เมื่อได้ยินเรื่องที่บิดาบอกว่า เคยจีบธูปหอมตอนเรียนมหาวิทยาลัยแถมมารดายังแสดงท่าทางไม่พอใจให้เห็นอีก กอหวายถึงได้เข้าใจว่าทำไมมารดาถึงได้ดูมึนตึงกับธูปหอม ส่วนเรื่องที่เป็นผู้หญิงด้วยกันนั่นอาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง แต่พอมาคิดดูเกิดธูปหอมเป็นผู้ชายขึ้นมาคงได้เฮฮามากกว่านี้แน่ กอหวายนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับความคิดของตัวเอง
“ยิ้มอะไรของเธอ รีบกินจะได้รีบกลับ” เกื้อกูลดุลูกสาวที่ยิ้มเจื่อนๆ หันมามองสบตากับธูปหอมที่อมยิ้มอยู่
“ยังจะยิ้มอีกหันไปทางโน้นเลย” เกื้อกูลอยากเอื้อมไปหยิกลูกสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ธามนึกขำ เมื่อเห็นเกื้อกูลเก็บอาการไม่ค่อยอยู่ หากกลับบ้านไปทั้งสามีและทั้งลูกสาวได้โดนเล่นงานแน่ ธามคิด แต่เรื่องราว
ผ่านมานานแล้วน่าจะปล่อยวางเสียบ้าง เพราะนั่นคงทำให้เกื้อกูลไม่ต้องมานั่งอึดอัดและคงมีความสุขมากขึ้น
“เดี๋ยวหวายจ่ายเองค่ะ หมอ” กอหวายบอกเทียนเทพ
“เดี๋ยวน้าจัดการเองหวาย” ธามแทนตัวเองว่า น้า ทำเอากอหวายแปลกใจหันไปหาธูปหอมที่เพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น
“ฉันไปรอที่รถนะคะ” เกื้อกูลบอกจอมทัพ
“ไม่ร่ำลาเพื่อนฝูงก่อนหรือ นานๆ จะได้เจอธูปสักที” จอมทัพไม่อยากให้ภรรยาเสียมารยาท เพราะมีเทียนเทพอยู่ด้วย
“เมื่อวันก่อนก็เจอกันนะครับ” ธามพูดโพล่งออกมา จอมทัพขมวดคิ้วหันไปมองสบตากับภรรยาที่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อเห็นสามีใบหน้า
เรียบนิ่ง
“ผมไม่ยักรู้” จอมทัพพูดเสียงเข้ม ธามยิ้มพูดขอตัวกลับ ธูปหอม เดินมาหยุดยืนใกล้ๆ จอมทัพและพนมมือไหว้
“ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องเลยนะคะ พี่จอม” ธูปหอมบอกจอมทัพ
“พี่ยังเป็นพี่ชายธูปเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน”
“ขอบพระคุณค่ะ ธูปขอตัวก่อนนะคะ ไปก่อนนะเกื้อ” ธูปหอมยิ้มให้ทุกคน
“พ่อคะ หวายขอเดินไปส่งน้าธูปนะคะ” กอหวายถามเสียงอ่อยรีบเดินไปทันที เมื่อเห็นบิดาพยักหน้าและมารดาไม่พูดอะไร
“มีเรื่องอะไรที่ผมควรจะรู้ หรือเปล่า” จอมทัพถามเกื้อกูล หลังจากกอหวายกับเทียนเทพเดินไปส่งธามกับธูปหอม
“ค่ะ แต่ถึงอย่างไร ฉันไม่มีวันยอมให้หวายอยู่กับผู้หญิงด้วยกันแน่” เกื้อกูลพูดขึ้น
“คนที่ควรโกรธน่าจะเป็นธูปมากกว่าคุณนะ” จอมทัพพูดเสียงเข้มและออกเดินนำหน้าไปปล่อยให้เกื้อกูลยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม
“ขอบคุณนะคะ น้าธาม” กอหวายยิ้มๆ ขณะพนมมือไหว้ธามและธูปหอมที่รับไหว้สองหนุ่มสาวที่เดินออกมาส่ง
“ถ้าผมแต่งงาน น้าธามกับน้าธูปน่าจะปูที่นอนเรือนหอให้ผมกับ” เทียนเทพยังไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำนัก
“หาเจ้าสาวให้ได้ก่อนเถ๊อะ” ธามหัวเราะเล็กๆ กอหวายรู้สึกว่าธามดูแปลกไป เมื่อได้ยินแทนตัวเองกับตัวเธอว่า น้า เหมือนกับ
ธูปหอมและยังพูดเหมือนตีลูกกันเทียนเทพให้อีก
“ไปดูพ่อกับแม่เถอะ น้ากลับล่ะ” ธูปหอมยิ้มสวยๆ ให้กอหวายและเอามือทาบทับไปที่ศีรษะเหมือนเคย กอหวายยิ้มรู้สึกสบาย
ใจกับท่าทางที่ได้เห็นระหว่างที่รับประทานอาหารร่วมกัน
“คุณเกื้อจะอกแตกตายไหม” ธามพูดขึ้น ธูปหอมจึงตีเข้าที่แขน
“เรื่องแกล้งคนอื่นถนัดนัก ไม่รู้จะทะเลาะกับพี่จอมหรือเปล่า”
“คุณจอมปรามเสียบ้างก็ดี ถ้าเอาแต่ตามใจไประรานคนอื่นไม่ดีนักหรอก” ธามบอกและนึกถึงตอนที่เจอกับเกื้อกูลที่หน้าห้อง
สมุด
“คงเกลียดธูปมากขึ้นกว่าแต่ก่อน”
“อยากให้เขากลับมารักหรือไงล่ะ” ธามหันมายิ้มให้ธูปหอม
“ไม่ต้องมาแหย่เลย ไม่ยักรู้ว่าญาติดีกับหวาย เดี๋ยวนี้เป็นน้าธามไปเสียแล้ว” ธูปหอมยิ้มๆ ให้ธามที่ยิ้มกว้างมากขึ้น
“เป็นมื้ออาหารที่ทำให้คนอื่นอึดอัดพิลึก” ธามยังไม่อยากพูดเรื่องกอหวายจึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุย
“ถ้าพ่อกับแม่ธูปไม่เข้าใจชีวิตลูก นึกไม่ออกป่านนี้จะเป็นอย่างไร” ธูปหอมยิ้มกว้าง เมื่อได้นึกถึงบิดามารดาที่เสียชีวิตไปแล้ว
“จะยอมเหมือนที่หวายยอม อย่างนั้นหรือ” ธามหันมาถาม
“อาจจะ ใครๆ ก็อยากให้พ่อแม่ตัวเองมีความสุขทั้งนั้นแหละ”
“แต่ชีวิตเราสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด พ่อแม่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิตไหมล่ะ ธามว่ามีเรื่องอีกมากมายที่สามารถทำให้ท่านภูมิใจ
และมีความสุข รักลูกต้องถูกทางนะครับ คุณธูปหอม” ธามยิ้ม
ภัทราดูข่าวที่น้ำใสนำมาให้ดู ข่าวเขียนคล้ายว่า ภาพที่เห็นเป็นการนัดหมายพูดคุยกัน ซึ่งคิดว่า นางแบบสาวที่ชื่อ กอหวาย น่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้ แต่ที่น่าแปลกใจมากเสียกว่าข่าวการแต่งงาน ก็คือ มีธูปหอมนั่งร่วมรับประทานอาหารอยู่ด้วย โดยข้างหนึ่งเป็น
เกื้อกูล ส่วนอีกข้างกอหวายนั่งอยู่และไม่หมดเพียงแค่นั้นยังมีธามด้วยอีกคน
“หรือหวายจะแต่งงานจริงๆ” ภัทรารำพึงออกมาเบาๆ
“ไม่มีทางหรอกค่ะ พนันกับน้ำไหมล่ะคะ” น้ำใสคนรักของภัทราพูดคล้ายท้าทาย
“ไม่เอาล่ะ พนันทีไรแพ้ทุกที แต่น้ำดูมั่นใจนะ” ภัทราพูดขึ้น
“หันไปหาพี่ธูป แถมยังนั่งใกล้เสียกว่าคนที่ข่าวว่าเป็นว่าที่เจ้าบ่าว ลองดูรูปสิคะ” น้ำใสยิ้มให้ภัทราที่รับโทรศัพท์มาดูรูปถ่ายอีก
ครั้ง
“จริงด้วยช่างสังเกตนะเรา แต่คุณเกื้อหน้าตาดูไม่ดีเท่าไร”
“ทำไม หวายถึงยอมไปไหนมาไหนกับหมอเทียนเทพได้คะ”
“เอ๊าจะได้รู้ตัวไงว่ารักน้าธูปมากมายขนาดไหน เมื่อมีคนแทรกเข้ามาระหว่างกลาง” ภัทรายิ้มจางๆ เพราะไม่แน่ใจนักว่า กอ
หวายจะตัดสินใจอย่างไร หากทางครอบครัวอยากให้แต่งงานขึ้นมาจริงๆ
“พี่ธูปก็ใจเย็นเสียเหลือเกิน ไม่มีท่าทีหึงหวงเอาเสียเลย”
“พวกนิ่งๆ น่ากลัว น้ำนิ่งไหลลึก โบราณว่าไว้ ไม่อย่างนั้นหวายจะไปตกหลุมรักเข้าให้หรือ เรากลับบ้านกันดีกว่าจ้ะ เรื่องสองคน
นั้น ธูปหอมจัดการได้แน่” ภัทรายิ้มๆ และหยิบกระเป๋าเดินตามน้ำใสไป
“โดนใครนินทาอยู่แน่” ธูปหอมจามเสียงดัง ธามยิ้มให้รอยยิ้มนั้นดูแปลกไปจากที่เคยเห็น
“อาจมีคนคิดถึงอยู่ มีเรื่องอะไรให้ใครเขานินทาด้วยหรือ นับคนที่คบหาดูจะรู้ว่า คงไม่มีใครนินทา” ธามยิ้มๆ มองดูธูปหอมที่เดิน
ยิ้มกลับขึ้นห้องทำงานไป
บางทีการมีความสุข คือ การไม่เก็บเรื่องราวที่พบเจอมาคิดมากเหมือนที่ธูปหอมกำลังทำอยู่ โดยปล่อยให้เรื่องราวของแต่ละ
คนดำเนินไปตามวิถีชีวิตของตัวเอง ถ้าเป็นคนอื่นนึกไม่ออกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเกื้อกูล ป่านนี้ครอบครัวของกอหวายจะเป็นอย่างไร
บ้าง เพราะจอมทัพท่าทางไม่ค่อยพอใจที่รู้ว่า ภรรยาไปหาธูปหอมที่ห้องสมุด
“หวายขึ้นไปข้างบนก่อน พ่ออยากคุยกับแม่ตามลำพัง” จอมทัพพูดเสียงเข้ม กอหวายยึกยักเล็กน้อย
“ขึ้นไปเดี๋ยวนี้” กอหวายไม่เคยเห็นบิดาดูโกรธเกรี้ยวเท่านี้มาก่อน
“พ่อค่ะ แม่ไปเพราะเป็นห่วงหวาย” กอหวายบอก
“ขึ้นไปข้างบน” จอมทัพหันมาดุลูกสาวที่ทำหน้าจ๋อยมองสบตากับมารดาที่พยักหน้าให้
เกื้อกูลเล่าเรื่องที่ไปพบธูปหอม โดยทางโน้นให้กอหวายเป็นคนไปบอกเองว่า จะไม่ติดต่อหรือถ้าหากขาดการติดต่อไปเลย ธูป
หอมถึงจะเลิกวุ่นวายด้วย แต่เกื้อกูลไม่ได้เล่ารายละเอียดมากนัก แค่พูดสรุปให้สามีฟัง
“ทำไมไม่อยู่ในที่ของตัวเอง คุณไม่ควรไปยุ่งวุ่นวายในที่ของธูปเขา เพราะเขายังไม่เคยมายุ่งอะไรกับเราเลย ตั้งแต่เกิดเรื่อง” จอมทัพพูดเสียงเรียบและจ้องเขม็ง
“ใช่สิคะ ธูปพูดอะไรก็ถูกและดีไปหมด” เกื้อกูลบอก
“คุณลองคิดดูเอาเองว่าที่ทำไปมันถูกต้องหรือไม่ ลูกเราเป็นคนไปหาเขาเอง ใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะจัดการอะไรควร
เริ่มจากลูกของเราเอง ไม่ควรไปยุ่งกับคนอื่น หวายน่ะรักคุณมากกว่าใคร ไม่รู้หรอกหรือ”
“รักหรือคะ ห้ามแล้วฟังไหม ถ้ารักฉันลูกจะแต่งงานกับหมอเทียนไหมล่ะคะ ถ้าฉันขอร้อง” เกื้อกูลเริ่มเสียงดัง กอหวายแอบฟัง
จากข้างบนแล้วถอนใจ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุทำให้บิดามารดาทะเลาะกัน
“ชีวิตลูกเป็นของลูก คุณจะปล่อยให้ลูกเดินเข้าไปหาความทุกข์ใจอย่างนั้นหรือ ถึงเวลานั้นคุณจะตอบลูกว่าอย่างไร หากมาบอกกับคุณว่าเขาไม่มีความสุขกับชีวิตแต่งงาน หากปล่อยให้เลือกเอง เรียนรู้ชีวิตเขาด้วยตัวเอง ล้มลุกคลุกคลาน ร้องไห้กลับบ้าน
มาเรายังปลอบใจได้ ถ้าคุณชี้ให้ทำบอกให้ทำ ถึงวันไม่มีความสุขขึ้นมา เขาจะไม่กลับมาบอกอะไรเราเลย เพราะกลัวพ่อแม่เสียใจ คุณมีอคติกับธูปมากเกินไป เรื่องของคุณกับธูปผ่านมานานมาก ถ้าคุณไม่ปล่อย คุณนั่นแหละจะทุกข์ เพราะธูปปล่อยคุณออกไปจากชีวิตเขานานแล้วล่ะ” จอมทัพต่อว่าเสียยืดยาวซึ่งทำเอาเกื้อกูลถึงกับมีน้ำตา
“คุณจะให้ลูกไปอยู่รวมกัน 3 คนกับนายธามอย่างนั้นหรือ”
“ลูกเรารู้จักผิดชอบชั่วดี ความสุขของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินว่านั่นสุข นั่นทุกข์ แล้วให้เขาเดินไปตามเส้นทางที่เราเลือก คุณไม่เคยเป็นแบบนี้เลยเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ไปหาธูป” จอมทัพถาม
“ถามจริงๆ เถอะค่ะ คุณยังชอบเขาอยู่หรือเปล่า” เกื้อกูลถาม
“คุณนี่ก็ไปกันใหญ่แล้ว ผมใช้ชีวิตกับคุณมากจนลูกโตขนาดนี้ยังจะมาถามเรื่องตั้งแต่สมัยเรียน แล้วคุณล่ะ” จอมทัพถามกลับ กอหวายนิ่งงันไปเมื่อได้ยินบิดาถามมารดาอย่างนั้น แต่เสียงฝีเท้าที่กำลังขึ้นบันไดมาทำให้กอหวายรีบเข้าห้องไปทันที
“ยังไง ฉันก็อยากให้ลูกได้ใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป” นั่นคือสิ่งที่เกื้อกูลบอกกับจอมทัพก่อนจะเดินปึงปังขึ้นชั้นบนไป
“ยังคิดว่า ผู้หญิงชอบพอกันเป็นเรื่องผิดปกติ ความสุขของลูกไม่สำคัญเลยหรืออย่างไรกัน” จอมทัพส่ายหน้า เพราะภรรยาไม่
สนใจอะไรเลยยังคงยึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองคิดว่า ถูกต้อง
กอหวายเช็ดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมา เพราะตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้บิดากับมารดามีปากเสียงกัน ท่านทั้งสองไม่เคยทะเลาะกัน
เลย ตั้งแต่กอหวายจำความได้
“พ่อเคยจีบน้าธูป แม่เลยไม่ค่อยพอใจอย่างนั้นหรือ” กอหวายคิด
ข้อความที่ส่งเข้ามาทำให้ธูปหอมถอนใจ เพราะนารามารออยู่ที่หน้าห้องสมุด ธูปหอมยื่นโทรศัพท์ให้ธามดู เจ้าตัวส่ายหน้าและถอนใจ
“มาคิดได้ตอนตัวเองไม่มีใคร ไอ้ตอนจะแต่งงานไม่สนใจเลยสักนิดบอกแค่จะแต่งงานแล้วจบ คนอะไร” ธามพูดต่อว่าเสียยืด
ยาว ถึงแม้ตอนนั้นตัวเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ธูปหอมเคยเล่าให้ฟัง เพราะถามบ่อยเสียรำคาญจนต้องเล่า น้ำตาที่เคยได้เห็น แม้
เรื่องราวผ่านไปแล้วทำให้ธามไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อรู้ว่านาราเทียวไปเทียวมาเพื่อสานสัมพันธ์กับธูปหอมอีกครั้ง
“อยากลงไป ก็ลงไปเถอะ ถ้าพูดไม่รู้เรื่องโทรฯ มาบอกจะได้ลงไปจัดการให้ พวกมีหน้ามีตาไม่ค่อยท้าชนซึ่งหน้าหรอก” ธาม
ยิ้มให้ธูปหอม
“เดี๋ยวธูปมา ถ้าไม่ลงไปคงโทรฯ เข้ามา” ธูปหอมบอก
ธูปหอมลงมาเปิดประตูด้านข้าง นารายิ้มกว้างเมื่อได้เห็น เพราะคิดว่าธูปหอมจะไม่ลงมาเปิดประตูให้
“มีอะไรคะ ดึกขนาดนี้แล้ว” ธูปหอมถาม
“คิดถึงเธอน่ะสิ” นาราบอกและขยับเข้าใกล้ ธูปหอมขยับถอยห่างเดินไปเปิดประตูด้านข้างห้องสมุด
“ดื่มกาแฟไหม มีแต่กาแฟสำเร็จรูปนะคะ”
“แฟนอยู่หรือ” นาราถาม
“ธามน่ะเหรอ อยู่ข้างบน” ธูปหอมบอก
“เราขอโทษที่ปล่อยเวลาไปเสียเนิ่นนาน เธอรู้ไหม เราคิดถึงเธออยู่เสมอเลย เราซื้ออพาร์ทเม้นท์ที่เราเคยอยู่แอบหวังว่า
สักวันจะได้กลับไปอยู่กับเธอ ถึงแม้เธอจะมีคุณธามอยู่แล้ว แต่แบ่งเวลาให้เราบ้างได้ไหม”
“คิดอะไรอยู่ เราไม่อยากมีหลายบ้าน เรามีคนของเราอยู่แล้ว เรื่องเรากับเธอมันผ่านไปแล้ว ความเจ็บปวดหายไปตอนเราเจอ
ธาม สองปีแรกหนักหน่อยคิดถึงจะเป็นจะตาย โกรธเธอหนักมาก แต่สุดท้ายคิดได้ก็แค่ไม่ถูกเลือก เราเลยเริ่มใช้ชีวิตในแบบของเรา
โดยไม่มีเธอ ทุกวันนี้เรามีความสุข ดีอยู่แล้วล่ะ” ธูปหอมพูดปฏิเสธ โดยบอกว่าตัวเองมีความสุขดี
“แต่เราเคยทำให้เธอมีความสุขมาก ไม่ใช่หรือ” นาราขยับเข้าหา
“ใช่ เราจำได้ดีและนึกขอบคุณเธออยู่เสมอ เพราะช่วงเวลาที่ได้อยู่ได้ดูแลเธอ เรามีความสุขมาก แต่นานเสียจนเดินถอยกลับ
ไปไม่ได้แล้วล่ะ”
“ไม่ได้ให้ถอยกลับ อยากให้เดินไปด้วยกัน ถ้าเธอไม่ได้อะไรกับเราแล้วจริง ควรพิสูจน์ให้เราเห็น สัมผัสแผ่วเบาเมื่อวันก่อนกับ
แววตาอ่อนโยนที่เธอมองดู เธอแน่ใจหรือว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเราแล้วจริงๆ” นาราถาม
“แค่เป็นห่วง ไม่ได้หรือ ต่อไปเราจะได้ไม่ทำอีก”
“ไอ้ความห่วงใยนั่นแหละ จะทำให้เรื่องเก่าๆ หวนคืนมา ถ้าเก่งนักยืนเฉยๆ ให้เราจูบสิ กล้าไหมล่ะ” นาราพูดยั่ว ธูปหอมถอนใจ
แล้วยิ้มน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไร ยืนนิ่งจนนาราขยับเข้าหาเบียดริมฝีปากเข้าแนบชิดพยายามยั่วยวนแต่ธูปหอมยังคงนิ่ง นาราจึงเริ่มยั่วเย้า
โดยจับที่หน้าอกคลึงเคล้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถูกจับข้อมือเอาไว้และถูกผลักให้ออกห่าง
“เราโตเกินกว่าจะมาเคลิบเคลิ้มกับเรื่องแบบนี้แล้วล่ะ ถ้ายังชอบผู้หญิงอยู่ล่ะก็ ลองจริงใจกับใครสักคน เธอจะได้พบความสุข
ด้วยตัวเธอเองเราไม่ใช่ก้อนความสุขของใคร เพราะคนเราจะมีความสุขได้ต้องแบ่งปันให้กันและกัน คนสองคนถึงจะใช้ชีวิตร่วมกันได้
ขอตัวก่อน” ธูปหอมยิ้มน้อยๆ ให้คนที่ทำหน้าบึ้งตึง เพราะคำพูดเรียบง่าย แต่กลับทำให้คนฟังเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าการถูกด่าตรงๆ
“รู้ใช่ไหมว่ายังไงเด็กนั่นน่ะ ก็ต้องมาเป็นสะใภ้เรา”
“แล้วแต่เขาสิ เราไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งด้วย ถ้าเขาตัดสินใจอย่างนั้น แต่งเมื่อไหร่มาบอกด้วยล่ะ เราได้ไปแสดงความยินดีกับหลาน”
ธูปหอมไม่ค่อยพอใจที่นาราพูดพาดพิงถึงกอหวาย
“มีอะไรกันหรือเปล่า เสียงดังไปถึงข้างบนเลย” ธามถาม หลังจากแอบฟังอยู่พักใหญ่และต้องออกมา เพราะดูท่าทางนาราไม่ยอมกลับไปง่ายๆ
“ไม่มีอะไรค่ะ กำลังจะกลับขึ้นบ้าน” ธูปหอมยิ้มให้ธามที่มองนารา
“ดีค่ะ เดี๋ยวธามรอปิดประตูเอง ธูปขึ้นไปก่อนเลย” ธามบอกแล้วผายมือให้นารารีบขึ้นรถ
“คุณอยู่ 3 คนได้ ถ้า 4 คน ก็น่าจะได้สิคะ” นาราถามธาม
“ได้ครับ แต่อายุไม่ควรเกิน 40 ปี หวายเพิ่ง 30 กว่าๆ ถือว่าผ่าน” ธามหัวเราะ เมื่อเห็นนาราทำหน้างอและรีบเดินไปขึ้นรถ
“ฉันไม่ถอยง่ายๆ หรอกค่ะ” นาราพูดจบรีบขึ้นรถและขับออกไป
“รักเข้าไปได้ แต่ละคน” ธามรำพึงออกมาเสียงไม่เบาสักเท่าไรนัก ขณะเดินไปปิดประตูรั้ว หลังจากนาราขับรถกลับไป