กอหวายเปิดประตูเข้ามาภายในห้องสมุดมองขึ้นไปชั้นบน แต่ห้องทำงานของธูปหอมปิดไฟทำให้คิดว่า อาจกำลังเตรียมข้าวของอยู่ที่ห้องพัก กอหวายยิ้มให้เจ้าหน้าที่ที่เดินเข้ามาทักทาย
“คุณธูปออกไปกับคุณธามค่ะ คุณหวายมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“หวายนัดไว้นะคะ ออกไปนานหรือยังคะ” กอหวายถามด้วยความแปลกใจ
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ โทรฯ บอกดิฉันว่าจะไม่อยู่สองสามวันอาจไปพักผ่อนกับคุณธามมั้งคะ เพราะคุณธามเข้ามาเมื่อวาน” รายละเอียดที่ได้ฟังยิ่งทำให้กอหวายรู้สึกสงสัยมากขึ้น
“เดี๋ยวหวายโทรฯ ไปเองก็ได้ค่ะ” กอหวายบอกกับเจ้าหน้าที่ที่รั้งรอเล็กน้อยเรื่องของผู้หญิงแปลกหน้าที่มาหาธูปหอม
“คือ เมื่อวานมีคนมาหาคุณธูปเหมือนมีเรื่องกันค่ะ ออกไปเจอกับคุณธามก็เห็นทะเลาะกันได้ยินเสียงแว่วๆ คุณธูปอาจกลัวว่าจะมาอีกมั้งคะ” เจ้าหน้าที่บอกกับกอหวาย
“น้าธูปทะเลาะกับคนอื่นด้วยหรือคะ” กอหวายถาม
“ตั้งแต่ห้องสมุดเปิดมาไม่เคยเลยนะคะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนแรก”เจ้าหน้าที่ห้องสมุดบอกกับกอหวายที่ขมวดคิ้วทำท่าคิด
“ลักษณะท่าทางของผู้หญิงคนนั้น เป็นอย่างไรคะ” กอหวายรู้สึกกังวลใจ จึงถามข้อมูลเกี่ยวกับคนที่มีปากเสียงกับธูปหอมและธาม โดยเฝ้าภาวนาว่า ขอให้ไม่เป็นอย่างที่ตัวเองกำลังคิดอยู่
“น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันค่ะ เพราะบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นเพื่อน”
“เพื่อน คนนี้หรือเปล่าคะ” กอหวายเปิดรูปจากโทรศัพท์มือถือให้ดู
“ใช่ค่ะ คุณหวายรู้จักหรือคะ”
กอหวายไม่ได้ตอบเพียงแค่ยิ้มให้ ขณะเดินออกจากห้องสมุดได้ พยายามโทรศัพท์หาธูปหอมที่ไม่รับสาย
“สวัสดีค่ะ พี่ภัท เมื่อวานพี่ภัทเจอแม่หวายกับน้าธูปใช่ไหมคะ”
“ไม่เจอแม่หวาย แต่เห็นยืนคุยอยู่กับคุณธามนะ ธูปบอกหรือ”
“เปล่าค่ะ น้าธูปไม่รับโทรศัพท์ทั้งที่นัดกับหวายไว้” กอหวายบอก
“อย่าไปโวยวายใส่แม่เชียวนะ เราน่ะ” ภัทราพูดเผื่อเอาไว้ก่อน
“น้าธูปคงไม่ให้หวายเจอแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ พี่ภัท” กอหวายพูดเพียงแค่นั้นแล้ววางสาย
“บ้าน” กอหวายนึกถึงบ้านหลังที่ธูปหอมบอกไว้ว่าเป็นบ้านของเราจึงรีบขับรถไปทันทีหวังว่าจะได้พบกับธูปหอมที่นั่น แต่บ้าน
เงียบสนิทไม่มีรถยนต์จอดอยู่ภายใน กอหวายเปิดประตูเข้าไปทั้งๆ ที่รู้ว่า คงไม่พบคนที่ตัวเองกำลังตามหา
“ว่าไงมาทำอะไรที่นี่” เสียงของธูปหอมดังมาจากด้านหลัง กอหวายไม่กล้าหันไปมองเพราะคิดว่าตัวเองคงหูแว่วไป จนกระทั่ง
ได้ยินคำถามเดิมอีกครั้ง
“ว่าไงมาทำอะไรที่นี่” กอหวายรีบเช็ดน้ำตาและกลับหลังหันวิ่งเข้าไปกอดธูปหอมเอาไว้แน่น
“ไปไหนมา นึกว่าไม่ยอมเจอหวายแล้ว” กอหวายกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก
“ก็เจออยู่นี่ไงที่กอดอยู่ตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอม”
“นัดแล้วทำไมไม่รอ” กอหวายพูดต่อว่าขณะมองสบตากับธูปหอมและมองเลยไปทางด้านหลัง แต่ไม่เห็นใครทั้งที่คิดว่า ธามน่า
จะมาด้วย
“ขอยกเลิกได้ไหม” ธูปหอมบอก
“แม่มาว่าอะไร” กอหวายถาม
“ไม่ได้ว่าอะไรมาก แค่บอกไม่ให้ไปยุ่งกับหวายอีก”
“น้าธูปเลยจะทำตาม”
“ลองกลับไปใช้ชีวิตตัวเองดูก่อนไหม แบบที่ไม่ต้องเจอกันบ่อยๆ แม่หวายคงสบายใจขึ้น” ธูปหอมบอกกอหวายที่จ้องเขม็ง
“ขอเลิกอยู่หรือเปล่า” กอหวายถามเสียงเรียบ
“น้ารู้อยู่ก่อนว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ลูกที่ดีอย่างหวายยังไงก็เชื่อฟังพ่อแม่ ถึงอย่างไรแม่เราคงไม่ยอมแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มา
หาน้าหรอก”
“ทำไมน้าธูปพูดง่ายจัง ไม่คิดจะเหนี่ยวรั้งหวายเอาไว้เลยหรือ”
“หวายจะสบายใจไหม ถ้าน้าทำอย่างนั้น ไม่ต้องสนใจใครเพราะเรารักกันแค่นั้นหรือ หวายคิดว่า ตัดครอบครัวออกไปจากชีวิตได้อย่างนั้นหรือ การที่หวายขยันทำงานทุกวัน เพราะอยากให้พ่อแม่สุขสบายใช่ไหม อีกอย่างน้าไม่อยากให้หวายถูกแม่ว่าเอาด้วย ถึงแม้อยู่ปกป้องไม่ได้ แต่การอยู่ห่างๆ ถือเป็นการป้องกันไม่ให้หวายถูกแม่ว่าและมีปัญหากับครอบครัว บางทีการที่เราอยู่ห่างกัน หวายอาจเห็นอะไรชัดขึ้นก็ได้” คำพูดของธูปหอมไม่ได้ทำให้กอหวายโกรธหรือไม่เข้าใจ เพราะตัวเองรู้ว่า ไม่วันใดก็วันหนึ่งปัญหาต้องเกิด แต่ไม่คิดว่า จะรวดเร็วมากขนาดนี้และไม่รู้ด้วยว่า มารดา รู้ได้อย่างไร ถึงได้ไปพูดให้ธูปหอมเลิกยุ่งกับลูกสาว
“แล้วหวายต้องทำอย่างไร ถ้าจะให้ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย”
“ไม่มีน้า หวายอยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีพ่อแม่ หวายไม่น่าจะมีความสุข” ธูปหอมกอดกอหวายเอาไว้ คำพูดของธูปหอมทำให้กอหวายได้คิดทบทวน แม้ก่อนหน้าคิดว่า ธูปหอมคงโกรธจนไม่ยอมเจอหน้าอีก แต่กลับกลายเป็นว่าพูดให้กอหวายเข้าใจว่า บิดามารดามีความสำคัญมากกว่า แล้วปัญหาอะไรที่ทำให้มารดาไม่พอใจไม่ชอบธูปหอม หรือเพราะเพียงแค่ธูปหอมเป็นผู้หญิง
“หวายต้องทำให้พ่อแม่พอใจ แม้หวายจะไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือคะ” กอหวายถามธูปหอมที่กอดปลอบโยนเอาไว้
“ลองถอยดูกลับไปในวันที่เราเจอกัน แล้วนับหนึ่งใหม่อยู่ห่างๆ กันอาจจะดีสำหรับหวายนะ” ธูปหอมบอก
“ถ้าหวายดื้อกับแม่ น้าธูปจะยังรักหวายไหม” กอหวายถาม
“แล้วเราล่ะ ไม่รักพ่อแม่หรือ ไม่กลัวท่านเสียใจหรือ ถ้าเราดื้อ”
“ดราม่ามาก ชีวิตนี้ ไปแอบเจอกันบ้างก็ได้ไหม ไม่เห็นจะต้องห่างกันเลย ไม่กลัวหวายคิดถึงแล้วตายไปเลยเหรอ” กอ
หวายออกอาการงอแง
“น้าผ่านอะไรๆ มาตั้งเยอะ ไม่เห็นตายเลย ไม่มีใครมานั่งร้องไห้ตลอดเวลาหรอก เดี๋ยวก็เจอความสุข”
“แปลกคน ทำไมถึงไม่บอกหวายว่า น้าจะเข้าไปคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ เราจะจับมือฝ่าฟันเพื่อจะได้อยู่ด้วยกันเหมือนในละคร
หรือในนิยายล่ะ” ธูปหอมถอนใจเอามือทาบทับไปที่ศีรษะของกอหวาย
“น้าน่ะ อีก 5 หรือ 10 ปีอาจจะตายตามประสาคนแก่ ส่วนเราน่ะควรมีความสุขต่อไปสัก 50 ปี ลองใช้ชีวิตของตัวเอง ถ้าไม่ไหวไม่มีความสุขค่อยว่ากัน น้าไม่ได้ไปไหนจำเอาไว้ด้วย” ธูปหอมทำให้กอหวายยิ้ม
“จริงนะที่บอกว่าไม่ไปไหน”
“เคยโกหกหรือไง” ธูปหอมยิ้ม จูบเบาๆ ที่ศีรษะของกอหวายที่กอดเอาไว้อีกครั้ง ความคิดก่อนหน้าที่คิดว่าจะถูกต่อว่า เพราะ
มารดาไปสร้างความไม่สบายใจให้ แต่กลับกลายเป็นว่า ธูปหอมอยากให้เชื่อฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่มารดาต้องการ กอหวายไม่รู้เลย
ว่า ธูปหอมผ่านอะไรมาบ้างแต่ดูเหมือนเข้าใจชีวิตและเข้าใจความรักของบิดามารดาที่มีให้ลูก ส่วนเรื่องที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ
ความสุขของกอหวายที่ธูปหอมห่วงใยมากที่สุด
“สัญญานะ ถ้าหวายไม่มีความสุข น้าธูปจะยังอยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน” กอหวายยื่นนิ้วก้อยทำตัวเป็นเด็กแต่อยากได้ความมั่นใจ
“อือ ส่วนเรื่องงานรับเองเหมือนเดิมนะ แม่เราจะได้สบายใจด้วย”
“ทำไมไม่โกรธบ้างเนี่ย” กอหวายถาม
“ขี้เกียจ”
“อิจฉาคุณธามจัง” กอหวายพูดเสียงอ่อยๆ ก้มหน้าเล็กน้อย
“ก็ทำชีวิตตัวเองให้มีความสุข จนธามอิจฉาเลยสิ” กอหวายไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะเมื่อสังเกตแววตาของธูปหอมที่ดูไม่ได้มีความกังวลใจอะไรแฝงตัวหรือเก็บงำเอาไว้
“ขอกอดจนมืดค่ำก่อนได้ไหมคะ วันนี้” กอหวายถามเสียงอ่อย
“ไปได้แล้วจ้ะ อย่ามายื้อเวลา” ธูปหอมพูดเสียงเข้ม
“แล้วกุญแจเอาคืนไหม” กอหวายถามและมองดูไปรอบๆ ตัวบ้านเมื่อเห็นรูปของตาบุญกับภรรยาทำให้กอหวายมีรอยยิ้มขึ้นมา
“ไม่ล่ะ เอาไว้ถ้าจะแต่งงาน ค่อยมาคืน”
“เชอะ ชาตินี้ทั้งชาติไม่ได้กุญแจบ้านคืนแน่” กอหวายพูดจบหอมแก้มธูปหอมและรีบวิ่งออกจากบ้านไปทันที หัวใจรู้สึกโหว่งๆ
ชอบกลไม่รู้ทำไมเหมือนกันทั้งๆ ที่ไม่ได้โกรธกัน แต่สิ่งที่ธูปหอมบอกมาทั้งหมดทำให้กอหวายรู้สึกดีและรักธูปหอมมากยิ่งขึ้น
“เพื่อนของแม่เป็นคนแปลกมาก แปลกที่สุด แต่ทำให้หวายรักมากและเชื่อว่าจะรักมากขึ้นเรื่อยๆ” กอหวายคิดและหันไปมองดู
คนที่ยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงทำให้หลงรักไม่ต่างจากวันแรกที่ได้เห็น
กอหวายทำเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นและไม่ได้พูดถึงเรื่องที่มารดาไปพบกับธูปหอมที่ห้องสมุดทั้งที่ก่อนหน้าคิดว่า จะมาถามหาเหตุผลของการไปหาธูปหอม เทียนเทพยังแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอและเล่าเรื่องมารดาของตัวเองที่มักไปหาธูปหอมสม่ำเสมอเช่นกัน กอหวายยิ้มๆ เมื่อได้ยินที่เทียนเทพพูดถึงธูปหอม
“ตกลงยังไงเรา ชอบหมอเทียนเขาหรือ” จอมทัพถามลูกสาว
“ถ้าพ่อแม่มีความสุข หวายยังไงก็ได้ค่ะ” จอมทัพไม่คิดว่าจะได้ยินลูกสาวพูดออกมาอย่างนั้นทั้งที่ก่อนหน้าพูดคุยกันเหมือนไม่ยอม ถ้าหากมารดาทัดทานเรื่องของธูปหอม
“แม่ของหมอเทียนเป็นแฟนเก่าของธูป หรือ” จอมทัพถามกอหวายที่ถอนใจเบาๆ และพยักหน้าแทนคำตอบ
“วังน้ำวนโดยแท้เลย” จอมทัพชะเง้อมองดูเกื้อกูลที่เอ็นดูเทียนเทพเหมือนดั่งลูกชาย
“หมอเทียนก็น่ารักดี แต่ถ้าถามพ่อล่ะก็ พ่ออยากให้หวายได้อยู่กับคนที่ทำให้หวายมีความสุข” จอมทัพบอกกับกอหวายที่น้ำตารื้นขึ้นมาทันที
“หวายอยากให้พ่อกับแม่มีความสุข น้าธูปบอกเองว่า ยังไงหวายคงเลือกความสุขของพ่อกับแม่” กอหวายเช็ดน้ำตาที่ไหล
รินออกมา
“ทำไมธูปถึงคิดแบบนั้นล่ะ ทำไมถึงไม่ต่อสู้เพื่อที่จะได้อยู่กับหวาย” จอมทัพถามลูกสาวที่พักหลังอยู่บ้านมากขึ้น
“เราสองคนคงสู้กับความรักของพ่อกับแม่ที่มีให้หวายไม่ไหวหรอก ยิ่งน้าธูปผลักไสหวายมากเท่าไร หวายยิ่งรักมากขึ้นเท่านั้น
คนเราแต่งงานกันไปแล้วจะรักกันได้จริงหรือคะ พ่อ” กอหวายถาม ขณะมองดูมารดากับเทียนเทพที่พูดคุยสลับกับมีเสียงหัวเราะให้ได้
ยินอยู่เป็นระยะ
“น้าธูปของหวายไม่เคยเปลี่ยนเลย อะไรที่เป็นความสุขของคนที่ตัวเองรักทำให้ได้หมด แม้ตัวเองจะเจ็บปวด ไม่สบายใจ” จอมทัพยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงธูปหอม
“เป็นแม่พระแล้วล่ะน่ะ” กอหวายยิ้มๆ
“ใช่หรือ ได้ข่าวว่าพาไปคอนโด นอนคุยกันเฉยๆ หรือ” จอมทัพยิ้มให้กอหวายที่ยิ้มอายๆ
“เลิกคุยเรื่องน้าธูปดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหวายอดใจไม่ไหวต้องวิ่งแจ้นไปหาอีกไม่รู้ทำไมหวายต้องเชื่อ ต้องฟังคำพูดของน้าธูปด้วยก็
ไม่รู้” กอหวายพูดบ่น
“คนเราไม่ได้อะไรทุกอย่างหรอก สูญเสียบ้างได้มาบ้างจะได้เรียนรู้และตั้งรับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ธูปอาจ
กำลังสอนให้หวายเรียนรู้และใช้ชีวิตของตัวเองให้มีความสุข เชื่อเรื่องเนื้อคู่ไหมล่ะ ถ้าเชื่อและ คิดว่าใช่ ถึงอย่างไรก็ได้อยู่ด้วยกัน”
จอมทัพเห็นรอยยิ้มสดใสของกอหวายทำให้ตัวเองสบายใจและมีความสุขมากขึ้น เทียนเทพเป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็งและนิสัยดี แต่กอหวายไม่ได้แสดงออกให้เห็นเลยว่า อยากผูกสมัครรักใครฉันท์คนรัก แต่ก็ไม่ได้ขับไล่ไสส่งอะไร
“คุณธามพูดถูก หวายไม่มีทางทำให้น้าธูปมีความสุขได้มากกว่าที่เป็นอยู่” กอหวายรำพึงออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เคยคุยกับ
ธาม คนที่มีความสุขกับชีวิตมักแข็งแกร่งเหมือนธูปหอม ถึงแม้จะอ่อนแอบ้างแต่ไม่ได้มากมายอะไรนัก เพราะตอนที่สูญเสียตาบุญไป
ธูปหอมแสดงให้เห็นบ้าง ซึ่งเห็นได้จากแววตาที่ดูเศร้าและว้าเหว่ จนกระทั่งกอหวายเข้าไปรบกวนจิตใจความเศร้าจึงจางหายไปได้
บ้าง
“บางทีพ่ออยากให้หวายเหมือนแม่เหมือนกัน เพราะเขาชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเองดี ถ้าตัดสินใจอะไรแล้ว ก็ตามนั้น” จอม
ทัพกำลังนึกถึงความเด็ดขาดของเกื้อกูล
“คงได้ตีกันตายแน่” กอหวายรำพึงออกมาเบาๆ เพราะไม่อยากบอกเรื่องระหว่างมารดากับธูปหอมไม่อยากให้บิดาไม่สบายใจ
หรือตำหนิมารดา
“พ่อเชื่อว่าหวายจะมีความสุขและน้าธูปเขาจะมีความสุขเช่นกัน” จอมทัพพูดให้กำลังใจลูกสาวที่ขอตัวไปดูหนังกับเทียนเทพ เพราะทนการรบเร้าจากมารดามาหลายต่อหลายครั้งไม่ไหว
“ไปนะคะ”
“พี่อยากให้ธูปมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่นะ” จอมทัพยิ้มๆ นึกถึงสิ่งที่ได้ยินจากลูกสาว เรื่องที่ธูปหอมสอนให้รักบิดามารดามากกว่าคนอื่น แม้ตัวเองจะไม่สมหวังกับความรักก็ตาม