บทที่ 01
นรินดาพาหัวจะปวด [3]
“คุณพ่อคะ”
“ว่ายังไงยัยทิพย์ หรือว่าเราจะไปหย่าล่ะ ฟังเหตุผลของลูกบ้างรึเปล่า หย่ากันซะจะได้จบๆ ทรัพย์สมบัติอะไรก็จะได้ทำให้มันถูกต้อง เรียบร้อย แล้วเขาอยากจะหักค่าซ่อมรถอะไรเท่าไรก็ให้เขาหักไป ก็เท่านั้นเอง”
นรินดากอดเอวคุณตาแน่นกว่าเดิม กะพริบตาปริบๆ ใส่ นรินทิพย์จนนรินทิพย์อยากจะลุกมาตีสักเพียะ
“ถ้าอย่างนั้นต่อไปนี้ยัยนรินก่อเรื่องอะไร คุณพ่อก็รับผิดชอบไปให้หมดเลยก็แล้วกันนะคะ ทิพย์ไม่มีปัญญาจะสั่งสอนเด็กดื้อด้านคนนี้แล้วจริงๆ”
“ดื้อเหมือนใครน้า” นรินดาถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะรีบหุบยิ้มแล้วเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อถูกเพียงคุณถลึงตาใส่
“ตามนั้นก็แล้วกัน หลานคนเดียว ทำไมตาจะเลี้ยงไม่ได้”
“รักคุณตาที่สุดเลยค่ะ”
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจของเพียงคุณคือสัญญาณบอกว่าทุกคนจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กันอีก เพราะคุณตาตัดสินใจไปแล้ว
“เอาล่ะๆ เข้าเรื่องจริงๆ จังๆ กันสักที”
มาถึงเวลาที่นรินดาใกล้จะยิ้มไม่ออกแล้ว เธอเหลือบมองไปที่ ข้ามภพแวบหนึ่ง เห็นเขามองมาที่เธอพอดีเหมือนกัน ซึ่งแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ได้สบสายตากัน แต่ก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก
“กลับมาได้กี่วันแล้วล่ะตาภพ”
“เพิ่งลงเครื่องเมื่อวานช่วงบ่ายครับคุณตา”
คำตอบของเขาทำให้นรินดาทำปากคว่ำ ไม่คิดว่าลงเครื่องวันแรกเขาก็จะรีบไปหายัยธิชาทันที ไม่ไว้หน้าเธอที่เป็นคู่หมั้นเลยสักนิด หากเมื่อวานเธอไม่ไปที่งานเลี้ยงวันเกิดของศศิกานต์ เธอคงยังไม่รู้ว่าเขากลับมาแล้ว
“แล้ววางแผนเอาไว้ยังไงบ้างล่ะ”
ไอ้คำว่าแผนที่ว่า มันจะเป็นแผนอะไรไปได้อีกนอกจากแผนการแต่งงาน คิดแล้วนรินดาอยากจะลุกหนี แต่หากเธอหนี ก็เท่ากับว่าเธอยอมแพ้น่ะสิ
“ผมตั้งใจพาตาภพมาปรึกษาเรื่องนี้กับคุณพ่อแล้วก็คุณทิพย์นี่แหละครับ ใจผมเองอยากให้เร็วที่สุดตามที่เราเคยคุยๆ กันไว้ครับ แต่ก็คงต้องแล้วแต่เด็กๆ เขาด้วย”
หัวใจของนรินดาร่วงตุบลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ยิน
“ว่ายังไงล่ะยัยนริน”
“นริน...” เธอจะตอบคุณตาว่าอย่างไรดีนะ หันไปมองข้ามภพก็แล้ว แต่เขากลับไม่พูดอะไรสักคำ เธอเป็นผู้หญิงตอบแบบไหนถึงจะไม่น่าเกลียด เพราะหากถามคำตอบลึกๆ ในใจของเธอก็คือไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเขาเลยสักนิด
“ผมคิดว่าเรื่องสำคัญแบบนี้เราไม่ควรรีบร้อนเกินไปครับ ผมจะได้มีเวลาจัดการตารางงานของตัวเองสักหน่อย ส่วนคุณนรินก็จะได้มีเวลาเตรียมตัวด้วยเหมือนกัน” ข้ามภพตอบด้วยความสุภาพ พูดจบเขาก็มองมาที่เธอเพื่อให้เธอพูดเสริม เพราะเขาเกริ่นนำให้แล้ว
“แต่นรินว่าแต่งเร็วๆ ก็ดีค่ะ นรินอยากแต่งงาน”
เพียงคุณถึงกับหันมามองหน้าเพราะไม่คิดว่าน้องสาวของตัวเองจะเป็นฝ่ายเร่งรัดงานแต่งงานเสียเองอย่างนี้
“หมั้นกันมาตั้งสามปีแล้วแต่ยังไม่แต่งสักที ทุกวันนี้เพื่อนนรินคิดว่านรินถูกถอนหมั้นกันไปหมดแล้วค่ะ หน้าตาคู่หมั้นนรินเป็นยังไง เพื่อนนรินบางคนยังไม่เคยเห็น นี่บางคนชวนนรินปัดหาผู้ชายในแอพฯ ทุกวันเลยนะคะคุณตา”
“ยัยนริน”
“ก็จริงนี่คะคุณแม่” นรินดาแสร้งว่าแล้วทำตาปริบๆ ก่อนจะทำเป็นมองไม่เห็นสายตาค้อนๆ ของเพียงคุณ จบที่หันไปยิ้มให้คุณตาที่นั่งหัวเราะชอบใจ
“เอาๆ ว่าไงล่ะตาภพ น้องอยากแต่งเร็วๆ เราติดปัญหาอะไรไหม หากเป็นเรื่องงานตาว่าก็คงไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องเป็นห่วงใช่ไหมบดินทร์”
“ครับคุณพ่อ”
สีหน้ากระอักกระอ่วนใจของข้ามภพทำให้นรินดาลอบยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เธอรู้ว่าเขาไม่อยากแต่งงานกับเธอเหมือนที่จริงๆ แล้วเธอเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเขานั่นแหละ
แต่เพราะนรินดารู้ว่าเขาคือผู้ชายที่ธิชาแอบรักและต้องการจะได้ครอบครอง ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะแย่งเขามา
สามปีก่อนที่ข้ามภพจะไปอเมริกา นรินดาบังเอิญได้ยินผู้ใหญ่พูดคุยกันเรื่องความเหมาะสมระหว่างเธอกับเขา รวมถึงบดินทร์ได้เอ่ยปากทีเล่นทีจริงกับคุณตาของเธอเรื่องการขอทาบทามเธอเอาไว้ให้กับข้ามภพ ซึ่งไม่ว่าเขาจะเอ่ยด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ เธอก็ตัดสินใจคว้าโอกาสนั้นเอาไว้ และเพียงแค่คุณตาของเธอรู้ว่าเธอต้องการอะไร มีเหรอที่ขัดใจ
เธอกับเขาเข้าพิธีหมั้นอย่างเรียบง่ายก่อนที่เขาจะเดินทางไปเรียนต่อเพียงสองสัปดาห์ และทั้งสองครอบครัวทำข้อตกลงกันเอาไว้ว่าหากเขากลับมาจากอเมริกาเมื่อไร ค่อยพูดคุยและปรึกษากันเรื่องการแต่งงานอีกที
ตอนแรกเธอคิดว่าเขาจะไม่กลับมาเพราะไม่อยากแต่งงานกับเธอแล้วด้วยซ้ำ เพราะตลอดสามปีที่เขาไปอเมริกา เขาไม่แม้แต่จะโทรกลับมาหาเธอเลยสักสายเดียว ซึ่งสำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ขอเพียงแค่ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นกัน ก็มากพอที่เธอจะใช้เป็นข้ออ้างในการแสดงความเป็นเจ้าของเขาได้แล้ว
“ได้ครับคุณลุง” ข้ามภพจำใจตอบรับอย่างครั้งก่อน สายตาที่เขามองนรินดายังคงเรียบเฉยและเย็นชา แต่เธอเคยสนใจความรู้สึกของเขาเสียที่ไหน
“ถ้าอย่างนั้นทิพย์จะปรึกษาเรื่องฤกษ์ยามกับคุณบดินทร์อีกทีก็แล้วกันนะคะคุณพ่อ”
“เอาๆ ตามนั้นก็แล้วกัน”
สีหน้าเบิกบานของคุณตาทำให้นรินดาต้องฝืนยิ้มต่อไป ต่อให้รู้ว่าเขาจะไม่เต็มใจแต่งงานด้วย แต่หากการแต่งงานระหว่างเธอกับเขาที่กำลังจะเกิดขึ้นมันจะทำให้เธอได้เห็นธิชาทุกข์ทรมานใจ เธอก็ยินดีจะแลก
“ถ้าหมดเรื่องแล้ว นรินขอตัวกลับเลยนะคะคุณตา”
“อ้าว จะรีบกลับไปไหนกันล่ะ หรือว่านัดกับพี่เขาเอาไว้แล้ว หนุ่มสาวสมัยนี้นี่นะ” คุณตารีบหันมาแซว
นรินดาเหลือบมองไปที่ข้ามภพทันที เพราะเมื่อครู่เธอเพียงแค่หาโอกาสหนีกลับไปตั้งหลักเท่านั้น
“เดี๋ยวให้เฮียคุณไปส่งค่ะ คุณภพเขาเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ นรินเกรงใจ ให้เขากลับไปพักผ่อนแล้วก็รีบจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวแต่งงานจะดีกว่า”
อธิบายคำตอบอย่างคล่องแคล่วแล้วหอมแก้มคุณตาไปอีกฟอดใหญ่
“นรินรักคุณตาที่สุดเลยค่ะ นรินกลับนะคะแม่ กลับแล้วค่ะลุงบดินทร์ ไปกันเถอะเฮีย” บอกลาทุกคนอย่างนอบน้อมแล้วเดินไปคว้าแขนเพียงคุณเพื่อลากเขาออกมาจากห้องรับรองทันที
“ยัยนริน เดี๋ยวก่อน ยัยนริน”
“โอ๊ย” นรินดาหลุดปากร้องเสียงหลงเมื่อเพียงคุณดึงมือของเธอออก เสียงร้องของเธอทำเอาเขาตกใจเพราะไม่คิดว่าแค่ดึงแล้วสะบัดออกเบาๆ จะให้เธอเจ็บจนร้องเสียงดัง ทว่าจังหวะที่หันไปมองแล้วเห็นแขนเสื้อร่นขึ้นไปบนท้องแขนของเธอก็ทำให้เขาเบิกตาโพลง รีบคว้าแขนเธอกลับมามองให้แน่ใจอีกรอบ
“อะไร”
นรินดาปิดไม่ทันเสียแล้ว เธอถอนหายใจแล้วจำต้องรับสารภาพพร้อมกับดึงแขนเสื้อลงเพราะไม่อยากให้คุณตาหรือคุณแม่ของเธอเดินออกมาเห็น
“เศษกระจกบาดค่ะ”
“เพราะแบบนี้เราถึงได้ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวมาสินะ”
“นิดหน่อยเองน่าเฮีย นรินไม่เป็นไรสักหน่อย”
“เรานี่มันเหลือทนจริงๆ ไปหาหมอแล้วหรือยัง” เพียงคุณอดจะบ่นไม่ได้ ลดระดับเสียงลงเพราะเขาเองก็ไม่อยากให้คุณตากับนรินทิพย์เป็นห่วง
“แผลแค่นี้ไม่ต้องหาหมอหรอกค่ะ นรินทำแผลเองได้ สบายมาก” นรินดายืนยันอีกครั้งก่อนจะเหลือบมองไปทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าข้ามภพเดินตามออกมาจากห้องรับรอง
“อ้าว จะกลับแล้วเหมือนกันเหรอไอ้ภพ” เพียงคุณเอ่ยปากถามแทน ทว่าสายตาของข้ามภพกลับมองมาที่นรินดา
เพียงคุณที่เห็นสายตาของคนสองคนที่กำลังจะแต่งงานกันมองกันแล้วแต่ถอนหายใจ เพราะเขาเองก็รู้ว่านรินดารู้สึกอย่างไร และ ข้ามภพรู้สึกอย่างไร
คนหนึ่งก็น้องสาวที่รัก ส่วนอีกคนก็เพื่อนสนิท คนกลางอย่างเขาจึงกลายเป็นคนน้ำท่วมปากอยู่อย่างนี้
“ผมรอที่รถ” ข้ามภพเปรยขึ้นเบาๆ ระหว่างที่เดินผ่านเพียงคุณและนรินดาออกไป สีหน้าท่าทางดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก
“เขาไม่ได้ฟังหรือไงว่านรินจะให้เฮียไปส่ง”
“เอาน่า เราก็อย่าตั้งแง่กับเขาให้มากนักเลย อยากแต่งงานกับเขานักไม่ใช่เหรอ หาเรื่องจริงๆ” เพียงคุณว่าอย่างจนปัญญา ก่อนจะดันหลังนรินดาให้รีบเดินตามข้ามภพไปที่รถ
เขาจะทำอย่างไรได้ในเมื่อนรินดาเป็นคนตัดสินใจเลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง ใช่ว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเตือนเธอเสียเมื่อไร แต่ก็อย่างที่เห็นว่าหากเรื่องไหนที่เธอตัดสินใจไปแล้ว ต่อให้ใครจะห้ามก็ไม่ฟังทั้งนั้น แม้แต่นรินทิพย์ยังออกปากว่าสั่งสอนไม่ไหว
นรินดายกมือไหว้เพียงคุณแล้วเดินมาขึ้นรถของข้ามภพ ถึงจะไม่ได้อยากร่วมทางไปกับเขา แต่ดูจากสีหน้าบึ้งตึงของเขาแล้ว ก็คงจะถูกบังคับให้ไปส่งเธอเหมือนกัน
เอาเถอะ แค่ไปนั่งนิ่งๆ บนรถยั่วโมโหเขา ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่า-กว่าแรงของเธอหรอก
บรื้นนน
ขึ้นรถมาได้ข้ามภพก็ออกรถทันที นรินดาไม่ได้ตกใจอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่ได้เต็มใจจะไปส่ง ตรงกันข้าม หากคนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นธิชา เขาคงขับรถอย่างนุ่มนวล ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า...ฝันไปเถอะ!
ตื๊ดดด~
ถือโอกาสที่โทรศัพท์มือถือของตัวเองดังรีบหยิบมันขึ้นมารับสาย อย่างน้อยก็ดีกว่านั่งฟังเสียงลมหายใจของตัวเองเพราะไม่อยากพูดกับเขา
“สวัสดีค่ะพี่ติ”
[ยุ่งอยู่รึเปล่านริน พี่มีเรื่องรบกวนหน่อยน่ะ]
“ว่างค่ะ พี่ติมีเรื่องอะไรเหรอคะ” นรินดาแสร้งทำทีเป็นพูดไปยิ้มไป
ตติเป็นหัวหน้างานของเธอเอง เธอรับบทเป็นผู้ช่วยของเขามาตั้งแต่เริ่มเข้าทำงานใหม่ๆ เหตุผลที่เธอเลือกสมัครงานที่บริษัทขนาดกลางแทนที่จะทำงานที่บริษัทของคุณตาที่ตอนนี้เพียงคุณเป็นผู้บริหารอยู่ก็เพราะบริษัทกลางๆ ที่ว่า เป็นบริษัทคู่แข่งกับบริษัทของวิทวัส
[พรุ่งนี้หลังประชุมช่วงเย็นเสร็จ นรินมีนัดแล้วหรือยัง]
“พี่ติจะพานรินไปเลี้ยงเหล้าเหรอคะ บอกมาเลยค่ะ ถึงมีนัด นรินก็เคลียร์คิวให้พี่ติได้สบาย ขอแค่พี่ติพูดมาคำเดียวว่าเลี้ยง”
ออกตัวแรงก่อนได้เปรียบเสมอ พูดจบเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากปลายสาย บ่งบอกว่าเธอน่าจะเดาผิด
[พี่จะให้เราไปกินข้าวกับลูกค้าแทนต่างหากล่ะ]
“ใครเหรอคะ”
[คุณก้องไกร]
“โอ้โห ไม่ว่างแล้วค่ะ นึกขึ้นได้ว่ามีนัดกับผู้ชายพอดี” นรินดาแกล้งว่า เหลือบมองข้ามภพเพราะเขาถอนหายใจเสียงดังเหมือนอยากจะมีตัวตนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
[แฟนเหรอ]
“หมอดูค่ะ ช่วงนี้ดวงไม่ค่อยจะดี สงสัยจะถึงคราวเคราะห์ ต้องไปมูเพิ่มสักหน่อย” นรินดาแอบประชด แต่เหตุผลจริงๆ ที่เธออยากจะปฏิเสธก็เพราะลูกค้าคนนั้นคือก้องไกร ได้ยินแค่ชื่อเธอก็รู้สึกขนหัวลุกไปหมดแล้ว
[งั้นตกลงนะ ขอโทษทีที่ต้องรบกวนเรา พรุ่งนี้พี่ต้องพาลูกสาวไปฉีดวัคซีนน่ะ]
“พูดแบบนี้พี่ติอยากให้นรินรู้สึกผิดเหรอคะ”
[พี่ต่างหากที่ต้องรู้สึกผิด ลูกค้ารายนี้ก็รู้ๆ กันอยู่ แต่จะให้ไหว้วานคนอื่นพี่ก็ไม่ไว้ใจ] ตติออกปากอย่างเกรงใจ
จริงๆ แล้วหน้าที่นี้มันเป็นหน้าที่ของเขาโดยตรง ถึงนรินดาจะเป็นผู้ช่วยของเขาและเธอสามารถไปทำหน้าที่แทนเขาได้อย่างแน่นอน แต่กับลูกคือที่ชื่อก้องไกรคนนี้ ถือว่าเป็นข้อยกเว้น เพราะทั้งเขาและเธอรู้ดีว่ามีพฤติกรรมที่ค่อนข้างน่ารังเกียจ
“นรินทำได้ค่ะ พี่ติไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ถึงมือนรินคนนี้ รับรองว่าเรียบร้อยทุกราย”
[อย่าให้ถึงขั้นที่พี่ต้องถือกระเช้าไปเยี่ยมลูกค้าที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน]
“พี่ติก็”
[แค่นี้นะ ขอบใจมาก เจอกันพรุ่งนี้ พี่รีบโทรมาบอกก่อนเผื่อ นรินจะนัดใครน่ะ]
“ได้ค่ะพี่ ไม่มีปัญหา สวัสดีค่ะ” นรินดาวางสายทั้งรอยยิ้ม แต่ไม่ทันได้เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เธอก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อหน้าจอบริเวณคอนโซลหน้ารถแสดงชื่อของธิชาขึ้นมาเพราะเธอกำลังโทรหาเขา ซึ่งเขาเปิดระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์กับรถเอาไว้
“คุณจอดรถส่งฉันข้างหน้าก็ได้ค่ะ ฉันกลับเองได้”
บรื้นนน~
เธอบอกให้เขาจอด แต่เขากลับเร่งเครื่อง ทำเธอหงุดหงิดจนต้องหันไปมองค้อน
“คุณภพไม่เข้าใจที่ฉันพูดเหรอคะ”
“พูดกับว่าที่สามีให้เพราะๆ หน่อย ต่อหน้าคุณตาผมเห็นคุณออเซาะเก่งจะตาย ทำไมตอนอยู่กันสองคนถึงได้ทำเสียงแข็ง”
“คุณภพ!”
“ถ้าเรียกพี่ภพไม่ถนัด ก็เรียกผมว่าคุณสามีขาก็ได้ ไหนๆ คุณก็อยากได้ผมเป็นสามีจนตัวสั่นอยู่แล้ว”
นรินดากัดฟันกรอด แต่ไม่ทันจะได้พูด โทรศัพท์ของเขาก็สั่นขึ้นมาอีกรอบเพราะรอบแรกสัญญาณถูกตัดไปแล้ว หันไปมองบนหน้าจอก็ยังเป็นชื่อของธิชาอยู่ดี
“ค่ะ ฉันอยากได้คุณจนตัวสั่น แต่คงไม่น่าเท่ายัยธิชาหรอกมั้งคะ รู้ทั้งรู้ว่าคุณเป็นของฉันก็ยังชอบมาลักกินขโมยกิน”
เอี๊ยดดด!
ข้ามภพสลับปลายเท้าไปแตะที่เบรกพร้อมกับหักพวงมาลัยรถจอดข้างทางในทันที นรินดาถือโอกาสนั้นปลดล็อกแล้วเปิดประตูก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถด้วยความรวดเร็ว
“ถ้าคุณมีนัดก็ไปเถอะค่ะ ฉันกลับเองได้ รับรองว่าไม่ฟ้องคุณตาหรือคุณลุงให้คุณเดือดร้อนแน่นอน จะไปกระชับมิตรกันที่ไหนก็เชิญ”
ปัง!
“นริน นรินดา!”