หลินหลินขมวดคิ้ว “ตามหาที่ไหนคะ ห้องสมุดเหรอ” มีหนังสือเล่มไหนที่เธอพลาดไปหรือไงเกี่ยวกับตำนานจิ้งจอกเก้าหางอย่างนั้นเหรอ
“ไม่ใช่ห้องสมุด แต่ฉันจะส่งเธอไปสถานที่นั้นเอง ไปสัมผัสความจริงด้วยตัวเอง แล้วหวังว่าเธอจะกลับมาพร้อมบทดีๆ ฉันจะได้มีอารมณ์แสดง ไม่ใช่บทป่วยๆ แบบนี้ จบแบบดรามาน้ำตาแตกแบบนี้ ใครเป็นคนสอนเขียนมาไม่ทราบอย่างน้อยด้านการตลาดเธอควรจะรู้ว่าคนดูต้องการความอิ่มอกอิ่มใจ” นักแสดงสาวพราวเสน่ห์โยนบทใส่หน้าเธอแล้วเผยยิ้มประหลาด
“แล้วเทพกับมารมันจะอยู่กันได้อย่างไรในยุคนี้ จบแบบนี้หลินว่าดีแล้วนะคะดาร์กดีออก”
“ถ้าเธอไม่แก้บท ฉันจะไม่เล่น เธอก็เตรียมตัวตกงานได้เลย”
หลินหลินยิ่งงุนงงมากขึ้น จะอ้าปากถามว่าจะส่งเธอไปที่ไหน อีกฝ่ายพูดราวกับตัวเองมีเวทมนต์อย่างนั้นแหละ แต่หลิวโจวซิ่นก็ไม่อยู่ให้ถาม หมุนตัวเดินหนีไปก่อน
“นี่เดี๋ยวก่อนคุณหลิว ฉันไม่เข้าใจ ส่งฉันไปหาคำตอบที่ไหน”
หลิวโจวซิ่นไม่ตอบแต่หันกลับมายิ้มประหลาด
“คุณหลิว!” หลินหลินเรียกแต่หลิวโจวซิ่นไม่สนใจจะฟัง หันหลังเดินไปโดยไม่คิดจะหยุดฝีเท้า ยิ่งหลินหลินไล่ตาม หลิวโจวซิ่นก็ยิ่งเดินเร็วห่างออกไป จนตามไม่ทันกระทั่งขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่แล้วออกไป
“บ้าหรือเปล่า คิดว่าดังแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอ เก่งขนาดนี้ไม่เขียนเองเล่นเองไปเลยล่ะ”
หลินหลินถอนใจบางครั้งงานของเธอก็เจอสารพัดอารมณ์ หลังจากคิดถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่คุยกับหลิวโจวซิ่น หลินหลินหมุนปากกาในมือ สมองครุ่นคิดว่าจะแก้ไขบทให้ถูกใจอีกฝ่ายอย่างไร
“ปวดหัว เบื่อจริงๆ ไหนจะปัญหาพวกซุป’ตาร์ ไหนจะต้องยัดโฆษณาแฝงไปในบทให้เนียนๆ นี่ถ้าฉันมีเวทมนต์นะจะสาปแม่พวกดาราเลือกบทให้พวกเธอกลายเป็นนักเขียนบทให้หมดเลย ขี้เกียจแก้โว้ย”
ร่างบางเชิดจมูกขึ้น มือที่สัมผัสปลายเส้นผมเพิ่งรู้ว่าเธอเอาแต่หมกตัวทำงานจนไม่ได้ดูแลเส้นผมมานานเท่าไหร่ “พังๆ หมด งานก็พัง ร่างก็เละ หัวที่ต้องแบกรับตัวละครทุกตัวเอาไว้มันปวดหัวมากแค่ไหน คอยดูฉันดังก่อน อย่ามาอ้อนให้เขียนบทให้เชียว...ชิ” คนบ่นทำปากยื่น กลอกตามองบนแล้วถอนหายใจยาวพรืด
“นี่ถ้าทำอาชีพอื่นได้ ฉันไม่เป็นแล้วย่ะนักเขียนบท”
หลังจากที่ถูกนักแสดงสาวเจ้าบทบาทเล่นงานไปอย่างหนัก หลินหลินแปลงกายเป็นยัยหนอนหนังสือ ค้นคว้าหาหนังสือตำนานจีนมาอ่านนับร้อยเล่ม เธอไล่เปิดอ่านไปก็พบว่ามีตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับจิ้งจอกเก้าหางกับเทพอยู่เรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ กำลังจะรวบรวมสมาธินั่งอ่าน แต่สายตาเหลือบไปเห็นภาพวาดในหนังสือบันทึกตำนานจีนเล่มหนึ่งซึ่ง ‘ฮุ่ยหมิง’ นักโบราณคดีจีนคนดังเป็นคนนำมาให้ ฮุ่ยหมิงเพิ่งค้นพบพระศพของฮองเฮาพระองค์หนึ่งที่มีข่าวดังไปทั่วโลก
หลินหลินหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาดู ไม่รู้ว่าเธอเปิดหนังสือเล่มนี้ทิ้งไว้ตอนไหน และตั้งแต่เมื่อไร เนื้อหาในหนังสือเขียนถึงจักรพรรดิที่ทำคุณูปการที่มีประโยชน์ต่อแผ่นดินจีน ในหนังสือมีแต่ภาพวาดไม่มีชื่อ เธอจึงไม่รู้ว่าฮ่องเต้พระองค์นี้มีชื่ออะไร รู้แต่ว่าอยู่ในยุคชิง และที่สำคัญฮ่องเต้องค์นี้มีใบหน้าหล่อเหลาเอาการ หลินหลินจ้องอยู่นานจนเผลอยิ้มให้รูปภาพ
‘โอ๊ย ท่าจะบ้าแล้วเรา ยิ้มให้รูปเก่าโบราณก็ได้’
“หล่อขนาดนี้ ถ้าอยู่ยุคนี้ มาเป็นพระเอกละครเถอะ หลินจองเขียนบทให้” ดวงตาที่เริ่มปรือแต่เวลานี้ความหล่อเหลาของอดีตฮ่องเต้ทำให้ดวงตาของเธอสุกใสเปล่งประกายวาววับขึ้นมาทันตา
หลินหลินปิดหนังสือเล่มนั้นลงเพราะต้องรีบแก้บทให้เสร็จ ไม่งั้นโดนผู้กำกับทวงยับ และยังซุป’ตาร์เจ้าปัญหา หลิวโจซิ่นอีกที่เร่งยิกๆอยากอ่านบทอีกครั้งก่อนตัดสินใจว่าจะรับเล่นละครเรื่องนี้หรือไม่ พอเบนไปด้านซ้ายดูปฏิทิน “เดตไลน์ใกล้มา ไม่มีเวลาดูคนหล่อเลย”
“คอยดูนะ คราวนี้ฉันจะเขียนบทให้ดี จนเธอต้องรู้สึกผิด” หลินหลินพึมพำ พอดีกับเสียงฟ้าผ่าด้านนอกหน้าต่างดังเปรี้ยงขึ้น จากนั้นเสียงสายฝนก็เทกระหน่ำ หลินหลินจึงลุกขึ้นตั้งใจจะไปดึงผ้าม่านปิด
“มาตกอะไรตอนคนกำลังขยัน”
ทว่าในตอนนั้นเองที่มีสายฟ้าสายหนึ่งพุ่งเป็นลำตรงมาก่อนจะฟาดลงมาที่หน้าต่าง จากนั้นภาพทุกอย่างก็เบลอก่อนจะหมดสติไม่รู้เรื่องอีกเลย
หลินหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วยความมึนงง อาการหนาวเหน็บอย่างเฉียบพลันแทรกขึ้นมาตามร่างกาย
“ที่ไหนวะเนี่ย” ดวงตาคู่สวยฉายแววตระหนกชัดเจน
ช่วงนี้ชักไม่แน่ใจ การถูกจี้ให้เขียนบทให้ไว สลับกับการถูกแก้บทไปมา อาจทำให้เธอสติแตก จนสร้างโลกขึ้นมาใบหนึ่งขึ้นมาเพื่อหลบหนีผู้กำกับก็ได้
“บางทีฉันอาจบ้าไปแล้วก็ได้”
แต่เมื่อลองหยิกท้องแขนตัวเองก็พบว่า
“โอ๊ย เจ็บ” หลินหลินเบ้หน้า “นี่เรื่องจริง ไม่ใช่ฝัน ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปดวงตาคู่งามก็กวาดมองรอบๆห้องทันที
ห้องนอนนี้ตกแต่งแบบจีนโบราณ โต๊ะ ตู้เตียงล้วนทำด้วยไม้ชั้นดี หลินหลินก้มมองตัวเอง ชุดที่สวมก็เป็นแบบชุดยาวเหมือนที่สวมในราชวงศ์ชิง
“เรื่องแบบนี้มีแต่ในนิยายขายฝัน แล้วก็ละครพีเรียดย้อนยุคไม่ใช่เหรอ ใครบอกฉันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
หลินหลินพลันลุกขึ้นจากเตียง ดวงตามองไปมองมาเหมือนหลงมาอยู่ในฉากละครย้อนยุคทว่าเครื่องตกแต่งเสมือนจริง ซ้ำยังงดงามเรียบหรูกว่าฉากที่เซ็ตขึ้นมาเพื่อใช้ถ่ายละคร ร่างเล็กลุกขึ้นอยากออกไปดูด้านนอก พอดีกันกับหญิงสาวสองคนแต่งกายราวกับสาวใช้ในยุคโบราณทำผมทรงฉีดูคล้ายการเกล้าแกะไว้ทั้งสองข้างเปิดประตูเข้ามา
“ฮองเฮาจะเสด็จไปที่ไหนเพคะ” ลู่เจียวถาม ส่วนจิวฮุ่ยก็ประคองผู้เป็นนายสาวกลับเข้าไปในห้อง
หลินหลินยังไม่หายงุนงง จึงเดินตามแรงประคองของจิวฮุ่ยกลับไปนั่งที่ขอบเตียงอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ฮองเฮาจะไปที่ใดเพคะ เวลานี้ด้านนอกหิมะตก หม่อมฉันทำโจ๊กถั่วลิสงมาให้เสวยด้วย เสวยสักหน่อยนะเพคะ”
หลินหลินอ้าปากค้าง ตกใจจนแทบจะลืมจังหวะการหายใจ
“เมื่อกี้เรียกฉันว่าอะไรนะ”
“ฮองเฮา” ลู่เจียวพูดแล้วนึกเสียใจขึ้นมา หรือว่าฮองเฮาของพวกนางยังสะเทือนใจไม่หายจากการถูกขับออกจากวัง แถมครอบครัวยังต้องถูกประหารยกครัว อาจจะไม่อยากให้พวกนางเรียกขานว่าฮองเฮาอีก
“ฮองเฮาคงจะทรงเสียพระทัยมาก ไม่อยากให้พวกเราเรียกว่าฮองเฮาอีก ถ้าเช่นนั้นพวกเราเรียกว่าจางซื่อดีหรือไม่เพคะ”