บทที่ 02 พ่อบ้านใจกล้า [1]

1893 Words
บทที่ 02 พ่อบ้านใจกล้า [1] Green park Hotel ห้องอาหาร 21.20 น. [เรียบร้อยไหมนริน] “นรินอยากกลับบ้านค่ะพี่ติ” นรินดาทำเสียงงอแงกับคนปลายสาย นัดมาคุยกันเรื่องงาน ซึ่งก็ปิดงานไปได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกแล้ว แต่ก้องไกรกลับยังไม่ยอมกลับสักที เอาแต่ชวนเธอคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่หยุด คะยั้นคะยอให้เธอนั่งดื่มเป็นเพื่อนมาร่วมสองชั่วโมงแล้ว ดีที่เธอคอแข็งอยู่บ้างก็เลยดึงเกมมาได้ขนาดนี้ แต่ทั้งๆ ที่คิดว่าไหว ตอนนี้ก็เริ่มจะรู้สึกมึนหัว ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะมอมเธอหรือไง โชคดีที่ตติโทรมาพอดีเธอจึงถือโอกาสลุกออกมารับโทรศัพท์แล้วหนีมาเข้าห้องน้ำเสียเลย [พี่ว่าพี่ไปดูสักหน่อยดีกว่า ยังอยู่ที่ห้องอาหารใช่ไหม] “ค่ะ แต่พี่ติไม่ต้องมาหรอกค่ะ อีกเดี๋ยวก็คงจะยอมกลับ นรินยังโอเคอยู่ อีกอย่างคอนโดเพื่อนรินอยู่ไม่ไกล นรินโทรบอกมันแล้วว่าให้รอรับโทรศัพท์เผื่อฉุกเฉินค่ะ” [แน่ใจเหรอว่าไหว] “ค่ะ นรินไหว” [โอเค ถ้าเราว่าไหวพี่ก็เบาใจ ดูท่าว่าพี่ต้องส่งเรื่องนายคนนี้ถึงหัวหน้าสักหน่อยแล้ว พี่ขอโทษนะนริน ถ้ากลับดึกมากพรุ่งนี้ก็ลาได้เลย พี่อนุญาต ที่เหลือพี่จัดการต่อเอง] “ขอบคุณค่ะพี่ติ แค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวถ้ายังไงนรินโทรบอกอีกทีค่ะ” นรินดารับปากก่อนจะวางสาย ล้างไม้ล้างมือพร้อมกับสะบัดหัวเบาๆ เพื่อเรียกสติ สำรวจเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับออกมาจากห้องน้ำด้วยความเป็นมืออาชีพ “พี่ภพคะ” เสียงเรียกที่ได้ยินทำให้นรินดาชะงักฝีเท้าแล้วมองตรงออกไปทันที ร่างกายชาวาบเมื่อเห็นธิชากับข้ามภพยืนอยู่ด้วยกันที่หน้าล็อบบี้ “ถ้าคุณมีนัดก็ไปเถอะค่ะ ฉันกลับเองได้ รับรองว่าไม่ฟ้องคุณตาหรือคุณลุงให้คุณเดือดร้อนแน่นอน จะไปกระชับมิตรกันที่ไหนก็เชิญ” “เหอะ!” นึกทบทวนดูแล้วอดจะแค่นหัวเราะไม่ได้ ท่าทางว่าเขาคงจะพาเธอมาจัดนัดกระชับมิตรกันจริงๆ อย่างที่เธอคิด ทว่าคงจ้องมองพวกเขานานเกินไปจนคนถูกจ้องรู้ตัว ข้ามภพมองกลับมานิ่งๆ ในขณะที่ธิชารีบก้าวถอยห่างจากข้ามภพในทันที นรินดาเห็นแล้วเหยียดยิ้มอย่างดูถูก ใช่ว่าเธอจะดูไม่ออกว่าท่าทีที่ธิชารีบก้าวออกไปยืนห่างจากข้ามภพนั้นเป็นเพียงแค่การแสดง ทำให้ดูเหมือนตัวเองบริสุทธิ์ใจเท่านั้น “พี่นรินคะ คือว่า...” นรินดาเดินผ่านมาอย่างไม่ใส่ใจ นี่หากไม่ติดว่าทิ้งก้องไกรไว้ในห้องอาหาร เธอคงหาเรื่องคนเอาความสะใจเล่นก่อนกลับสักหน่อย แต่วันนี้ยูนิฟอร์มพนักงานบริษัทมันค้ำคออยู่ “ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะคุณก้อง นรินรู้สึกมึนหัวนิดหน่อยก็เลยเดินช้าน่ะค่ะ” นรินดาบอกตามมารยาทหลังจากที่เดินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับก้องไกรที่นั่งรอเธออยู่ “คุณนรินเมาแล้วเหรอครับ” “แค่รู้สึกมึนๆ ค่ะ นี่เมื่อครู่พี่ติก็เพิ่งโทรมาเตือนว่าพรุ่งนี้มีประชุมแต่เช้า” เธอยังคงพยายามหาทางออกอย่างมีมารยาท เหลือบมองไวน์ที่เหลืออีกครึ่งขวดแล้วได้แต่ถอนหายใจ เพราะครึ่งขวดที่ว่า มันเป็นขวดที่สามแล้ว “ถ้าอย่างนั้นหมดขวดนี้แล้วค่อยกลับไหวไหมครับ นานแล้วที่ผมไม่ได้นั่งดื่มกับใครแล้วรู้สึกสบายใจแบบนี้” แหงล่ะ นั่งพูดอยู่คนเดียวจะไม่สบายใจได้อย่างไร “ค่ะ” นรินดาตอบตกลงอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ที่บริกรเพิ่งจะเดินมารินให้ขึ้นชนแก้วกับก้องไกรอีกครั้ง แสร้งจิบช้าๆ อย่างใจเย็น ทั้งที่อยากจะรีบดื่มๆ ให้มันหมดขวด แต่หากรีบดื่มเกินไปเธออาจเมาจนเสียท่าให้หมอนี่ก็ได้ “ขอโทษนะครับ ผมขอเสียมารยาทถามเรื่องส่วนตัวคุณนรินสักเรื่องได้ไหมครับ” “ถามได้ค่ะ แต่นรินจะตอบไหม เป็นอีกเรื่องแล้วกันนะคะ” นรินดาไว้เชิง ยิ้มมุมปากสวยแสดงความไม่ยี่หระกับสายตาแพรวพราวของก้องไกรที่มองเธอราวกับเห็นเธอเป็นเพียงแค่เหยื่อตัวเล็กๆ “คุณนรินมีแฟนหรือยังครับ” “มีแล้วค่ะ” “โอ้โห ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้ผมบ้างเลยเหรอครับเนี่ย” “นรินไม่ให้โอกาสใครพร่ำเพรื่อค่ะ ถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ถ้าใช่ มองแวบแรกก็รู้ว่าใช่” “คุณนรินใช่สำหรับผมนะครับ” “ดีใจที่นรินใช่สำหรับคุณก้องค่ะ แต่คุณก้องไม่ใช่สำหรับนริน” แม้รอยยิ้มของเธอจะหวานฉ่ำแต่นั่นคือน้ำตาลเคลือบยาพิษที่แม้แต่ก้องไกรเองก็ทราบดีมาตลอด เพราะเขาไม่ได้เพิ่งจะเคยพูดคุยกับเธอเป็นครั้งแรก แต่เพราะเธอร้ายนั่นแหละ เขาถึงรู้สึกถูกใจ “คุณนรินพูดจาตรงไปตรงมาเสมอเลยนะครับ อย่างนั้นผมขอพูดตรงไปตรงมาบ้างแล้วกัน” ก้องไกรยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือมาวางลงบนหลังมือของนรินดาเพราะเธอวางมือไว้บนโต๊ะหลังจากที่เพิ่งจะวางแก้วไวน์ลงเมื่อครู่ ตุ้บ! “ขอโทษค่ะ” นรินดาดึงมือออกในทันที ตั้งใจปัดปลายมือไปโดนแก้วไวน์ของเธอจนล้ม ไวน์ที่เหลืออยู่ค่อนแก้วหกเลอะเทอะ บริกรของโรงแรมต้องรีบเข้ามาทำความสะอาด ก้องไกรเริ่มรู้สึกอารมณ์เสีย แต่เขาก็ยังพยายามที่จะใจเย็นกับเธออย่างถึงที่สุด รอจนบริกรเดินกลับออกไปเขาจึงเริ่มใหม่อีกครั้ง “คุณนรินครับ” “คะ” “ผมอยากขอโอกาสดูแลคุณนรินได้ไหมครับ คุณนรินต้องการอะไร เท่าไร บอกผมมาได้เลย” นับเป็นความสุภาพที่หยาบคายและเสียมารยาทที่สุดที่นรินดาเคยได้ยิน เธอกรีดยิ้ม ก่อนจะแสร้งทำเป็นครุ่นคิด มองก้องไกรที่ในสายตาดูมีความหวังขึ้นมาแล้วยิ้มเยาะในใจ “นรินไม่กล้าพูดหรอกค่ะ” เธอยิ้มอายแล้วก้มหน้าหลบสายตา “ถ้าอย่างนั้นผมเสนอให้เดือนละแสนห้าพอไหมครับ” นรินดากรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง นี่หากไม่เกรงใจตติ เธอจะลุกขึ้นแล้วอาละวาดให้ลั่นเลย “สองแสน” “นริน...” “สองแสนห้าครับ คอนโด รถ ผมบวกกระเป๋าแบรนด์เนมให้อีกเดือนละสองใบ” นรินดาตาโต ตกใจที่เห็นคนที่ยอมทุ่มเงินมากขนาดนี้ให้กับสิ่งที่ก็น่าจะรู้ว่าจับต้องไม่ได้ “ถ้านรินเป็นคุณก้อง นรินจะซื้อกินเป็นครั้งคราวนะคะ ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่ แถมยังได้เปลี่ยนรสชาติบ่อยๆ ด้วย” “นั่นหมายความว่าผมทุ่มเทเพื่อคุณนรินไงครับ” ได้ยินแล้วนรินดาอยากจะอาเจียน “โธ่ คุณนรินครับ ผมยอมทุ่มเทเพื่อคุณมากขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่ใจอ่อนจริงเหรอครับ” ก้องไกรเอ่ยปากอ้อนวอนอีกครั้ง นรินดายิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางคล้องกระเป๋าเข้ากับแขน “พรุ่งนี้นรินมีประชุม ขอตัวกลับก่อนดีกว่าค่ะ ไม่อยากเสียงาน” “คุณนรินครับ คุณนริน” ก้องไกรตะโกนเรียกเพราะนรินดาเดินออกมาตั้งแต่ที่พูดจบ และไม่คิดจะหันกลับไปมองอีกเลย ทนฟังไม่ไหวแล้ว หากต้องเห็นหน้าหมอนั่นพูดจาน่าขยะแขยงอย่างนั้นต่ออีกนิด เธอต้องกรี๊ดแน่ๆ ตุ้บ! “ขอโทษค่ะ คุณภพ” เงยหน้ามาเห็นเขาปุ๊บ นรินดาก็แทบอยากจะกรี๊ดในใจให้ดังกว่าเดิม “เจ็บรึเปล่า” “คุณนริน เกิดอะไรขึ้นครับ คุณนรินเป็นอะไรรึเปล่า” ก้องไกรที่เดินตามออกมารีบถามพร้อมกับทำท่าทีช่วยประคอง นรินดาพยายามปัดออก แต่ในเวลาเดียวกันเธอก็ต้องอาศัยเขาบังข้ามภพเอาไว้ “นรินไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” “ผมไปส่งที่รถดีกว่าครับ” ก้องไกรไม่ยอมปล่อยมือ รีบอาสาพร้อมกับประคองนรินดาเดินออกไป ตอนนี้แม้ว่าเธอจะอยากปฏิเสธ แต่ใจหนึ่งกลับไม่อยากเสียเวลาพูดคุยกับข้ามภพ เลยจำยอมที่จะให้ก้องไกรประคอง ถึงหน้าโรงแรมเธอจึงผละตัวออกอีกครั้ง ทว่าก้องไกรกลับจับต้นแขนของเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม “ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” นรินดาตั้งใจให้เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะรักษามารยาท นับหนึ่งถึงสามแล้วดึงมือของก้องไกรออกสุดแรงอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่หลุดเหมือนเดิม “ปล่อยค่ะ” “ผมไปส่งดีกว่าครับ เมาแบบนี้คุณขับรถกลับเอง ผมว่าไม่ปลอดภัย” “ฉันบอกให้.../ปล่อย” สองตาของนรินดาเบิกโพลงตั้งแต่ได้ยินเสียงของข้ามภพ “คุณยุ่งอะไรด้วย ผมจะพา...” “นรินดาเป็นภรรยาผม” ลูกตาของนรินดาเกือบถลนออกจากเบ้า หัวใจเต้นแรงจวนจะทะลุออกมาจากหน้าอกเสียให้ได้ “ภรรยา?” “ใช่ครับ ถ้าคุณยังไม่ปล่อยมือออก ผมจะ...” “ผมว่าคุณเมาแล้วมั้งครับ ถ้าเมา ก็กลับบ้านไป...” อุก! ข้ามภพไม่เปิดโอกาสให้ก้องไกรพูดจบประโยค ยกเท้าขึ้นถีบเข้ากลางลำตัวคนปากพล่อยไปสุดแรง อาศัยจังหวะที่ก้องไกรเสียหลักดึงตัวนรินดากลับมา เพราะเธอเองก็กำลังรอจังหวะที่จะเอาตัวรอดอยู่แล้วเหมือนกัน “ไอ้...” พลั่ก! ดึงเธอออกมาสำเร็จ ก็สบโอกาสที่จะเหวี่ยงกำปั้นหลุนๆ ใส่ปาก ก้องไกรไปสุดวงแขน ยืนรอจังหวะที่ก้องไกรกำลังจะหันกลับมาเงื้อกำปั้นขึ้นรอชกอีกรอบ แต่นรินดากลับกอดแขนเขาเอาไว้ “อย่าค่ะๆ เขาเป็นลูกค้าของบริษัท” นรินดาขอร้องเอาไว้แทบไม่ทับ ข้ามภพหันมามองนิ่งๆ ก่อนจะทิ้งกำปั้นลงข้างตัวแล้วดึงเธอถอยห่างออกมาอีกหลายก้าว มองเธอด้วยสายตาดุๆ ก่อนจะจับมือซ้ายของเธอขึ้นมา “แหวนหมั้นไปไหน” นรินดาอึกอัก อย่าว่าแต่แหวนหมั้นเลย ตอนนี้ถามว่าอะไรเป็นอะไรเธอก็ยังสับสน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ในหัวของเธอมีแต่เสียงของเขาที่พูดออกมาว่าเธอเป็นภรรยาเต็มปากเต็มคำ “ไหวรึเปล่า” “ไหวค่ะ ฉันไม่เป็นไร” เธอฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกเหมือนจะวูบ อยู่ๆ ก็ทรงตัวไม่ค่อยอยู่ เซไปซบข้ามภพอย่างคนอ่อนแรง ข้ามภพขมวดคิ้วแล้วประคองเธอเอาไว้ หันกลับไปมองก้องไกรที่ยังดูมึนๆ เพราะน่าจะเพิ่งเคยถูกชกจนร่วงแต่ไม่คิดจะใส่ใจ รีบพา นรินดาเดินกลับไปที่รถทันที สังเกตว่าเธอเดินหลับตามาตลอดทาง โซซัดโซเซเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง “คุณดื่มไปเยอะเหรอ” “ค่ะ” นรินดาตอบอย่างไม่ปิดบัง เธอสะบัดหัวอยู่หลายครั้ง ทุบก็แล้วนวดก็แล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ปกติ “คุณนริน” “ฉัน...” ฟุ่บ! “นริน คุณนริน!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD