บทที่ 02 พ่อบ้านใจกล้า [2]

2988 Words
บทที่ 02 พ่อบ้านใจกล้า [2] 07.23 น. คอนโด ทริปเบิ้ลลักซ์ ตื้ดดด~ [ฮัลโหล] “เช้านี้พอจะมีเวลาแวะเข้ามาที่คอนโดฉันหน่อยไหม” ข้ามภพตั้งใจรอเวลาโทรบอกเพียงคุณเรื่องนรินดาที่จนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น [มีประชุมตั้งแต่แปดโมงครึ่ง ประชุมเสร็จก็ว่าจะไล่เลขาฯ คนเก่าออกแล้วหาเลขาฯ ใหม่สักคน เอาแบบที่นัดประชุมให้มันสายกว่านี้หน่อย ทำไม นายมีเรื่องอะไรด่วน หรือว่าคิดถึงน้องสาวตัวแสบของฉันจนนอนไม่หลับ] น้องสาวตัวแสบเหรอ? ไม่ผิดหรอก เธอมันตัวแสบมาแต่ไหนแต่ไร “คงใช่ ฉันนอนไม่หลับเพราะน้องสาวนายนอนกรนใส่หูฉันทั้งคืน” [หา!] “รีบมารับกลับไปให้ไวเลย” [เดี๋ยวไอ้ภพ หมายความว่ายังไง นี่ยัยนรินอยู่กับนายงั้นเหรอ] ข้ามภพลอบถอนหายใจก่อนจะเดินปรับแอร์อีกรอบเพราะเห็นเธอนอนกระสับกระส่ายเหมือนจะเริ่มร้อน “อืม เมื่อคืนฉันบังเอิญเจอนรินไปกินข้าวกับลูกค้าที่โรงแรม ไม่รู้มันใส่อะไรให้กินจนป่านนี้ก็ยังไม่ตื่น เอาเป็นว่านายประชุมเสร็จแล้วรีบมาก็แล้วกัน” [จะไปเดี๋ยวนี้] น้ำเสียงร้อนใจของเพียงคุณยืนยันได้ว่าเขากำลังรีบมา วางสายจากเพียงคุณ ข้ามภพก็ตั้งใจจะเดินกลับออกไปนั่งทำงานข้างนอก แต่หันกลับมามองคนหลับสบายอีกที เธอกลับนอนลืมตามองเขาเสียแล้ว “คุณภพ” อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเรียกชื่อคนอื่น “คุณยังปวดหัวอยู่ไหม” “นิดหน่อยค่ะ ที่นี่...” สายตาที่จ้องมองเขาอยู่เมื่อครู่กวาดมองไปรอบๆ ห้องที่เธอคงไม่คุ้นตา “ห้องผมเอง” นรินดาเบิกตาโพลง รีบดีดตัวเองขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ทันจะได้พูดอะไรข้ามภพก็เดินกลับมาหยิบแก้วน้ำอุ่นที่เตรียมเอาไว้ยื่นให้ เธอจำใจรับไปดื่มเพราะไม่รู้ต้องปฏิเสธอย่างไร ดื่มจนหมดแก้วก็ส่งแก้วคืนให้เขาเพราะเขายื่นมือมารอรับ “ผมโทรบอกพี่ชายคุณแล้ว เขากำลังมา” “คุณเพิ่งโทรบอกเฮียคุณเมื่อกี้ หรือว่าโทรตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเขาไม่รับสายคะ” นรินดานึกสงสัยว่าทำไมเพียงคุณถึงได้ไม่รีบมารับเธอตั้งแต่เมื่อคืน “เพิ่งโทรเมื่อกี้น่ะ เมื่อคืนตอนพาคุณมาถึงที่นี่ดึกมากแล้ว ผมกลัวว่าเขาจะตกใจ” ไม่อยากให้เพียงคุณตกใจแล้วไม่คิดว่าเธอจะตกใจบ้างหรือไง จริงๆ เรื่องใหญ่อย่างนี้เขาน่าจะรีบโทรบอกเพียงคุณทันที ไม่ใช่พาเธอมานอนที่ห้องตัวเองทั้งคืน ต่อให้เธอกับเขาจะเป็นคู่หมั้นกันและกำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ก็เถอะ “ขอบคุณที่ช่วยไว้ค่ะ ฉันออกไปรอเฮียคุณข้างนอกแล้วกัน” นรินดายกมือไหว้เขาเพื่อแสดงความขอบคุณก่อนจะรีบลงจากเตียง มองหากระเป๋าแล้วคว้ามันติดมือออกมาด้วยความรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย ข้ามภพได้แต่มองตามแผ่นหลังของเธอออกไปแล้วส่ายหัว มองกลับไปที่เตียงแล้วถอนหายใจแรงกว่าเดิม เพราะสุดท้ายแล้วการช่วยเธอเอาไว้ก็ได้เพียงคำขอบคุณ แม้แต่ที่หลับที่นอน เขาก็ต้องเป็นฝ่ายเดินกลับไปพับเก็บให้ ส่วนเธอน่ะเหรอ สะบัดตัวพ้นก็ไม่สนใจอะไรแล้ว พับผ้าห่มเสร็จก็เดินไปเปิดผ้าม่านอย่างใจเย็นก่อนจะกลับมาหยิบแก้วน้ำที่เธอเพิ่งจะดื่มหมดเมื่อครู่ออกมาล้างที่ด้านนอก หางตาเหลือบเห็นหญิงสาวนั่งจิ้มโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา มีความเป็นไปได้ว่าเธอคงกำลังเร่งให้เพียงคุณรีบมารับไปจากที่นี่เร็วๆ “ทำไมคุณไม่สวมแหวนหมั้น” อดจะถามอีกสักรอบไม่ได้ ไม่รู้ว่าเธอจำได้ไหมว่าเมื่อคืนเขาถามเธอไปแล้ว เพราะตอนนั้นเธอดูเหมือนไม่มีสติสักเท่าไร “จำไม่ได้แล้วค่ะว่าถอดทิ้งไว้ที่ไหน แต่ต่อให้ฉันสวมแหวนก็ไม่ได้ทำให้คนสารเลวอย่างนั้นมีจิตสำนึกขึ้นมาสักหน่อยนี่คะ” “แสดงว่าตลอดสามปีที่ผ่านมา คุณไม่เคยใส่ใจที่จะสวมมันติดมือเอาไว้เลยสินะ” “คือว่า...” “งั้นก็คงไม่แปลกที่เพื่อนของคุณจะคิดว่าถอนหมั้นไปแล้ว” ย้อนใส่เธอเสียเลย แหวนหมั้นไม่สวมแบบนี้จะมาโทษแต่เขาได้อย่างไร “สะดวกวันไหนก็นัดเพื่อนไว้แล้วโทรบอกผมก็แล้วกัน ผมเมมเบอร์โทรศัพท์ของผมเอาไว้ให้แล้ว จะได้เริ่มเคลียร์ไปทีละประเด็น” นรินดาถึงกับอึ้ง รีบเปิดเช็กรายชื่อในโทรศัพท์แล้วพบว่าเขาบันทึกเบอร์โทรของเขาเอาไว้ในเครื่องของเธอแล้วจริงๆ แถมยังบันทึกชื่อเอาไว้ว่า ‘สามี’ “ในเมื่อคุณเป็นฝ่ายเรียกร้องจะแต่งงาน ก็ช่วยทำตัวให้เหมือนคนกำลังจะแต่งงานสักหน่อย เริ่มจากไปหาแหวนหมั้นมาสวมให้เรียบร้อย แล้วหลังจากวันนี้ไปไหนมาไหนก็โทรบอกผมด้วย จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าคุณไม่ใช่สาวโสดแต่เป็นผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานมีสามี” นรินดาแยกเขี้ยวยิงฟันแล้วกรีดร้องในใจ ไม่คิดว่าเพิ่งตื่นมาจากการถูกวางยานอนหลับ แทนที่จะได้ยินคำถามหรือคำพูดปลอบใจสักคำ กลับต้องมานั่งฟังคำสั่งไร้สาระจากว่าที่สามีของเธอในอนาคตที่ฟังดูก็รู้ว่าเขาตั้งใจจะเอาคืนเธอเรื่องเร่งรัดการแต่งงาน “บอกแล้วไงคะว่าฉันจำไม่ได้แล้วว่าถอดทิ้งเอาไว้ที่ไหน” “ไปหาให้เจอ” ตื้ดดด~ โชคดีที่โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเธอต้องหันไปทะเลาะกับเขาแน่ๆ คนบอกว่าจำไม่ได้ ยังจะสั่งให้ไปหาอีก! “ฮัลโหล” รับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นพิมพ์พัชร ข้ามภพได้ยินน้ำเสียงฟึดฟัดของเธอแล้วได้แต่ส่ายหัวไม่หยุด เหมือนเขากำลังตกอยู่ในสภาพเดียวกับนรินทิพย์อย่างไรอย่างนั้น [สะดวกคุยไหมยัยนริน] “มีอะไร” [เมื่อคืนฉันเจอยัยธิชาที่บาร์] “กี่โมง” นรินดาถามด้วยความแปลกใจทันที เพราะเธอจำได้ว่าเธอเองก็เจอธิชากับข้ามภพที่โรงแรมเหมือนกัน [ช่วงห้าทุ่ม แกรู้ไหมยัยนั่นมากับใคร] อย่างน้อยนรินดาก็มั่นใจว่าไม่ใช่ข้ามภพแน่ๆ เพราะตอนนั้นเขาน่าจะอยู่กับเธอ “ใครวะ ฉันรู้จักเหรอ” [รู้จักดีเลย] “ใคร” [เฮียคุณ] “หา!” เสียงตะโกนของเธอทำให้ข้ามภพที่ยืนเคี่ยวโจ๊กอยู่หน้าเตาเหลือบมอง [ไม่ผิดแน่ ถ้าฉันจำเฮียคุณผิด ส้นเข็มในตู้รองเท้าแกมีกี่คู่ เอามาตอกหน้าฉันได้เลย] “ไอ้เฮีย!” [แกไปคุยกับเฮียของแกเอาเองก็แล้วกัน เมื่อคืนฉันไปกับพี่ที่ทำงานก็เลยไม่ได้ไปสาระแนต่อ กลับถึงห้องตีหนึ่งกว่าแล้วต้องแบก สารร่างมาทำงานตั้งแต่เช้า แค่นี้นะ จะรีบไปประชุม กลัวลืมเลยรีบโทรมาบอกก่อน บาย] พิมพ์พัชรพูดเร็วปร๋อก่อนจะวางสายไปแบบงงๆ นรินดาทิ้งโทรศัพท์ลงบนตักแล้วทบทวนช่วงเวลาให้แน่ใจอีกรอบ เมื่อคืนเธอเจอธิชากับข้ามภพที่หน้าล็อบบี้โรงแรมช่วงสามทุ่ม แสดงว่ายัยธิชาน่าจะแวะไปที่บาร์หลังจากที่กลับไปจากโรงแรม แต่เรื่องนั้นสำคัญตรงไหนกัน ประเด็นมันอยู่ที่เฮียเพียงคุณของเธอไปอยู่กับยัยนั่นที่บาร์ได้อย่างไรต่างหาก “มากินข้าว” เสียงข้ามภพดังมาจากในครัว นรินดาหันไปมองถึงได้เห็นว่าเขากำลังรินนมจากแกลลอนใส่แก้วทรงสูง “ฉันไม่หิวค่ะ” “ผมไม่ได้ถามว่าคุณหิวไหม” เธอกลอกตากับคำสั่งที่ได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คิดจะลุกขึ้นไปอยู่ดี “ผมไม่ใจดีอย่างเฮียคุณของคุณหรอกนะ แล้วก็จะไม่ตามใจคุณด้วย ถ้าคุณกล้าดื้อกับผม รับรองว่าผมฟาดจริงๆ” เพราะยังคาดเดานิสัยใจคอของเขาไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะตัดปัญหาด้วยการดีดตัวเองขึ้นจากโซฟาแล้วเดินตรงไปนั่งลงที่เก้าอี้ในครัว ดึงชามโจ๊กมาตักใส่ปากแล้วกลืนไปอย่างรวดเร็ว ข้ามภพถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะวางแก้วนมที่เพิ่งจะเตรียมเสร็จลงข้างแก้วน้ำเปล่าที่เตรียมเอาไว้ให้เธอ มองเธอกินเอาๆ ทั้งที่เมื่อครู่บอกไม่หิว เลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับเธอออกจากใต้โต๊ะแล้วนั่งมองเธอกินต่อไปเงียบๆ “แล้วคุณไม่หิวเหรอคะ” “ผมยังปรับเวลาไม่ค่อยได้น่ะ คุณกินเถอะ” เขาปฏิเสธเบาๆ เธอที่ช้อนตามองอยู่เมื่อครู่รีบหลบสายตา ตักโจ๊กใส่ปากไปอีกคำ “คุณมีนามบัตรลูกค้าคนเมื่อวานในกระเป๋ารึเปล่า” แต่คำถามของเขาก็ทำให้เธอต้องช้อนตากลับขึ้นมาจากชามโจ๊ก เพื่อมองตรงไปที่เขาอีกรอบ “หมายถึงไอ้ก้องไกรนั่นน่ะเหรอคะ” “เขาใช่คนเมื่อคืนรึเปล่าล่ะ” “ใช่ค่ะ คุณจะเอาไปทำไมคะ” “ทิ้งเอาไว้ให้ผมด้วยก็แล้วกัน” “คงไม่ได้หรอกค่ะ อย่างไรเขาก็เป็นลูกค้า ข้อมูลของเขาก็คือความลับบริษัท” นรินดาอ้างอย่างไม่ใส่ใจ เธอพอจะเดาได้ว่าข้ามภพต้องการนามบัตรของก้องไกรไปทำไม แต่เธอไม่ได้อยากจะให้เรื่องมันบานปลาย ถึงตั้งใจจะเอาเรื่อง แต่ก็ยังต้องปรึกษาตติก่อนอยู่ดี ทว่าเงยหน้ากลับขึ้นมาอีกที ข้ามภพก็เดินที่โซฟาแล้วค้นกระเป๋าของเธอเสียแล้ว “คุณภพ!” “เจอพอดี” นรินดาเบิกตาโพลงเมื่อข้ามภพค้นจนเจอนามบัตรของก้องไกรในกระเป๋าเธอจริงๆ เพราะเธอเหน็บเอาไว้ที่สมุดแพลนเนอร์ที่ใช้จดบันทึกรายชื่อของลูกค้า ซึ่งรายล่าสุดก็คือก้องไกรนั่นแหละ “ถ้าหัวหน้าของคุณสงสัยหรือถามอะไร คุณก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก็แล้วกัน เรื่องไขสือหน้ามึนคุณทำได้ดีอยู่แล้ว อีกอย่างผมว่าหมอนั่นมันคงไม่ได้ให้นามบัตรคุณไว้แค่คนเดียวหรอก หรือถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมจะรับผิดชอบเอง” หลอกด่าเธอเสร็จสรรพเลยนะ! “คุณภพจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ นั่นมัน...” พูดไม่ทันจบข้ามภพก็เดินออกไปคุยโทรศัพท์ที่อีกมุมห้องเสียแล้ว นรินดามองแล้วรู้สึกขัดใจ หน้าที่ต้องจัดการเรื่องก้องไกรมันควรจะเป็นหน้าที่ของเธอ หรือไม่ก็หน้าที่ของตติในฐานะหัวหน้างานของเธอ หรืออาจเป็นเพียงคุณเพราะเขาเป็นพี่ชายของเธอไม่ใช่หรือไง ทำไมข้ามภพถึงได้ทำตัววุ่นวายไม่เข้าเรื่อง นี่ถ้าหากอ้าปากถาม เดาว่าเขาคงอ้างสิทธิ์ในการเป็นสามีของเธอในอนาคตแน่ๆ แต่นั่นมันเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เป็นสักหน่อยนี่ ออด~ เสียงออดหน้าห้องเป็นสัญญาณบอกว่าเพียงคุณน่าจะมาถึงแล้ว นรินดารีบตักโจ๊กคำสุดท้ายใส่ปากก่อนจะดื่มน้ำและนมจนหมด ลุกขึ้นแล้วมองชามโจ๊กเปล่าๆ กับแก้วสองใบบนโต๊ะสลับกันไปมา “เอาไว้อย่างนั้นแหละ” ข้ามภพที่หันมาเห็นพอดีรีบบอก นรินดากลอกตามองซ้ายทีหนึ่ง มองขวาทีหนึ่งแล้วหยิบชามกับแก้วที่มองอยู่เมื่อครู่ไปใส่ซิงก์ แต่ก็แค่หยิบไปใส่เอาไว้เฉยๆ แล้วเดินออกมา ไม่กล้าสบตาเขาที่เหมือนจะมองเธอเซ็งๆ เพราะรู้ว่าเขาคงกำลังผิดหวังที่คิดว่าเธอจะล้างให้ “ปลอดภัยใช่ไหมนริน” เพียงคุณรีบถามด้วยความเป็นห่วง นรินดาพยักหน้าแต่สายตาไม่อ่อนโยนจนเพียงคุณต้องหันไปมองหน้าข้ามภพเพราะนึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น “อะไร ทำไมเรามองเฮียแบบนั้น” “เมื่อคืนเฮียไปไหนมา” สบโอกาสนรินดาก็ถามอย่างเอาเรื่องทันที “ไปไหน?” “นั่นน่ะสิคะ ไปไหน ไปกับใคร กลับบ้านกี่โมง ถ้าเฮียตอบไม่ตรงกับนรินรู้มา เป็นเรื่อง” นรินดายกมือขึ้นกอดอก แต่แค่นี้เพียงคุณก็รู้แล้วว่านรินดาหมายถึงเรื่องอะไร “พิมพ์บอกเราล่ะสิ” “ตอบให้ตรงคำถามค่ะ” นรินดาถามย้ำอีกรอบเพราะไม่ต้องการให้เพียงคุณเปลี่ยนประเด็น ปกติเธอจะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเพียงคุณและไม่เคยก้าวก่ายเรื่องใดๆ ของเขาเลย แต่เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับธิชาซึ่งเขารู้อยู่แล้วว่าเป็นคนที่เธอเกลียด เพียงคุณได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา บ่อยครั้งที่เขารู้สึกลำบากใจและไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะในความคิดของเขา ธิชากับ ศศิกานต์เป็นคนละคน ต้องแยกให้ออก รวมถึงในสายตาของเขา ธิชาเป็นเด็กที่นิสัยดีคนหนึ่ง เธอให้ความเคารพเขามาตลอด เวลาเจอกันเธอก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเสมอ จะให้เขาเดินหนีก็ดูไร้มารยาทเกินไปหน่อย หรือบางครั้งที่เจอกันตามงานเลี้ยงก็มีถ่ายรูปกันบ้างตามปกติ แต่หากนรินดารู้เข้าเมื่อไร ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ โวยวายจนบ้านจะแตกทุกที “แค่บังเอิญเจอกันน่ะ พิมพ์ไม่ได้บอกเราหรือไงว่าไปกันตั้งหลายคน” “ค่ะ” “แค่นี้เหรอ” “ค่ะ แค่นี้ เฮียอยากให้นรินพูดอะไรล่ะคะ” “ไม่โวยวายหน่อยเหรอ” เพียงคุณอดจะถามด้วยความแปลกใจไม่ได้ “ทำไมนรินต้องโวยวายด้วยล่ะคะ” “ก็เราไม่ชอบให้เฮีย...” “ใช่ค่ะ นรินไม่ชอบ แต่นรินก็ทำได้แค่ไม่ชอบไม่ใช่เหรอคะ หรือเฮียคิดว่านรินทำอย่างอื่นได้ล่ะ เพราะทั้งๆ ที่เฮียก็รู้ว่านรินไม่ชอบ แต่เฮียก็ทำอยู่ตลอด แล้วแบบนี้เฮียจะให้นรินพูดอะไรอีก ต่อไปนี้เฮียอยากทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่ต้องมาสนใจนรินหรอก” เพียงคุณที่เตรียมตั้งรับเสียงโวยวายเต็มที่ถึงกับไปไม่เป็น รู้ตัวอีกทีนรินดาก็เดินไปคว้ากระเป๋าเสียแล้ว “ยัยนริน เดี๋ยวสิ” เพียงคุณก้าวไปขวางทาง นึกปวดหัวกับเรื่องที่เขาเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่อง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เขารีบมาที่นี่สักหน่อย “อะไรคะ” “แล้วเรื่องที่เราโดนวางยาเมื่อคืนล่ะ” “เฮียก็เห็นแล้วนี่คะว่านรินปลอดภัย ถ้าเฮียอยากรู้อะไรก็ถามคุณภพเอาแล้วกันค่ะ นรินรีบ” “หยุดนะยัยนริน” เสียงและสายตาดุๆ ของเพียงคุณทำเอานรินดาใจหายวาบ มองหน้าพี่ชายที่ไม่เคยขึ้นเสียงใส่เธอเลยสักครั้ง มีดุบ้างแต่ก็เพียงแค่เตือนสติเธอ แต่ครั้งนี้เขากลับขึ้นเสียงใส่อย่างไร้เหตุผล แถมยังทำหน้านิ่งเหมือนจะโกรธเธอเอาเป็นเอาตาย “อย่าเอาแต่ใจให้มากนัก” คำพูดเพียงไม่กี่คำของเพียงคุณทำเอานรินดาน้ำตาร่วง “นริน เฮีย...” เพียงคุณใจอ่อนยวบ แม้แต่ข้ามภพก็ยังตกใจเพราะไม่คิดว่านรินดาจะร้องไห้ออกมาง่ายๆ “ถ้าเฮียอยากได้มีน้องสาวแสนดี เรียบร้อยนักก็ไปเป็นพี่มันเลยสิ” เสียงของนรินดาไม่ดังมาก แต่กระแทกเข้าหัวใจของเพียงคุณเต็มๆ มือไม้สั่นเพราะไม่รู้ต้องทำอย่างไร แค่ถูกเธอผลักออกมาเบาๆ เขาก็แทบจะล้มทั้งยืน หันไปมองอีกทีนรินดาก็วิ่งออกไปแล้ว คล้อยหลังเธอเขาก็ได้แต่มองไปที่ข้ามภพอย่างขอคำปรึกษา แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงเสียงถอนหายใจเพราะข้ามภพเองก็ยังเอาตัวไม่รอด “เมื่อเช้าไม่เห็นบอกว่านอกจากอยากเปลี่ยนเลขาฯ แล้วนายยังอยากเปลี่ยนน้องสาวคนใหม่ด้วย” “ตลกไหมไอ้ภพ” เพียงคุณบ่นอุบ ยกมือขึ้นยีหัวตัวเองด้วยความหัวเสีย “อะไรวะ แค่บังเอิญเจอกันก็ผิดเฉย” “บังเอิญเจอไม่ผิด แต่ผิดที่ปากนายมันพาซวย” ข้ามภพอดจะพูดไม่ได้ เมื่อครู่หากเพียงคุณอธิบายดีๆ นรินดาก็อาจจะแค่งอน แต่นี่เล่นขึ้นเสียงใส่ทั้งที่รู้ว่าเรื่องของธิชาเป็นเรื่องที่นรินดาไม่ยอมรับ ไม่เรียกว่าปากพาซวยแล้วจะให้เรียกอะไร “เหอะ! พามานอนด้วยคืนเดียว เข้าข้างกันเชียวนะ” “ฉันไม่ได้นอนกับน้องนาย” ข้ามภพรีบปฏิเสธ “งั้นเหรอ แล้วนั่นอะไร ไม่ใช่ว่าซ้อมเป็นพ่อบ้านกลัวเมียอยู่หรือไง” “ไอ้...” ยืนถกเถียงกันไปมาแล้วพากันถอนหายใจ ก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทาง คนหนึ่งรีบกลับไปประชุม ส่วนอีกคนเดินกลับไปทำหน้าที่ล้างชามล้างแก้ว ข้ามภพล้างชามไปถอนหายใจไป นี่เขาเสียเวลาไปเรียนต่ออเมริกามาตั้งสามปี ตั้งใจจะกลับมาเป็นผู้บริหารไฟแรง แต่ดันต้องมารับบทพ่อบ้านให้เด็กเอาแต่ใจอย่างนรินดาไปได้อย่างไรกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD