บทที่ 03
ไม่อยากเป็นคนน่ารัก [1]
บริษัท 69 ซีซเท็ม จำกัด
“นริน” ตติที่เพิ่งออกจากห้องประชุมหันมาเรียกนรินดาเบาๆ สบตากันแวบหนึ่งเธอจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงาน
วันนี้นรินดากลับมาทำงานแล้ว และเมื่อเช้าก็ได้พบก้องไกรแล้ว เธอจึงคาดเดาเอาไว้ว่าอีกฝ่ายคงจะต้องแวะมาเอาเธอแน่ๆ หรือไม่ก็คงมาเพื่อสร้างปัญหาให้เธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอย่างนั้นจะรู้จักผิดชอบชั่วดี
“คืนนั้นเกิดอะไรขึ้น เล่าให้พี่ฟังหน่อย” ตติถามเอ่ยถามทันทีที่นรินดานั่งลงที่เก้าอี้
“เขาบอกพี่ติยังไงล่ะคะ”
“พี่ถามเรา” ตติถามย้ำเสียงเข้ม เพราะเขาต้องการทราบเรื่องทั้งหมดจากปากเธอเพื่อจะได้หาทางแก้ปัญหา
ไม่ว่าจะอย่างไร ก้องไกรก็ถือว่าเป็นตัวแทนของบริษัทที่เป็นลูกค้ารายสำคัญ และส่วนตัวแล้วก็มีเส้นมีสายที่ไม่ธรรมดา แต่ตติเองก็มั่นใจว่าหากไม่มีเหตุ คนอย่างนรินดาไม่มีทางก่อเรื่องที่จะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทแน่ๆ
“มันตั้งใจมอมนรินค่ะ แล้วก็วางยานอนหลับในไวน์ให้นรินดื่มด้วย”
“หา!”
แต่ก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลวร้ายถึงขนาดนั้น เพราะเมื่อครู่ในห้องประชุม ก้องไกรดูไม่มีพิรุธอะไรเลย
“อย่างที่นรินบอกพี่ติไปตั้งแต่คืนนั้นนั่นแหละค่ะว่ามันชวนนรินดื่ม พอพี่ติโทรมา นรินก็เลยถือโอกาสไปเข้าห้องน้ำ พอกลับไปมันก็ถามนรินเรื่องค่าเลี้ยงดู บอกว่าอยากเลี้ยงดูนรินแต่นรินปฏิเสธ ดื่มอีกแก้วหรือสองแก้วนี่แหละค่ะแล้วนรินก็กลับ”
“แล้วเรื่องที่เขาบอกว่าแฟนนรินทำร้ายเขาเพราะหึงหวงที่นรินไปกินข้าวกับเขาทั้งที่เขาพยายามอธิบายแล้วว่าเขาเป็นลูกค้าของบริษัทล่ะ”
นรินดากลอกตาเซ็ง นึกสงสัยว่าตอนโกหกออกมา ไม่รู้สึกอายปากตัวเองบ้างหรือไง
“ตอนนรินเดินออกมานรินรู้สึกมึนหัวน่ะค่ะ ก็เลยเดินไปชนกับคุณข้ามภพเข้าพอดี”
“คุณข้ามภพที่ว่าก็คือแฟนของนรินที่คุณก้องไกรเขาพูดถึงใช่ไหม”
นรินดาอึกอักอยู่ในที แต่จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะถึงอย่างไรอีกไม่นานเธอก็ต้องแต่งงานกับข้ามภพ และตติก็ต้องรู้เรื่องอยู่ดี
“ค่ะ เขาเป็นสามีของนริน เรากำลังจะแต่งงานกัน” ถือโอกาสอธิบายเสียเลยก็แล้วกัน
“พี่คิดว่าเราจะไม่บอกเรื่องนี้กับพี่เสียอีก”
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่เรากำลังจะแต่งงานน่ะสิ” ตติพูดไปถอนหายใจไป แต่สีหน้าที่ดูไม่แปลกใจของเขากลับทำให้นรินดาเป็นฝ่ายแปลกใจเสียเอง
“พี่ติทราบแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“ตั้งแต่เมื่อไรคะ”
“เมื่อกี้” ตติบอกเสียงเข้มก่อนจะยื่นเอกสารที่เขาถือติดมือออกมาจากห้องประชุมให้นรินดา
“คุณข้ามภพเป็นคนถือมันมายื่นกับบริษัท และยืนยันว่าจะเอาเรื่องก้องไกรให้ถึงที่สุด และจะเอาเรื่องบริษัทด้วยถ้าหากว่าบริษัทไม่ดำเนินการอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องและดูแลพนักงานให้ดีกว่านี้”
นรินดาเบิกตาโพลงแล้วรีบคว้าเอกสารขึ้นมาดู ในเอกสารมีภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงที่ก้องไกรประคองเธอออกมาจากหน้าห้องอาหารจนถึงด้านหน้าโรงแรม รวมถึงมีภาพจากในห้องอาหาร ตอนที่ก้องไกรใส่ยานอนหลับในแก้วไวน์ของเธอระหว่างที่เธอเดินไปเข้าห้องน้ำด้วย
ตอนที่ข้ามภพขอนามบัตรก้องไกรจากเธอแล้วเธอไม่ให้จนเขาขโมยมันไป เธอก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าเขาคงจะเอาไปจัดการเรื่องนี้ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดแถมยังถือมันมาที่นี่ด้วยตัวเอง
“คราวหลังถ้าเกิดเรื่องขนาดนี้ ให้โทรบอกพี่ทันที เข้าใจรึเปล่านริน” ตติอดจะตำหนิเธอไม่ได้ ดูเหมือนเรื่องนี้จะหาทางออกไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดเอาไว้เสียแล้ว
“นรินขอโทษค่ะ นรินไม่คิดว่าคุณภพเขาจะทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แบบนี้” นรินดารีบยกมือไหว้ตติทันที เธอรู้ว่าอย่างไรเสียตติเองก็เชื่อคำพูดของเธอ แต่ผลประโยชน์ของบริษัทก็เป็นเรื่องสำคัญ คิดว่าตติเองก็คงจะลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“ไหนเรื่องเล็ก นี่มันเรื่องใหญ่มากต่างหาก ที่พี่โกรธไม่ได้โกรธเรื่องคุณข้ามภพ เพราะเขาทำถูกต้องแล้ว บริษัทมีหน้าที่ต้องดูแลพนักงาน แต่พี่โกรธที่เราไม่บอกพี่สักคำต่างหาก”
นรินดายิ้มเจื่อน ตั้งแต่ทำงานกับตติมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองทำงานพลาด
“ไปๆ กลับไปพักได้แล้ว ที่เหลือพี่จะจัดการให้เร็วที่สุดก็แล้วกัน ได้เรื่องยังไงจะรีบบอก”
“ขอบคุณพี่ติมากนะคะ ตอนแรกนรินคิดว่าจะถูกพี่ติเรียกมาแจกใบเตือนเสียอีก”
“พี่ดูเป็นหัวหน้างานที่ไม่เป็นมืออาชีพขนาดนั้นเลยหรือไง” ตติแกล้งว่า เห็นท่าทีของเขากลับมาเป็นกันเองอีกครั้งนรินดาจึงยิ้มกว้าง
“พี่ติเป็นหัวหน้างานที่โคตรหล่อเลยค่ะ เอาไว้นรินจะซื้อของเล่นไปฝากน้องไอติมเยอะๆ เลยนะคะ”
“พอๆๆ รีบกลับได้แล้ว ระวังตัวด้วยล่ะ เห็นอะไรไม่ชอบมา พากลรีบโทรหาพี่ทันทีรู้ไหม เมื่อครู่นี้ท่าทางก้องไกรดูไม่พอใจ แต่สามีเราก็ดูเอาเรื่องอยู่ รีบกลับไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องเถอะ อย่าให้เขาต้องมาเอาเรื่องพี่ถึงบริษัทเลย”
“รับทราบค่ะบอส นรินกลับนะคะ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
พูดถึงเรื่องข้ามภพแล้วนรินดาก็ได้แต่ยกมือไหว้ตติอีกรอบก่อนจะเดินออกมา
ออกจากห้องทำงานของตติ นรินดาก็พยายามติดต่อข้ามภพในทันที แต่โทรไปสองสายแล้วเขาก็ไม่รับ ไม่รู้ว่าขับรถอยู่หรือเปล่า เพราะถ้าหากเขาออกจากห้องประชุมพร้อมตติ ก็แสดงว่าเพิ่งจะกลับไปไม่นาน
ตื๊ดดด~
นรินดาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพราะคิดว่าเป็นข้ามภพโทรกลับมา แต่กลับเป็นพิมพ์พัชร เธอมัวแต่คิดเรื่องข้ามภพกับก้องไกรจนเกือบลืมไปแล้วว่าวันนี้นัดกับพิมพ์พัชรเอาไว้
“กำลังจะออกจากออฟฟิศแล้วจ้ะ”
[ไม่ต้องรีบเพราะฉันจะโทรบอกแกว่าฉันไปไม่ได้แล้ว]
“อ้าว”
[เลิกงานห้าโมง งานด่วนที่สุดมาตอนสี่โมงสี่สิบห้า แถมยังมีประชุมกับบอสที่เกาหลีตอนหกโมงครึ่ง ฉันอยากจะบ้าจริงๆ]
นรินดาได้ยินแล้วรู้สึกสงสารปนขำ เอื้อมมือคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากบริษัทอย่างใจเย็นเพราะหากพิมพ์พัชรมาไม่ได้ เธอก็ไม่ต้องรีบแล้ว ส่วนเรื่องของข้ามภพก็คงต้องรอให้เขาโทรกลับมาเสียก่อนถึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ ซึ่งเธอเองก็ตอบไม่ได้อีกเหมือนกันว่าเขาจะโทรกลับไหม
“งั้นแกเคลียร์งานไปก่อนก็แล้วกัน ไว้เจอกันวันหลังก็ได้”
[เออๆ ถ้าฉันไม่ทำงานจนตายเสียก่อน วันเสาร์ค่อยนัดอีกที แค่นี้ก่อนนะ ป้ามะยมเดินมาแหกอกแล้ว บาย]
นรินดาขำพรืด นึกถึงหน้าป้ามะยมที่พิมพ์พัชรพูดถึงแล้วเสียวสันหลัง เพราะพิมพ์พัชรเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าเป็นตัวตึงของแผนก สั่งงานเก่งเหมือนสั่งเยอะแล้วจะได้เลื่อนตำแหน่ง
ตื้ดดด~
อีกสายก็ยังไม่ใช่ข้ามภพอยู่ดี แต่สายนี้เป็นคุณตาที่แค่เห็นชื่อนรินดาก็ใจชื้น ขับรถออกจากบริษัทอย่างอารมณ์ดี
“สวัสดีค่ะคุณตา รู้ได้ยังไงคะว่านรินกำลังคิดถึงคุณตาม้ากมาก”
[คิดถึงแล้วทำไม่โทรหาตา]
“งานยุ่งน่ะสิคะ นรินเหนื่อยจะตายแล้วค่ะคุณตา อยากกลับไปนอนเฉยๆ แบมือขอเงินคุณตาไปตลอดชีวิตที่สุด”
[เหอะ ใครกันนะบอกตาว่าหนูจะทำงานหาเงินเลี้ยงคุณตาเอง]
ถูกคุณตาย้อนเสียจนพูดไม่ออก
“นรินกำลังทำงานหลังขดหลังแข็งเพื่อคุณตาเลยนะคะเนี่ย ว่าแต่วันนี้คุณตาโทรหานรินมีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ หรือคิดถึงนรินเฉยๆ”
[ตาว่าจะโทรชวนนรินกลับมากินข้าวที่บ้านสักหน่อยน่ะ]
มีเหรอที่เธอจะรู้ไม่ทันว่าคนที่อยากให้เธอกลับไปกินข้าวที่บ้านคือหลานชายของคุณตามากกว่า เพราะตั้งแต่เมื่อวันก่อน เธอก็ยังไม่รับโทรศัพท์เพียงคุณอีกเลย
“วันนี้นรินนัดเพื่อนไปแล้วค่ะคุณตา เอาไว้วันศุกร์เลิกงานแล้วนรินจะรีบกลับไปหอมแก้มคุณตาให้ชุ่มปอดเลยนะคะ” นรินดาอ้อนหนัก
[ก็ได้ๆ งั้นเอาเป็นวันศุกร์นะนริน ตาจะรอ]
“ค่ะ รักคุณตานะคะ สวัสดีค่ะ” นรินดารีบกดวางสายเพราะเมื่อครู่เหมือนเธอจะเห็นรถของข้ามภพจอดอยู่ที่ร้านอาหาร
สัญชาตญาณสั่งให้เธอใส่เกียร์ถอยแล้วเหยียบคันเร่ง ก่อนจะหมุนพวงมาลัยรถเลี้ยวเข้ามาที่ร้านอาหารร้านนั้นทันที กวาดสายตามองหาเขาไม่นานก็เห็นว่าเขากำลังนั่งทานข้าวอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งในสวนด้านข้างร้าน ซึ่งจากระดับความเกลียดที่เธอมีต่อผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอมั่นใจได้ทันทีว่าเป็นธิชา
นรินดากำพวงมาลัยรถแน่นจนมือสั่น นั่งนับหนึ่งถึงสิบวนอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ใช่เพื่อให้ตัวเองสงบหรือใจเย็นลง เธอเพียงแค่กำหนดสมาธิให้พร้อมที่จะเดินลงไปเอาเรื่องต่างหาก
พร้อมแล้วเธอจึงก้าวลงจากรถ เดินตรงเข้าไปในสวนตามที่เห็นว่าข้ามภพและธิชานั่งคุยกันอยู่เพราะเล็งเอาไว้แล้วตั้งแต่แรก การปรากฏตัวของเธอทำให้ธิชาเบิกตาโพลง ส่วนข้ามภพแม้จะดูตกใจแต่สีหน้าเปลี่ยนไปไม่มากนัก
“สวัสดีค่ะพี่นริน”
“เรื่องลักกินขโมยกินของคนอื่นนี่ครูพักลักจำมาจากคนอื่นหรือว่าจำมาจากแม่เธอล่ะธิชา” นรินดาถามยิ้มๆ เหลือบมองมือของข้ามภพที่ยกขึ้นมาดึงแก้วน้ำออกไปวางเสียไกลมือเธอแล้วนึกขำในใจ
“พี่นรินกำลังเข้าใจผิดนะคะ ธิชากับพี่ภพก็แค่...”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับเลยก็แล้วกัน” ข้ามภพตัดบทพร้อมกับลุกขึ้นยืน ยื่นมือมาจับมือของนรินดาอย่างว่องไวเพียงแต่เธอดึงมือออกไวกว่า
“พอฉันมาถึง คุณก็จะกลับเลยเหรอคะ อาหารที่สั่งมาเหมือนจะเพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำ”
“กลับเถอะ”
“ก็ได้ค่ะก็ได้ ฉันเองก็ลืมคิดไปว่าธิชาชอบกินของเหลือ”
ข้ามภพกัดฟันกรอด นึกอยากจะพูดอะไรแรงๆ ใส่นรินดาสักคำแต่คงมีแต่จะยิ่งทำให้เรื่องบานปลาย เขาจึงตัดสินใจเงียบเอาไว้ก่อน
ตั้งใจจะดึงมือเธออีกรอบ แต่ก็ยังช้าไปอยู่ดีเพราะเพียงแค่เสี้ยววินาที มือเล็กๆ ของนรินดาก็คว้าแก้วน้ำส้มของธิชาสาดกลับมาใส่หน้าเขาเสียแล้ว
“พี่นรินทำอะไรคะ พี่ภพคะ คือว่า...”
“อย่ายุ่งกับเขา” นรินดาปัดข้อมือของธิชาที่รีบดึงกระดาษทิชชูยื่นมาช่วยซับน้ำส้มออกจากใบหน้าของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้ชื่อนรินดาก็เหนื่อยแบบนี้แหละนะธิชา อยากได้ผัวเขาก็ต้องยอมทุ่มเทเอาตัวเข้ามาแลกอะเนอะ”
“ธิชาไม่ได้...”
“หุบปาก! ฉันไม่ได้อยากฟัง” นรินดาแผดเสียงลั่น ตอนนี้ต่อให้ข้อมือของเธอจะถูกข้ามภพคว้าเอาไว้ได้แล้ว หรือต่อให้เขาจะบีบมันจนหักคามือก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดหรือใจเย็นลงได้
“จำใส่กะลาหัวของเธอเอาไว้ว่าเขาเป็นของฉันและเรากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้ หน้าที่เมียเขาเป็นของฉัน ไม่ใช่เธอ เพราะฉะนั้นอย่าสะเออะล้ำเส้นเข้ามา อย่าพยายามเพราะฉันไม่ใช่คนใจดีอย่างแม่ของฉัน” นรินดาประกาศกร้าว แม้จะถูกข้ามภพลากตัวออกมาจากร้านอย่างทุลักทุเลแต่ก็ถือว่าเธอทำได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจ
“ปล่อย”
“ขึ้นรถ”
“อย่าคิดว่าฉันจะไปกับคุณ”
“ผมสั่งให้ขึ้นรถ!” ข้ามภพกระชากประตูรถออกแล้วผลัก นรินดาเข้าไปด้านในทันที เธอพยายามจะลุกออกมาแต่กลับถูกเขากดลงกับเบาะทั้งยังดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดทับตัวเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“คุณจะทำอะไร” นรินดาถามด้วยความตกใจเมื่อเขากระชากกระเป๋าของเธอไป
ข้ามภพมองเธอด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะเปิดกระเป๋าของเธอแล้วค้นหากุญแจรถ โยนมันให้กับคนขับรถของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ขับรถคุณนรินกลับไปไว้ที่คอนโดแล้วฝากกุญแจไว้ข้างล่าง ฉันลงไปเอาเอง”
“ครับคุณภพ”
“นี่คุณ”
“ถ้าคุณก้าวเท้าลงมาจากรถแม้แต่ก้าวเดียว ผมจะให้คุณทำหน้าที่เมียผมที่ลานจอดรถนี่แหละ”
คำขู่ของเขาทำให้เธอตัวเย็นวาบ นั่งนิ่งราวกับถูกสตัฟฟ์แม้แต่ในตอนที่เขาปิดประตูรถลงเสียงดังเธอก็ยังไม่กล้าที่จะสะดุ้ง
บรื้นนน~
ข้ามภพขับรถออกจากร้านอาหารด้วยความโมโห ไม่แม้แต่จะหันไปมองนรินดาที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จามาตลอดทางกระทั่งกลับถึงคอนโด