวตนอีกด้านหนึ่งของเธอ ความแรด… แต่ให้ตายเถอะ ความแรดที่มีมาไม่ได้ช่วยให้เธอสามารถคบกับใครก็ได้ หรือนอนกับใครได้ง่ายๆ เพราะมันมาพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่แปลกไป ถ้าคำจำกัดความของฟีโรโมนคือกลไกของร่างกายที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเพศเมียสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้ บางทีแล้วเธอกับต่ออาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดึงดูดกันและกันด้วยฟีโรโมนที่ทำปฏิกิริยากับน้ำหอมที่ทั้งสองใช้ เพราะเธอมั่นใจว่าที่เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ถึงสองครั้งก็เป็นเพราะกลิ่นจากตัวเธอเช่นกัน ไม่อย่างนั้นถ้อยคำแบบเดียวกันคงไม่เกิดขึ้นในบริบทต่างกันหรอก “เปลี่ยนน้ำหอมซะ ถ้าไม่อยากโดนลวนลาม” และ “กลิ่นน้ำหอมของเธอทำให้ผมแทบคลั่ง” “คิดอะไรอยู่น่ะฉาย หายไปทั้งคืนแถมกลับมาตอนไหนก็ไม่บอก” ผู้หญิงหน้าตาสวยหวานซึ่งกำลังสวมเสื้อโปโลของรุ่นถามขึ้นพร้อมกับใช้สายตาจับผิด “เปล่า เมาค้างไงหมี่ เมื่อวานไม่ไหวเลยให้พนักงานเปิดห้องให้” “แน่ใจเหรอ” ตะวันฉายพยักหน้าพร้อมกับหลบสายตา กลัวว่าจะโดนหมี่ขาวจับสังเกตได้ เพราะเวลาเธอโกหกมักจะโดนจับได้เป็นประจำทุกที แต่รอบนี้เพื่อนสนิทไม่ได้เซ้าซี้ต่อ เพราะเหมือนว่าพอเห็นใครอีกคนถือน้ำพร้อมกับถุงขนมมาให้เธอก็ฉีกยิ้มกว้าง โลกของอีกฝ่ายกลายเป็นสีชมพูขึ้นมาทันตา ตะวันฉายแค่นเสียงหัวเราะแกนๆ เหล่มองเพื่อนแต่ละคนที่พาแฟนมาขึ้นดอยด้วยใบหน้าเอือมนิดๆ มีแต่เธอกับเตเท่านั้นที่ยังคงหัวเดียวกระเทียมลีบ แต่ก็แปลกที่ทั้งคู่ไม่เคยคิดกันเกินเลยมากกว่าเพื่อนสนิทเลยสักครั้ง ความสัมพันธ์แบบนี้ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะการเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ทำให้ตะวันฉายรู้ว่าผู้ชายกับผู้หญิงเป็นเพื่อนกันได้จริงๆ พี่อี้ของหมี่ขาวเป็นผู้ชายตัวสูง หน้าตาหล่อเหมือนซูเปอร์สตาร์ตัวท็อปของเอเชีย น่าเสียดายที่เขาเข้าวงการไปแค่ปีเดียวในฐานะไอดอลจำเป็นแล้วก็ถอนตัวออกมา ตอนนี้เขากลายเป็นเจ้าของบริษัทรับพัฒนาซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ไฮเทคที่มีมูลค่าการตลาดค่อนข้างสูงในแวดวงไอที ขณะเดียวกันก็ยังสานฝันกับเพื่อนในกลุ่มแก๊งที่เล่นเกมด้วยกันด้วยการเป็นนักกีฬา E-Sport หลังจากที่พวกเขากลับมาคว้าแชมป์ได้อีกครั้ง ตะวันฉายเองก็ขึ้นปีสี่ แต่เพราะทั้งวิชาเรียนและโปรเจ็กต์ที่ท่วมหัวทำให้เธอเริ่มถอยห่างจากการช่วยหมี่ขาวจัดการทีม ที่สุดก็ต้องถอนตัวออกมาเพราะว่าไม่อยากทำให้เพื่อนลำบากใจ และนั่นทำให้เธอแทบไม่ได้เจอต่ออีกเลย ปีนี้ตะวันฉายกลับมาขึ้นดอยในฐานะนายช่างเป็นปีแรก หลังจากที่รับปริญญาเสร็จไปเมื่อต้นปี และเพิ่งรู้ข่าวดีว่าหมี่ขาวตอบตกลงจดทะเบียนสมรสกับเก้าอี้โดยที่ฝ่ายชายยอมตามใจเธอด้วยการไม่จัดงานแต่งงาน แต่จะไม่จัดจริงๆ ก็ไม่ได้ เพราะตะวันฉายเป็นตัวตั้งตัวตีว่าจะเป็นพยานรักให้กับเพื่อน ดังนั้นแล้วเธอจึงออกความคิดว่าขึ้นดอยปีนี้หมี่ขาวกับเก้าอี้ต้องมาถ่ายพรีเวดดิ้ง ตะวันฉายคิดเสมอว่าแม้เธอเองจะไม่สมหวังในความรัก แต่เธอไม่อยากให้เพื่อนเป็นแบบที่เธอเจอการได้เป็นพยานและเป็นกองเชียร์ให้กับคู่ของเก้าอี้กับหมี่ขาวจึงเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของเธอชุ่มฉ่ำได้บ้าง เพราะเธอถือว่าอย่างน้อยโลกนี้ยังมีคู่รักที่น่าอิจฉาอยู่อีกคู่หนึ่ง การพรีเวดดิ้งในวันรับน้องขึ้นดอย โรแมนติกออก โดยเฉพาะคนที่เริ่มสานสัมพันธ์กันในวันแบบนี้ มันทั้งอบอุ่นและโรแมนติกจนอดหวังไม่ได้ว่าสักวันเธอจะเจอรักแท้แบบหมี่ขาวบ้าง ความรักแบบประคับประคองและคอยทำความเข้าใจกันและกัน การเริ่มต้นของทั้งสองดูเหมือนว่าจะเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็ว แต่โลกนี้มีอะไรที่รับประกันได้ว่าคบกันมานานแล้วจะไม่เลิกกันได้บ้าง ในเมื่อคนสองคนตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ระยะเวลาคบกันไม่ได้มีความหมายเลย เพราะชีวิตคู่มันคือการเรียนรู้รูปแบบหนึ่ง เธอเข้าใจ...แต่เสี้ยวหนึ่งก็ไม่เข้าใจ ตะวันฉายมองบรรดาเพื่อนของเธอและเพื่อนของเก้าอี้สนทนากันอย่างออกรส ส่วนตัวเธอเองนั่งมองเพื่อนสาวพูดคุยกะหนุงกะหนิงกับคนรัก มองภาพแห่งความทรงจำนี้แล้วอมยิ้มตาม เก้าอี้กับหมี่ขาวเหมือนเป็นเทวทูตมาจากสวรรค์ รัศมีความรักของสองคนนี้ทำให้คนรอบข้างอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก พอเห็นการเอาใจใส่ที่ทั้งคู่มีต่อกันเธอก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าตัวเองกำลังจะถูกบรรยากาศพวกนี้บิลด์ให้อยากมีคู่ แต่ฝันไปเถอะ เธอตัดสินใจแล้วว่าชาตินี้จะไม่คบผู้ชายคนไหนอีก เพราะเธอยกการตัดสินใจเรื่องแต่งงานให้พ่อกับแม่ไปแล้ว ‘พ่อคะ แม่คะ หนูจะดูตัว’ “โทรเรียกตั้งแต่ไก่โห่ รีบไปไหนวะ” เสียงห้วนของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยนักทำให้ตะวันฉายใจเต้นแรงขึ้นมา เธอหันไปตามเสียง เขาสวมเชิ้ตสีกรมท่าตัวเดียวกับเมื่อคืน กางเกงขายาวสีน้ำตาลเข้ารูปตัวเดิม รองเท้าคู่เดิม ทรงผมยุ่งไม่เป็นทรง แต่ก็ดึงดูดให้ผู้หญิงที่อยู่รอบข้างเหลียวมองตาไม่กะพริบ เป็นเสน่ห์แบบร้ายๆ ของผู้ชายเจ้าชู้ เหมือนไฟที่ดึงดูดแมลงเม่าให้บินเข้าไป ตะวันฉายปรับสีหน้าให้เรียบนิ่ง ไม่ได้สนใจเขา แต่ก็เงี่ยหูฟังตลอด กลัวว่าเขาจะจำเธอได้ หวังว่าเขาจะจำเธอไม่ได้ “ต้องรีบขึ้นไปก่อนเด็กวิ่งไง เร็วเถอะเขาจะปิดถนนแล้ว” เก้าอี้ว่า พยุงหมี่ขาวให้ลุกขึ้นแล้วเรียกทุกคนกลับไปที่รถ หากใครคนไหนจะขึ้นดอยต้องรีบขึ้นก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปิดถนนเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ วันนี้ทั้งหมดไม่ได้เอารถขึ้นไปด้วย สาเหตุหนึ่งก็เพราะเส้นทางขึ้นดอยค่อนข้างสะดวกสบาย แต่ก็อันตรายไม่น้อย โดยเฉพาะตอนขึ้นโค้งสปิริต ดังนั้นแล้วเก้าอี้จึงตัดสินใจว่าเหมารถแดงขึ้นดอยจะดีกว่า “พี่มด ฉายช่วยนะ” ตะวันฉายช่วยมดแบกอุปกรณ์ถ่ายภาพ อีกฝ่ายส่งยิ้มกว้างให้พร้อมกับยื่นกระเป๋าใบเล็กสุดให้เธอ ตะวันฉายสะดุดตามดตั้งแต่แรกเห็น แต่ไม่ใช่เพราะสนใจเขา มันเป็นเพราะมดหน้าตาเหมือนไอดอลเกาหลีต่างหากล่ะ ผู้ชายหน้าตาน่ารักโดยธรรมชาติ นิสัยไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร แถมยังมีน้ำใจไม่เรื่องมาก ผู้หญิงคนไหนได้เป็นแฟนคงโชคดีไปจนตาย น่าเสียดายที่ตะวันฉายไม่เกิดความรู้สึกที่มากกว่าการชอบเขาเหมือนไอดอลคนหนึ่งได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงจีบเขาไปแล้วล่ะ เธอสังเกตเห็นว่าต่อหันมามองแวบหนึ่ง แต่เธอรีบขึ้นรถไปพร้อมกับมดโดยไม่พูดอะไรหรือแสดงออกว่ามีอะไรผิดปกติ พอขึ้นรถเสร็จหมี่ขาวก็แจกยาแก้เมาให้กับทุกคน รวมไปถึงบ๊วยสำหรับอมแก้เมารถ “กันไว้ดีกว่าแก้นะคะ ถ้ายังไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนท้อง” เธอว่า ยัดยาแก้เมาใส่มือทุกคนทีละเม็ด เก้าอี้อมยิ้มถามกระเซ้า “หมี่เคยท้องแล้วเหรอ” แต่ก็ได้สายตาแสนงอนกลับมาพร้อมกับคำพูดแทงใจดำ “พี่อี้ไม่ต้องกินก็ได้นะ” “กินดีกว่า ไว้ลองแพ้ท้องแทนหมี่ทีเดียวเลยเนอะ” เก้าอี้พูดหน้าตาย สีหน้าไม่เปลี่ยนด้วยซ้ำเวลาหยอดแฟนตัวเองแบบนี้ ภาพลักษณ์ที่คนมองว่าเขาเป็นผู้ชายจริงจัง เงียบขรึม เย็นชาพลังทลายไม่เป็นท่า เพราะยิ่งนานเข้าก็ยิ่งจีบแฟนตัวเองออกนอกหน้าไม่เว้นแต่ละวัน เพื่อนคนอื่นพากันกลั้นขำ บางคนแกล้งทำเป็นอ้วกเพราะทนไม่ไหว แฟนของเฟิร์สถึงกับหน้าแดงเพราะเขินแทนคนฟัง ขณะที่น้องส้มแฟนของบาสซึ่งเงียบมาตลอดก็ก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าเขินบาสหรือเขินเก้าอี้กันแน่ ผู้หญิงคนอื่นไม่ค่อยชินกับการรวมแก๊งเท่าไร เพราะเอาเข้าจริงคงไม่บ่อยนักที่จะมีผู้ชายหน้าตาผ่านมาตรฐานมารวมกันเยอะขนาดนี้ ถึงแม้ว่าบาสจะหน้าตาไม่ได้เรื่องที่สุดในกลุ่ม แต่เขากลับเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด เสน่ห์ของบาสคือเสน่ห์ที่ผู้หญิงมากมายต้องการ ใครจะไม่ชอบผู้ชายทำอาหารเก่งล่ะ “ฉันขอสองเม็ด” ต่อว่าพร้อมกับแบมือ แต่เก้าอี้กลับไม่ให้ “นายหายไปไหนมาทั้งคืน” อีกฝ่ายทำหน้าเซ็งๆ พร้อมกับพูดว่า “นอนกับผู้หญิง แต่พอตื่นมาก็ไม่เจอแล้ว” คำพูดนั้นทำให้ตะวันฉายรู้สึกร้อนตัวแปลกๆ เธอทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับอมบ๊วยเค็มเพื่อปิดปากตัวเอง “ถ้าดื่มเยอะอย่ากินยาแก้เมานะคะ” แฟนเฟิร์สซึ่งเรียนแพทย์บอก ก่อนที่ต่อจะยัดยาเม็ดสีเหลืองใส่ปาก “ทำไมครับน้อง” เขาถามงงๆ อีกฝ่ายเสริมว่า “ยาแก้เมามันมีฤทธิ์ทำให้ง่วง ถ้าพี่ต่อดื่มมาเยอะ แนะนำว่าเลี่ยงไว้จะดีกว่าค่ะ ไม่งั้นอาจโดนหามส่งโรงพยาบาลนะคะ” “งั้นไม่ต้องกิน อมอะไรเปรี้ยวๆ ไปก็แล้วกัน” เก้าอี้พูดจบก็รับยาเม็ดมาจากเพื่อนแล้วเปลี่ยนเป็นบ๊วยแทน “ถ้าดื่มไม่เยอะไม่เป็นไรใช่มั้ยกล้วย” เฟิร์สหน้าซีด เพราะเขากินไปแล้ว แพทย์สาวขำในลำคอ “ฉี่ออกมาหมดแล้วก็ไม่เป็นไรหรอก กันไว้ดีกว่าแก้น่ะ เคยมีเคสคนที่กินยาแก้เมาพร้อมกับเหล้ามา ช่วยเกือบไม่ทันนะรู้มั้ย” ทีนี้แทนที่ทุกคนจะบันเทิง พอได้ยินสิ่งที่คุณหมอพูดต่างก็คืนยาแก้เมาให้กับเก้าอี้พร้อมกับแย่งบ๊วยมาอมแทนเพราะกลัวตาย มีแต่คนที่ดื่มไม่เยอะเท่านั้นที่ยังพอสบายใจได้หน่อย ส่วนตะวันฉายกินยาแก้แฮงก์ไปก่อนหน้านี้ ผสมกับความเมื่อยล้าก็เริ่มง่วงขึ้นมา[N2] [XB3] เพราะว่าเมื่อคืนแทบไม่ได้นอน ร่างกายจึงอ่อนเพลียเป็นธรรมดา ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ซบบนไหล่ของมดโดยไม่รู้ตัว [N1]ไม่แน่ใจว่าว่าสรุปฉายเสียจิ้นให้ใครกันแน่ค่า [N2]ไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนฉายเมารึเปล่าค่า [XB3]เมา ต้องแก้เป็นยาแก้แฮงก์จ้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD