แม่หนูตาสวยพยักหน้าหงึกๆ ยืนยันว่าพ่อข้าวติดคอตายไปแล้วจริงๆ เธอเคยถามมารดา แล้วแม่ตาก็ตอบแบบนี้ โคล์เลยพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“แล้วแม่ล่ะ อยู่ตรงไหน ชี้ให้ฉันดูหน่อยสิ” เขากวาดสายตามองหาเผ่าพันธุ์เดียวกัน แต่ผู้ที่มาใช้บริการในวันนี้ไม่มีแววว่าจะเป็นชาวต่างประเทศ
ทว่าอิ่มอุ่นเบิกตาโพลงเมื่อเห็นแม่กำลังวิ่งเข้ามา อนันตาสายตาค่อนข้างสั้น แล้วรีบร้อนออกมาจึงลืมใส่คอนแทกต์เลนส์ เมื่อเข้ามาใกล้ๆ จุดที่มีคนยืนมุงดู เธอก็เห็นว่ามีร่างของเด็กคนหนึ่งยืนคุยอยู่กับผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยังเห็นหน้าไม่ค่อยชัด
“อิ่มอุ่น” อนันตาเรียกลูกแล้ววิ่งโผไปหา
เด็กหญิงยิ้มกว้าง แล้วชี้ตรงไปที่สาวสวยในชุดเดรสยาวเหนือเข่าสีน้ำตาลโทนอบอุ่นดูเรียบง่าย
“คนนั้นค่ะแม่หนู”
โคล์มองตามสายตาของแม่หนูน้อย แล้วเขาต้องนิ่งงันไป ผู้หญิงตรงหน้ากำลังยืนหน้าซีดหน้าเซียว เขากลอกตาไปมา ไม่ผิดแน่ แต่เธอโทรมลงไปมาก
“อนันตา!”
อนันตาเบิกตาโพลง รู้สึกเย็นวาบไปทั่วไขสันหลัง สมองบอกให้วิ่งหนีแต่ก้าวเท้าไม่ออก ที่สำคัญในมือเขามีลูกเธอเป็นตัวประกัน
“คุณโคล์!” อนันตาอุทานแล้วยกมือกุมศีรษะ รู้สึกว่าทุกอย่างกำลังเอียงไปมา อาการบ้านหมุนกลับมาอีกแล้ว เธอกำลังจะก้าวเท้าไปหาลูกแต่ไปไม่ถึง เพราะสติดับวูบลงไปเสียก่อน
“แม่ครับ!” ไอรักที่เดินตามหาแม่และน้องวิ่งตรงเข้ามา ดวงตาเด็กน้อยเห็นว่าผู้ชายใส่ชุดสูทสองคนแต่งกายเหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์เข้าไปพยุงแม่ไว้ ส่วนน้องสาวถูกฝรั่งตัวสูงท่าทางเท่มากจับมือไว้อยู่
โคล์มองอนันตาหนึ่งครั้ง สลับกับอิ่มอุ่น แล้วยังเด็กชายที่รุ่นราวคราวเดียวกับเด็กหญิง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สัญชาตญาณบางอย่างสะกิดใจ และไม่คิดจะเก็บความสงสัยนี้ไว้
โคล์จ้องแม่หนูน้อยตาแป๋ว “ฉันขอถามเธออีกครั้ง พ่อของเธอข้าวติดคอตายจริงๆ หรือเปล่า”
อิ่มอุ่นกำลังห่วงแม่แต่ก็พยักหน้าหงึกๆ “คุณลุงสุดหล่อขา ปล่อยอิ่มก่อนเถอะค่ะ อิ่มจะไปหาแม่ตา”
ไม่รู้เพราะใบหน้าน้อยๆ นี้หรือน้ำเสียงเศร้าๆ กันแน่ทำให้โคล์ยอมปล่อยมือน้อยๆ แล้วหันไปสั่งลูกน้อง บอกให้แจ้งผู้บริหารว่าวันนี้เขาไม่สะดวกเข้าร่วมประชุม
เขามองอนันตาที่อยู่ในอ้อมแขนของบอดีการ์ดแล้วเดินไปอุ้มเธอมาไว้แนบอกเอง ขณะที่เด็กทั้งสองวิ่งเข้ามาเกาะแขนขาเขาร้องหาแม่ “รีบตามหมอมาด่วน เปิดห้องวีไอพีให้เธอ” คำสั่งเจ้าของโรงพยาบาลคนใหม่ ใครจะกล้าไม่ทำตาม ทั้งแพทย์และพยาบาลต่างวิ่งกันวุ่นทำหน้าที่ของตน
บานประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก อนันตานอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย บุรุษพยาบาลกำลังเข็นผ่านบานประตูเข้าไป เด็กน้อยทั้งสองร้องไห้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินเพราะถูกพยาบาลกันไว้ ให้ตายเถอะ โคล์รู้สึกสะเทือนใจเมื่อเห็นน้ำตาของเด็กแฝดชายหญิงลูกครึ่งที่ร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงแม่
ร่างสูงเดินไปมาแล้วขบกรามแน่น ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงหลังคิดทบทวนอะไรบางอย่างได้แล้ว
“ขอให้หายก่อนเถอะ อนันตา ฉันเล่นงานเธออย่างหนักแน่” เขาเป็นคนฉลาด แล้วกำลังประมวลผลทุกอย่างในหัว ยิ่งมองเด็กน้อยสองคนนั้น ก็ยิ่งทำให้มั่นใจ มุมปากของโคล์โค้งเป็นรอยยิ้มร้าย “มีเปอร์เซ็นต์สูงทีเดียว ให้ตายเถอะ แสบจริงๆ”
โคล์มองใบหน้าหล่อเหลาของไอรักแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ มือหนาหยิบโทรศัพท์หรูที่สุดในยุคนี้ขึ้นมาเปิดดูใบหน้าของเขาในวัยเด็ก เพราะวันก่อนเป็นวันเกิดของเขาซึ่งเพื่อนสนิทแท็กรูปในวัยเด็กที่เขาเอาลิ้นเลียไอศกรีมมาโพสต์ที่เฟชบุ๊กส่วนตัวของเขา
ดวงตาคู่คมนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มดุดันมองที่หน้าจอสี่เหลี่ยม แล้วมองหน้าไอรัก เด็กน้อยกำลังกอดปลอบน้องสาวซึ่งกำลังเสียขวัญจากภาพที่แม่ถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน เขาเป็นคนพาเด็กแฝดมาที่ห้องพักรับรองเพราะอยากถามอะไรบางอย่าง
โคล์หันไปมองสาวสวยซึ่งเป็นหนึ่งในทีมเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ เธอยืนคอยให้บริการเขาอยู่ โคล์กวักมือเรียกหญิงสาวมาใกล้
“มีอะไรให้ฉันรับใช้คะท่านประธาน” เธอรีบอาสา เจ้าของโรงพยาบาลคนใหม่ทั้งหล่อ ทั้งเท่ และได้ยินว่ายังโสด แต่ใครๆ ก็รู้ว่าอภิมหาเศรษฐีขนาดนี้ โสดหมายถึงยังไม่มีเป็นตัวเป็นตน
“คุณช่วยดูรูปนี้แล้วมองหน้าเด็กคนนั้นที คุณเห็นอะไร”
ประชาสัมพันธ์สาวยิ้มหวาน ในใจเต้นโครมคราม หรือว่าท่านประธานจะสนใจเธอ เห็นเขานั่งโดดเด่นอยู่ในห้องพักรับรอง ส่วนเด็กสองคนนั้นได้ยินว่าเป็นลูกของคนป่วยที่ท่านประธานช่วยไว้
ทว่าพอเพ่งมองรูปชัดๆ คนที่กำลังคิดเข้าข้างตัวเองก็หัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พิโธ่ ท่านประธานมีลูกแล้ว
“ขอโทษค่ะ ไม่รู้ว่าท่านประธานพาลูกมาด้วย เดี๋ยวดิฉันจะไปสั่งให้พนักงานเตรียมอาหารว่างให้คุณหนูทั้งสองนะคะ”
“ลูก!” โคล์ครางออกมา เขาไม่ได้คิดไปเองเด็กสองคนนี้หน้าตาคล้ายเขา โคล์เริ่มมั่นใจมากขึ้นอีก เขาไม่ได้คิดมาก ถ้าทีมบอดีการ์ดยืนอยู่ตรงนี้เขาจะสั่งให้พวกมันตอบมาทีละคนว่าเหมือนกับเขามากขนาดนั้นจริงหรือเปล่า แต่เขาไล่พวกมันไปอยู่ในส่วนของแคนทีนโรงพยาบาล จะได้ไม่มาเดินเกะกะ เกรงว่าผู้มารับบริการจะรู้สึกกดดัน
“เธอไปได้แล้ว” เขาปัดมือบอกพนักงานสาวคนนั้น
พนักงานสาวเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมา เพราะเมื่อครู่เธอเพิ่งรับโทรศัพท์สายสำคัญ “เอ่อ ดิฉันยังไม่ได้เรียนให้ท่านประธานทราบ เมื่อครู่ผู้อำนวยการให้มาเชิญท่านประธานไปที่ห้องสูทชั้นแปดค่ะ ที่นั่นมีทีวี มีอาหารว่างมากมาย จะสะดวกสบายกว่านี้ค่ะ”
โคล์เงยหน้าขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ทำให้ประชาสัมพันธ์สาวรู้สึกเย็นวาบไปทั่วสันหลัง ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังไปสองก้าว
แค่คนหล่อก็ไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายจากไปง่ายๆ เขาพูดเสียงเข้มติดดุดัน “ถ้าญาติเธออยู่ในห้องฉุกเฉิน เธอจะมีอารมณ์ขึ้นไปกินของว่างไหม ไปทำงานของเธอเถอะ”
เท่านี้หญิงสาวก็รีบถอยไปอย่างว่องไว
โคล์หลับตาลงอย่างใช้ความคิด ก่อนเปิดเปลือกตาขึ้นใหม่ ญาติหรือผู้หญิงที่เขาใช้ร่างกายเธอราวกับสูบวิญญาณเพียงสามวัน เขารับเป็นญาติตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ไม่รู้จะใช้สรรพนามใดเรียกอนันตา แต่ที่อยากรู้มากที่สุดคือเด็กสองคนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาหรือเปล่า
โคล์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินเข้าไปหาไอรักและอิ่มอุ่นที่มีสีหน้าเป็นกังวล แล้วถามอีกครั้ง
“แม่ของพวกเธอเคยบอกไหม ว่าพ่อที่กินข้าวติดคอตายของพวกเธอชื่ออะไร”
เด็กน้อยเงยหน้ามองโคล์ ผู้ชายตัวสูงคนนี้เป็นใครก็ไม่รู้ แต่นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉินตั้งแต่แม่ถูกพาเข้าไป แล้วยังมาถามเรื่องพ่อที่พวกเธอไม่ได้รู้เรื่องมากนัก