หลังรับประทานอาหารมื้อกลางวัน ธูปหอมมาเดินเลือกซื้อหนังสือสำหรับตัวเองและบางส่วนสำหรับห้องสมุด หนังสือส่วนที่เป็นของตัวเองนั้นหลังจากอ่านจบจะหาทางกระจายไปตามห้องสมุดของโรงเรียนต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในระหว่างกำลังจดจ่ออยู่กับหนังสือที่อยู่ในมือโดยไม่ได้สนใจคนที่มาหยุดยืนอยู่ข้างๆ จนกระทั่งถุงขนมถูกยื่นมาตรงหน้า
“มาได้ไง เราเนี่ย” ธูปหอมพูดขึ้น เมื่อเห็นกอหวายที่ยิ้มสดใสพร้อมถุงขนมที่ยังคงถืออยู่ในมือ
“แปลกนะคะ ซื้อขนมเบื้องไส้เค็มที่น้าธูปชอบ ไม่รู้ซื้อมาทำไมตอนที่เดินเข้าไปซื้อ แต่พอมาเจอตัวดีใจจนแทบอยากจะวิ่งเข้า
มาหา แต่กลัวคนอื่นเขาตกใจ เราเจอกันแบบไม่ต้องนัดหมายได้ด้วยเนอะ” กอหวายยิ้มแป้นบอกไม่ถูกว่าดีใจมากขนาดไหน เมื่อเห็น
ธูปหอมอยู่ในร้านหนังสือ
“สะกดรอยตามมาจากห้องสมุด หรือเปล่า”
“เปล่าสักหน่อย หวายมาซื้อหนังสือเหมือนกัน” กอหวายบอก
“เลือกเลย เดี๋ยวน้าซื้อให้ ถ้าบังเอิญเจอกันครบ 10 ครั้งจะพามาอยู่ที่บ้านเลย เพราะคงหนีกันและกันไม่รอดแน่” ธูปหอมหัวเราะเล็กๆ หันกลับ มาสนใจหนังสือที่อยู่ตรงหน้า กอหวายยิ้มๆ เมื่อได้ยิน
“จริงดิ โกหกเด็กไม่ดีนะคะ น้าธูป” กอหวายกระซิบใกล้ๆ
“ถ้าเราไม่ขี้โกง น้าทำจริง” ธูปหอมพูดขึ้น
“ผ่านมา 4 ครั้งแล้วนะคะ” กอหวายหัวเราะเล็กๆ แต่รีบปิดปากเกรงว่า เสียงของตัวเองจะไปรบกวนคนอื่น การไม่ได้พบกันทำ
ให้ความรู้สึกที่มีชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งกอหวายและธูปหอมไม่ได้ร้อนรน คนอายุน้อยกว่าเชื่อทุกคำแนะนำจากธูปหอม โดยใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งน่าแปลกที่ไม่ได้กระวนกระวายใจมากนักคงเป็นเพราะความหนักแน่นที่ธูปหอมคอยบอกในทุกครั้งที่ได้พบกันและวันนี้ยัง
บอกอีกด้วยว่า หากพบเจอกันแบบบังเอิญบ่อยๆ จะพาไปอยู่ด้วย กอหวายเชื่อในทุกเรื่องที่ธูปหอมบอก
“ทำไมเลือกไปน้อยนักล่ะ” ธูปหอมถาม ขณะมองดูกอหวายที่ถือหนังสืออยู่แค่ 3 เล่ม
“ไม่ขยันอ่านเหมือนน้าธูปนี่นา แค่นี้พอแล้วล่ะค่ะ แต่เล่มละหลายสตางค์อยู่นะคะ หวายซื้อเองก็ได้” กอหวายบอก
“แลกกับขนมเบื้องที่ถืออยู่ ก็พอแล้วล่ะ” ธูปหอมยิ้ม
“ถามอะไรก่อนแยกย้ายได้ไหมคะ” กอหวายถาม เมื่อธูปหอมส่งถุงหนังสือให้
“ได้ค่ะ แม่คนช่างถาม” ธูปหอมหัวเราะเล็กๆ
“ทำไมถึงต้องรอเจอกันโดยบังเอิญตั้ง 10 ครั้ง ถ้าไม่เจอก็แย่สิ”
“ถ้าได้เจอกันขนาดนั้น น่าจะพรหมลิขิตแล้วล่ะ ใครจะปล่อยไปล่ะ ว่าไหม” ธูปหอมบอกและเอามือทาบทับไปที่ศีรษะของกอหวายเหมือนกับทุกครั้งที่ได้พบ เพราะกอหวายจะมีรอยยิ้มสดใสและแววตาอ่อนโยนเสมอ
“เข้าใจแล้ว หวายไม่โกงหรอก อยากรู้ว่า พรหมลิขิตมีจริงเปล่า”
“ขับรถดีๆ นะจ๊ะ”
“น้าธูปก็เหมือนกันนะคะ อย่าขับเร็วล่ะ” กอหวายยิ้มและพนมมือไหว้ก่อนจะเดินแยกกันไปคนละทาง ธูปหอมยังคงยืนมองจน
ลับตา
“เป็นเด็กน่ารักเสียจริง” ธูปหอมยิ้ม เมื่อถึงความน่ารักของกอหวาย
จอมทัพเห็นกอหวายกลับมาด้วยแววตาที่ดูสดใสทำให้รู้สึกสุขใจไปกับรอยยิ้มที่มีมากกว่าหลายวันที่ผ่านมา เกื้อกูลมองดูและทำทีเป็นไม่ได้สนใจทั้งพ่อทั้งลูก เพราะช่วงหลังตั้งแต่จอมทัพรู้เรื่องที่เกื้อกูลไปวุ่นวายกับธูปหอมทำให้ไม่ค่อยได้พูดคุยหยอกล้อกัน
เหมือนเคย กอหวายรอยยิ้มจางลงเมื่อเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของมารดา
“หวายซื้อขนมเบื้องมาฝากค่ะ” กอหวายพูดขึ้น หากเป็นปกติบิดาคงรีบเดินมาหยิบขนมไปรับประทานทันที
“วางไว้นั่นแหละ” เกื้อกูลบอก กอหวายเดินเข้าสวมกอดมารดาที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็นให้
“พักทานขนมก่อนดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวหวายเตรียมชาร้อนให้ค่ะ”
“อากาศร้อนจะตายไป” จอมทัพพูดขึ้น
“งั้นน้ำแดงคนละแก้วดีไหมคะ” กอหวายมองสบตากับบิดา
“ไม่เอาล่ะ พ่อไปดูกล้วยไม้ดีกว่า” กอหวายมองตามจอมทัพที่เดินออกไปทางสนามหน้าบ้าน
“ยังงอนกันอยู่ หรือคะ” กอหวายถามเกื้อกูล
“ตามประสาคนแก่ งานเป็นอย่างไรบ้างล่ะ เราน่ะ” เกื้อกูลถาม
“ดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร มีอะไรให้หวายช่วยไหมคะ”
“ไปล้างหน้าล้างตา แล้วพักผ่อนรอมาทานมื้อเย็นเลย แม่เตรียมใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ” เกื้อกูลเอามือทาบทับไปที่ศีรษะของกอหวายที่แววตาดูสดใสขึ้น เกื้อกูลสังเกตเห็นเช่นเดียวกับจอมทัพ
“งั้นทานเสร็จแล้ว หวายเก็บล้างเอง ขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
กอหวายพยายามจะผสานรอยร้าวระหว่างบิดากับมารดา เพราะตัวเองเป็นสาเหตุทำให้ท่านทั้งสองไม่ค่อยพูดคุยหยอกล้อกัน
เหมือนเคยแต่ไม่เป็นไปอย่างที่คิด หรือเพราะบิดาของกอหวายเคยรู้สึกดีกับธูปหอมทำให้มารดาไม่พอใจมาจนถึงทุกวันนี้ กอหวายไม่
กล้าถามหรือเอื้อนเอ่ยอะไร ในเรื่องของธูปหอมอีก แต่การได้พบเจอโดยบังเอิญทำให้รู้สึกสุขใจ ซึ่งทั้งบิดาและมารดาทักด้วยกันทั้งคู่
กอหวายแอบยิ้มเมื่อนึกถึงคนที่ได้พบเจอเมื่อช่วงบ่ายทำให้ยิ้มเพลินเสียจนไม่ได้สังเกตเลยว่าถูกจ้องมองอยู่
“คิดถึงหมอเทียนเสียจนยิ้มแก้มจะฉีกเลยลูกฉัน” เกื้อกูลพูดแหย่ลูกสาวที่ยิ้มเจื่อนๆ ให้
“แม่ก็แซว” กอหวายพูดแก้เก้อ จอมทัพยิ้มจางๆ เมื่อเกื้อกูลตักกับ ข้าวใส่ให้ในจาน
“ไม่เป็นไร ผมตักเองได้” จอมทัพบอก
“ย้ายไปนั่งที่เดิมดีแล้วค่ะ พ่อมานั่งเบียดหวาย รู้ตัวไหมคะ”
“นั่งตรงไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” จอมทัพพูดคล้ายรำคาญ”
เสียงช้อนส้อมกระทบจานดังจนกอหวายตกใจ เพราะมารดาวางเสียดัง จอมทัพส่ายหน้าแล้วถอนใจ ไม่คิดว่าเกื้อกูลจะแสดงกิริยาอย่างนั้นออกมาต่อหน้าลูกสาว
“แปลก แม่เราพออะไรไม่ได้ดั่งใจ ทำไมถึงคิดว่าเป็นความผิดของคนอื่น หากทำอะไรผิดพลาด ถ้ารู้จักขอโทษ เรื่องราวคงจะจบลงได้ง่ายกว่า หวายจำเอาไว้นะ ลูก” จอมทัพบอกกับลูกสาว
“แต่พ่อกับหวายอยากให้แม่มีความสุข ไม่ใช่หรือคะ อะไรที่หวายทำได้หวายจะทำให้” กอหวายบอกด้วยน้ำเสียงอยากให้บิดา
มั่นใจ
“อย่าทิ้งความสุข เพื่อพ่อกับแม่ เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่มีด้วยกันทั้ง 3 คนเลย ความสุขน่ะ” จอมทัพบอกกับลูกสาว เพราะเกรง
ว่า กอหวายจะเดินไปบนเส้นทางที่มารดาอยากให้เดินและเห็นว่าดีแล้ว
“บางทีสิ่งที่แม่เลือกให้อาจทำให้หวายมีความสุข ก็ได้นะคะ”
“หรือ เราตามใจจนเขาเคยตัว” จอมทัพถามลูกสาวที่ยิ้มให้
กอหวายยิ้มมองดูจอมทัพที่เริ่มรับประทานอาหารต่อ หลังจากพูด คุยกันเรื่องของมารดาที่ไม่ค่อยพอใจ ตั้งแต่วันที่ธูปหอมและ
ธามมาร่วมรับประทานอาหารด้วย ส่วนจอมทัพก็ไม่พอใจเกื้อกูลที่ไปวุ่นวายกับธูปหอมถึงที่ห้องสมุด ซึ่งทำให้ท่านหมางเมินกันตั้งแต่
วันนั้น โดยกอหวายไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน แต่เชื่อว่า ความรักที่ท่านมีให้กันจะทำให้ปัญหาคลี่คลายลงได้และบรรยากาศในบ้าน
จะกลับมาเหมือนเดิน
“ถ้าหวายไม่ไปวุ่นวายกับน้าธูป พ่อกับแม่คงรักกันเหมือนที่ผ่านมา” กอหวายมองดูจอมทัพที่หอบหมอนกับผ้าห่มลงมาชั้นล่าง
“ไปนอนห้องหวายดีกว่าค่ะ” กอหวายพูดขึ้น
“กางเตียงนอนแถวนี้แหละ” จอมทัพบอกกับลูกสาวที่รอยยิ้มจางลงทันที
“หวายไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายขนาดนี้ พ่อไม่ได้ติดต่ออะไรน้าธูปเลย แต่ทำไมแม่ถึงได้โกรธนักหนาคะ” กอหวายไม่เข้าใจนัก
“อาจโกรธตัวเองอยู่ก็ได้ ไปพักผ่อนได้แล้ว พ่อจะดูทีวี”
“มีเรื่องอะไรที่หวายไม่รู้เยอะจังเลยนะคะ” กอหวายบ่นพึมพำ
“เรื่องของแม่เขา ก็ปล่อยให้เขาจัดการเอาเอง เราก็ดูแลเรื่องของเราไม่ต้องเอาเรื่องพ่อกับแม่ไปคิดมากจนเสียงานล่ะ” จอม
ทัพบอกเพราะเป็นห่วงไม่อยากให้กอหวายคิดมาก
จอมทัพมองดูภรรยาที่ขับรถตามลูกสาวออกไป ถึงแม้ทิ้งระยะห่างของการออกจากบ้านเล็กน้อย แต่คนที่เฝ้าสังเกตรู้ดีว่าคงตามดูว่ากอหวายไปทำงานจริงตามที่บอกเอาไว้หรือไม่ ในบางครั้งยังบอกให้เทียนเทพไปดูให้ตามสถานที่ที่กอหวายบอก แม้เมื่อ
ก่อนเกื้อกูลไม่เคยถามเลยว่าจะไปทำงานที่ไหน แต่ช่วงหลังถามละเอียดเสียจนจอมทัพเองเชื่อว่า กอหวายคงคิดไม่ต่างจากที่เขาคิด
นัก
“ทำไมถึงคิดว่าสิ่งที่ตัวเองเลือกจะเป็นสิ่งที่ดี” จอมทัพพูดขึ้น
กอหวายขับรถช้าลง เมื่อผ่านยังห้องสมุดของธูปหอม ซึ่งดูคล้ายว่าตัวเองจะจอดรถ หากกอหวายไม่ได้จอดแต่ขับช้าๆ เผื่อว่า
จะมีโอกาสได้เห็นธูปหอมนั่งจิบกาแฟอยู่ที่ด้านหน้าห้องสมุด ยามเมื่อนึกถึงการจิบกาแฟยามเช้าทำให้นึกถึงตาบุญที่ป่านนี้คงบ่นอยู่
บนสวรรค์ เพราะกอหวายไม่ได้ มาคอยดูแลธูปหอมเหมือนที่รับปากเอาไว้
“หมอนา” กอหวายยิ้มน้อยๆ เมื่อมองเห็นนารากำลังดื่มกาแฟอยู่กับธูปหอม ใบหน้าเรียบนิ่งของธูปหอมมีเสน่ห์ดึงดูดให้มองไป กอหวายไม่ได้สนใจนารามากนัก เพราะสายตาไปจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าและเรียวปากของธูปหอมที่ถึงแม้จะเห็นไกลๆ ยังทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่น แต่เมื่อได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังอยู่ด้านหลัง กอหวายจึงรีบเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็วและเสียงแตรรถยนต์ที่ดังลั่นทำให้ธูปหอมมองไป ถึงเห็นว่า รถยนต์คันที่พุ่งออกไปเป็นรถของกอหวายและในรถยนต์คันที่กำลังเคลื่อนออกไปมีเกื้อกูลเป็นคนขับและกำลังหันมามอง เมื่อดูจากสีหน้าคงไม่ค่อยพอใจนัก
“ขับมาดูเธอบ่อย หรือ” นาราถาม
“เพิ่งเห็น” ธูปหอมบอก ขณะมองรถยนต์ทั้งสองคันที่เพิ่งขับออก ไปจนลับตา
“เธอไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร เรายังเชื่ออย่างนั้นอยู่” นาราพูดขึ้น ฟังดูกำกวม แต่ธูปหอมรู้ว่าหมายถึง เรื่องของกอหวายกับ
เกื้อกูล
“เราเปลี่ยนไปเยอะมาก คนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การผ่านอะไรมามากๆ อาจทำให้วิธีคิดและการตัดสินใจเปลี่ยนไป แต่
เราจะไม่ถอยกลับไปที่เดิมคบคนเดิมๆ และคิดว่าเรื่องราวที่ผ่านไปแล้วคงไม่กลับมาทำให้เรามีความสุขได้อีก” ธูปหอมพูดด้วยน้ำ
เสียงเรียบนิ่ง แต่นาราเหมือนไม่ได้สนใจยังคงนั่งจิบกาแฟยิ้มๆ มองดูคนที่เดินผ่านไปมาบ้าง
“แต่เราเชื่อว่า เธอให้อภัยได้” นาราหันไปยิ้มให้ธูปหอม
“เราให้อภัยตั้งแต่เราเริ่มรู้จักธามแล้วล่ะ เราโชคดีที่มีธามตอนรู้สึกว่าตัวคนเดียว” ธูปหอมยิ้มๆ เมื่อนึกถึงธามที่เคยโกรธหัวฟัด
หัวเหวี่ยงกับเรื่องที่นาราทิ้งไปแต่งงาน
“แม่ของเด็กนั่นสมควรจะโกรธแล้วล่ะ อ้อนายเทียนอยากให้เราไปสู่ขอหวายให้เขา ธูปเห็นว่าไง หวายเหมาะจะเป็นภรรยาของหลานชายไหม” นาราพูดพาดพิงถึงเกื้อกูลว่าควรโกรธเรื่องลูกสาว
“เหมาะสิ เด็กดีด้วยกันทั้งสองคน เขาน่าจะดูแลกันและกันได้”
“พูดเหมือนไม่ได้ชอบเด็กนั่น” นาราถาม
“การไม่ถูกเลือกบ่อยๆ เข้าคงทำให้แข็งแกร่งขึ้นมั้ง จนภูมิต้านทานดีมาก เทียนกับหวายมีสิทธิ์เลือกความสุขด้วยตัวของเขา
เอง เราคงได้เป็นยายที่มีความสุขนะ เราว่า” ธูปหอมยิ้มสวยๆ ให้นาราที่ขมวดคิ้วจ้องมองคล้ายจับผิดและสังเกตอาการของธูปหอมที่
ไม่มีท่าทางกังวลใจ หรือแสดงอาการหึงหวงในตัวกอหวายเลยแม้แต่น้อย
“ดีเลย ถ้าอย่างนั้น วันไปสู่ขอเธอไปเป็นผู้ใหญ่ให้ลูกชายเราด้วยสิ พ่อเขาคงไม่มีเวลาให้ลูกนักหรอก ถ้าคิดว่าตัวเองมีความ
สุขจริงๆ กับการที่กอหวายตอบตกลงแต่งงานกับนายเทียนล่ะก็” นาราพูดท้าทายธูปหอม
“ไม่มีปัญหา แต่แม่เขาจะไล่เราออกจากบ้านก่อนหรือเปล่า เราไม่รับรองนะ” ธูปหอมบอก
“ตกลงตามนี้ เดี๋ยวเราจะแจ้งวันอีกที” นารายิ้มๆ ก่อนขอตัวกลับ ธูปหอมเปลี่ยนไปเหมือนที่พูด เพราะไม่ได้แสดงท่าทางกังวล
ใจให้เห็นเลยแม้แต่น้อย หรืออาจเกรงว่าจะไปทำให้ครอบครัวของกอหวายมีปัญหา