เทียนเทพกลับมารับมารดาในช่วงบ่าย ธูปหอมมองเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาพูดคุยกับมารดาพร้อมด้วยรอยยิ้ม แต่ห้องสมุดพูดคุยเสียงดังไม่ได้สองแม่ลูกจึงเดินออกไปด้านข้างในส่วนที่เป็นสวน
“หน้าตาสดใสมาเลย ลูกชายฉัน” นาราพูดแหย่ลูกชาย
“กอหวายน่ารักมากเลยครับ อนุญาตให้เข้าไปคุยกับพ่อแม่ด้วย ซึ่งท่านทั้งสองต้อนรับผมเป็นอย่างดีเลย ถ้าผมจะจีบจริงจังแม่
จะว่าอะไรไหมครับ” เทียนเทพถาม เพราะท่าทางมารดาดูจะชอบกอหวายมาก
“ความสุขของเทียน แม่จะไปขวางได้อย่างไร” นาราบอกลูกชายที่ยิ้มจางลงเล็กน้อย
“ขอบคุณครับ”
“ชอบเขามากขนาดนั้นเลย หรือ” นาราถามลูกชาย
“ครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน” เทียนเทพยิ้มรู้สึกสบายใจที่มารดาไม่ ได้กีดกันและดูจะเห็นดีเห็นงามเรื่องของกอหวาย ซึ่งต่างจาก
ก่อนหน้าที่เคยคบหากับหญิงสาวคนอื่น แม้แต่กับแพทย์หญิงที่ทำงานที่โรงพยาบาลซึ่งมารดาไม่ค่อยพึงพอใจสักเท่าไรนัก
“ความรักก็แบบนี้แหละ” นาราบอกกับลูกชาย
“น้าธูปยังไม่ยอมใจอ่อนอีกหรือครับ แม่ถึงได้ลงมานั่งอ่านหนังสือแทนที่จะอยู่คุยกันที่ห้องทำงาน” เทียนเทพถาม
“แม่ทำให้เขาเสียใจ ธูปคงไม่ให้อภัยง่ายๆ หรอก แต่แม่อยากกลับ ไปใช้ชีวิตกับธูปเหมือนก่อนแต่งงาน ช่วงนั้นมีความสุขมาก แม่ไม่เคยลืมและเสียใจมาตลอดที่คิดว่าการแต่งงาน กับการมีหน้าตาในสังคมจะทำให้มีความสุข” นารายิ้มจางๆ เมื่อนึกถึงครั้งที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับธูปหอมอย่างมีความสุข แต่ตัวเองกลับเลือกแต่งงานกับนักธุรกิจที่ทางครอบครัวเห็นดีเห็นงามด้วย
“ตั้งชื่อลูกว่า เทียน น้าธูปน่าจะรู้นะครับ ว่าแม่ยังรักอยู่”
“ได้แต่หวังว่าจะใจอ่อน” นารายิ้มๆ และชวนลูกชายกลับบ้านโดยไม่ได้ไปบอกลาธูปหอม
เทียนเทพไปมาหาสู่ที่บ้านของกอหวาย ถึงแม้เจ้าตัวไม่อยู่ก็ไปพูดคุยกับบิดาและมารดา ซึ่งท่านทั้งสองให้การต้อนรับอย่างดี
แต่สิ่งหนึ่งที่จอมทัพกับเกื้อกูลตกลงว่าจะไม่บอก คือ เรื่องคอนโดมีเนียมที่กอหวายบอกว่าอยากเอาไว้พักผ่อนอย่างสงบ โดยไม่อยากให้ใครรู้ เพราะไม่อย่างนั้นอีกหลายคนที่เป็นเพื่อนร่วมงาน เช่น ใบพลูกับสู่ขวัญจะสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปด้วย จอมทัพรู้ดีว่า กอหวายไม่ได้สนใจอะไรในตัวเทียนเทพนัก แต่ในฐานะบิดาอยากให้ลูกสาวได้มีโอกาสพูดคุยกับคนอื่น เพราะเรื่องของธูปหอม ถึงแม้ไม่ได้ห้ามปรามอะไร แต่คงจะเป็นไปได้ยากมาก บางทีการมีเทียนเทพเข้ามาในชีวิตอาจทำให้กอหวายเปลี่ยนใจ ซึ่งนั่นคงทำให้
เกื้อกูลมีความสุขไปด้วย
“ยังไงกันเราได้ข่าวพาธูปขึ้นคอนโด แต่ก็มีข่าวกับคุณหมอหนุ่ม รูปหล่อแพร่สะพัด โดยเฉพาะโฆษณาของโรงพยาบาลที่เพิ่ง
ออกมา” ภัทราถามกอหวายที่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อได้ยินคำถามที่เหมือนคล้ายเป็นการดุไปในตัวด้วย
“ภาวนาอย่าให้น้าธูปเห็นข่าวเลย” กอหวายถอนใจ เพราะเพิ่งมีข่าวพูดถึงตัวเองกับเทียนเทพในทำนองเป็นคู่รักคู่ใหม่ที่เหมาะ
สมกัน
“ไม่น่ารอด” ภัทราถอนใจ
“พี่ภัทก็ ยิ่งใจคอไม่ดีอยู่” กอหวายบอก
“บางทีหมออะไรนั่นอาจเหมาะกับหวาย เพราะเข้ากับผู้ใหญ่ได้ และอีกอย่างเขาไปถึงบ้านถึงช่องคงไม่ได้แค่คุยเล่นแล้วล่ะ”
ภัทราบอกกับกอหวายที่ขมวดคิ้วทำท่าคิด
“ชอบผู้หญิงไม่ดีตรงไหนหรือคะ พี่ภัทกับน้ำใสออกจะรักกันดี วัยก็ต่างกันตั้งมาก พี่พลูกับพี่ขวัญก็รักกันจนอิจฉา” กอหวาย
ถามภัทรา
“ไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดี หวายไม่ได้ตัวเปล่ามีพ่อแม่ที่รักและเป็นห่วง เรื่องธูปเคยคุยกับพ่อแม่บ้างหรือยัง ถ้าพี่เป็นพ่อแม่เรา พี่คงเลือกหมอเหมือนกัน” ภัทราบอกสิ่งที่ตัวเองคิด
“หวายชอบน้าธูปมาก ถึงกับวิ่งเข้าหาและแปลกใจตัวเองมากที่ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน รู้ค่ะว่าปัญหาเยอะแน่ แต่ถ้าเราอยู่กัน
เงียบๆ ไม่ได้หรือคะ แบบค่อยๆ ให้พ่อแม่รู้ พ่อไม่ได้ว่าอะไร แต่แม่นี่สิคะ”
ภัทราส่ายหน้าแอบเป็นห่วงตั้งแต่รู้เรื่องของธูปหอมกับกอหวายที่อีกคนมีธามอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงได้มารู้สึกดีกับเด็กอย่างกอหวาย ภัทราไม่แน่ใจนักและไม่ได้อยากรู้รายละเอียดได้แต่เอาใจช่วย ไม่ว่าทั้งสองคนเลือกและตัดสินใจอย่างไร ภัทราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้าง แม้กับธูปหอมที่ไม่ค่อยได้พบเจอกันบ่อยนัก แต่ภัทรารู้สึกว่า ธูปหอมเป็นมากกว่าคนรู้จักทั่วไป จากหลายๆ งานที่เคยทำร่วมกัน รวมถึงการขอใช้ห้องสมุดในการถ่ายแบบ ธูปหอมให้การต้อนรับเป็นอย่างดี โดยไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองเลย ซึ่งนั่น ทำให้ภัทราอยากให้ธูปหอมมีความสุขและมีคนดีๆ ในชีวิต ถ้าได้มีความสุขเหมือนที่ตัวเองมีอยู่คงดีมาก ภัทรายิ้มๆ เมื่อเห็นน้ำใส ซึ่งเป็นคนรักเดินยิ้มเข้ามาหา
ธูปหอมยิ้ม เมื่อเห็นกอหวายที่ไม่ได้พบกันหลายวันแล้ว แต่มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์และส่งข้อความ รอยยิ้มของกอหวายไม่สดใสเหมือนเคยและกำลังเดินตรงมาหาธูปหอมที่ลุกขึ้นยืนทันที กอหวายเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ ขยับเข้าใกล้เสียจนจมูกทาบทับที่แก้มของธูปหอมที่ทำท่าจะขยับตัว แต่ถูกห้ามเอาไว้ จึงยืนนิ่งตามคำสั่งกึ่งร้องขอ
“ยืนอยู่เฉยๆ ก่อนเลยค่ะ อยากอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ หวายเหนื่อยจัง”
“น้ารับงานให้น้อยมากแล้วนะ” ธูปหอมบอก ขณะเอื้อมมือไปแตะที่แก้มของกอหวาย
“คิดถึงจนเหนื่อย” กอหวายพูดงึมงำเบียดจมูกเข้าแนบชิดที่แก้มของธูปหอมและริมฝีปากที่เผยอเล็กน้อยทาบทับไปที่แก้ม
ด้วยเช่นกัน
“อ้อนเก่งเหมือนกันนะ เรา” ธูปหอมพูดขึ้น
“ทำไมใครๆ คิดว่า ผู้ชายรักผู้หญิงเป็นเรื่องถูกต้องคะ แม้แต่พี่ภัทที่คบกับน้ำใส” กอหวายพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไรนัก
“แล้วไง อยากเป็นคนที่ทำอะไรถูกต้องหรือ” ธูปหอมถาม
“ผู้หญิงด้วยกันมันผิดตรงไหนล่ะ” กอหวายออกอาการงอแง
“ไม่รู้สิ แต่น้าถูกว่าอยู่หลายครั้งเหมือนกัน”
“แล้วน้าธูปทำยังไง” กอหวายขยับออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองสบตากับธูปหอมที่ทำท่าคิด
“ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยเขา น้ามีความสุขในแบบของน้า แต่ถ้าเป็นเรื่องผิดสำหรับคนอื่นแล้วเขาไม่เดือดร้อน ก็ไม่เป็นไรนี่” ธูป
หอมบอก
“แล้วถ้าเดือดร้อนคนอื่น ทำไง” กอหวายถามเสียงอ่อยๆ
“หมายถึงที่บ้านหรือเปล่า”
“ยังไม่คุยได้ไหม ขอกอดก่อน หวายว่าง 3 วันไปอยู่คอนโดกันนะ”
“ปิดการสนทนาง่ายๆ ด้วยการชวนขึ้นคอนโดก็ได้นะ เราน่ะ”
“อยู่แบบทั้งวันทั้งคืนเลยได้ไหม น้าธูปหนีงานได้เปล่า” กอหวายยิ้มและยักคิ้วล้อธูปหอม
“ขอแวะเข้ามาดูงานสักสองสามชั่วโมงได้ไหมล่ะ เราจะจับไปขังไว้เลยหรือไงกัน” ธูปหอมพูดแหย่
“ขังไว้ในใจตั้งนานแล้ว ขอบคุณนะคะ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร น้าธูปต้องจำเอาไว้ให้แม่นๆ นะว่า หวายรักน้าธูป” กอหวายยิ้มจางๆ
ก่อนจุมพิตเล็กๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใสขึ้น
“แปลกๆ นะ เราน่ะ” ธูปหอมบอก หลังจากมองดูกอหวายที่เพิ่งเดินออกจากห้องทำงาน จึงเปิดม่านบังตาที่กอหวายปิดก่อนเข้า
มาและมองตามคนที่ยังหันมายิ้มและโบกมือให้ ธูปหอมยิ้มกับความน่ารักที่ได้เห็นแต่เมื่อมองเห็นคนที่ลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงตัวทำให้แปลกใจ
“ทำไมลูกสาวฉันขึ้นมา ถึงต้องปิดม่านบังตา” เกื้อกูลถาม
“ไม่อยากให้ใครเห็น” ธูปหอมบอก เมื่อมองเห็นเจ้าหน้าที่มองมาธูปหอมเพียงแค่พยักหน้าให้เล็กน้อย เพื่อเป็นการบอกว่า ไม่ให้ใครขึ้นมา
“ทำไมถึงทำแบบนี้ หวายไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย หลอกเด็กมันบาปเธอไม่รู้หรืออย่างไร” เกื้อกูลพูดต่อว่า
“ธูปไปหลอกอะไร ในเมื่อ”
“ในเมื่อลูกสาวฉันเป็นฝ่ายมาหาเธอ” เกื้อกูลพูดในสิ่งที่ธูปหอมคิด
“แก้แค้นกันด้วยวิธีนี้ มันก็ไม่ถูก อายุปูนนี้แล้วทำไมทำแบบนี้”
“แก้แค้น เกื้อคิดอะไรอยู่” ธูปหอมถาม
“คนของตัวเองก็มีอยู่แล้วทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ยังไม่พอหรือไงยังจะดึงลูกสาวฉันเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธออีก ถ้าไม่คิดว่าฉันเป็นเพื่อน ก็อยากให้คิดว่า สงสารเด็กมันก็แล้วกัน แล้วเลิกเอาความเจ้าคิดเจ้าแค้นมาลงกับ ลูกสาวฉัน เข้าใจไหม” เกื้อกูลพูดต่อว่า ธูปหอมนิ่งฟังด้วยไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเกื้อกูลคิดอย่างไร
“ธูปจะเลิกยุ่ง แต่เจ้าตัวต้องมาพูดเอง อย่าให้คนอื่นมาพูดมาบอก เพราะสุดท้ายแล้ว ธูปก็ต้องไปถามจากเจ้าตัวให้ได้อยู่ดี เกื้อ
รู้จักธูปดีไม่ใช่หรือ ถ้าหวายมาพูดด้วยตัวเอง เรื่องจะจบง่ายกว่า” ธูปหอมถอนใจและรู้สึกไม่พอใจที่เกื้อกูลคิดว่าตัวเองกำลังหลอก
ลวงกอหวาย
“คิดว่าเธอเป็นคนดีมาตลอด ท่าทางจะคิดผิด” เกื้อกูลพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกจากห้อง เจ้าหน้าที่ห้องสมุดมองดูการพูดคุยที่พอ
จะดูออกว่าน่าจะทะเลาะกัน แต่ไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ที่เป็นห่วง คือ สีหน้าของธูปหอมมากกว่า
“เรื่องอะไรกันนะ” เจ้าหน้าที่รำพึงออกมาเบาๆ แต่เมื่อมองออกไปทางประตูด้านหน้าเห็นธามยืนขวางผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นเอาไว้
“มาทำไม มีธุระอะไรที่นี่” ธามถาม เกื้อกูลพยายามเบี่ยงตัวหนี
“มาบอกให้คนของคุณเลิกยุ่งกับลูกสาวฉันน่ะสิ”
“ไปบอกลูกสาวคุณให้เลิกยุ่งกับคนของผมดีกว่านะครับ เคยเห็นธูปไปหาไปยุ่งกับลูกสาวคุณตอนไหน มีแต่ลูกสาวคุณนั่น
แหละวิ่งแจ้นมาหาตลอด ไปเตือนลูกสาวดีกว่าที่จะมาเตือนคนอื่นนะครับ เดี๋ยวจะเอาป้ายมาติดหน้าห้องสมุดพร้อมรูปว่าห้ามเข้าทั้งแม่
ทั้งลูกท่าจะดี” ธามไม่พอใจที่ได้ยินสิ่งที่เกื้อกูลพูดสักเท่าไรนัก เพราะทำเหมือนว่าธูปหอมไม่ดีพอสำหรับลูกสาวของตัวเอง
“ถามจริงๆ ไม่รู้หรือไงว่าเมียตัวเอง ชอบผู้หญิง” เกื้อกูลโกรธธาม จึงพูดออกไปอย่างนั้น
“ไม่เสียหายนี่ครับ เด็กมาหาถึงบ้าน มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” ธามพูดแหย่แล้วยักไหล่ทำท่าทางกวนๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องสมุด
“แย่ทั้งคู่เลย” เกื้อกูลพูดต่อว่าตามหลังธาม
ธามโบกมือให้ธูปหอมเล็กน้อยและเดินเลยเพื่อขึ้นไปที่พักชั้นบน แม้จะไม่รู้รายละเอียดอะไรนัก แต่รู้ดีว่า เรื่องนี้คงเกิดขึ้นไม่วัน
ใดก็วันหนึ่ง
ภัทราขับรถผ่านห้องสมุดเห็นมารดาของกอหวายที่เพิ่งเดินออกมาและยังหยุดพูดคุยกับธาม จึงชะลอรถจอดข้างทางมองดูสองคนที่ท่าทาง ไม่ใช่แค่พูดคุยทักทายแบบทั่วไป แต่เหมือนคนทะเลาะกันมากกว่า
“หวายเอ๊ย” ภัทราไม่ได้ห่วงกอหวายสักเท่าไร คนที่น่าเป็นห่วงคือธูปหอมมากกว่า
ธูปหอมเห็นคนที่เดินขึ้นบันไดมา จึงรีบเดินไปเปิดประตูให้เพื่อเป็นการต้อนรับแขกที่เพิ่งมา ซึ่งเมื่อเห็นทำให้แปลกใจ
“แม่หวายมาเล่นงานเอาหรือ” ภัทราถาม หลังจากทักทายกัน
“รู้ได้อย่างไรคะ” ธูปหอมยิ้มจางๆ ให้
“ขับรถผ่านมาเห็นเหมือนจะตีกับคุณธามที่หน้าห้องสมุด ภัทเห็นตั้งแต่เขาเดินออกจากห้องสมุดแล้วล่ะ” ภัทราสังเกตท่าทางของธูปหอม
“จริงๆ แล้ว เกื้อกับธูปเคยเป็นเพื่อนกันตอนเรียนมหาวิทยาลัย” ธูปหอมบอกกับภัทราที่ได้ยินเข้าอดแปลกใจไม่ได้ คำว่าเคย
เป็นเพื่อนกันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า น่าจะมีเรื่องอะไรกัน ธูปหอมถึงใช้คำพูดอย่างนั้น
“เลยอยากเลิกเป็นเพื่อนเรา” ภัทราพูดยิ้มๆ
“ไม่ได้เป็นมานานแล้วล่ะ” ธูปหอมบอก แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด เพราะเรื่องที่ภัทราเป็นห่วงน่าจะเป็นเรื่องกอหวาย ไม่ใช่เรื่อง
ในอดีตของตัวเองกับเกื้อกูล
“แล้วจะทำอย่างไรต่อ”
“หวายควรรักพ่อแม่มากกว่าคนอื่น ว่าไหม” ธูปหอมบอก ภัทรายิ้มน้อยๆ มองดูธูปหอมที่แววตามุ่งมั่นและไม่ได้แสดงความโกรธมารดาของกอหวาย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี สิ่งที่ได้ยินจากธูปหอมเมื่อสักครู่ ภัทราเห็นด้วยอย่างไรเสียถ้าหากมารดาไม่ยอม กอหวาย
คงเลือกที่จะเป็นลูกที่ดี
“ถ้าเป็นแบบนั้น ธูปคงปล่อยหวายไปอย่างนั้นสิ” ภัทราถาม
“หวายควรได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาเลือก การทำให้พ่อแม่มีความสุขเป็นเรื่องที่ดีในความคิดของธูป แม่เป็นห่วงลูกเป็นเรื่องธรรมดา เขาคงไม่อยากให้ใครมาว่าลูกได้ว่าผิดปกติ ธูปไม่ได้ว่าภัทนะ เพราะพวกเราเพียงแค่แตกต่างไม่ได้ผิดปกติอะไร ทุกคนมีหน้าที่การงานที่ดีดูอย่างใบพลูกับ สู่ขวัญ หรือภัทกับน้ำใสและอีกหลายคู่ที่เราอาจไม่รู้จัก ธูปก็คงทำหน้าที่ของตัวเองดูแลตัวเองให้มีความสุขกับชีวิตในแต่ละวัน หวายยังมีเวลาอีกมาก พวกเราควรปล่อยโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง บางทีการห่างกันการไม่มาที่นี่อีกอาจทำให้เข้าใจความรู้สึกตัวเองมากขึ้นก็ได้” ธูปหอมบอกความรู้สึกอันแท้จริงของตัวเอง ภัทรายิ้มน้อยๆ มองดูคนที่ยังนั่งอมยิ้มอยู่ได้ทั้งๆ ที่เพิ่งโดนมารดาของคนที่ตัวเองรักมาต่อว่าบอกให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวของเขา
“หายห่วงไปหนึ่งคน ถามจริงไม่เสียใจหรือเจ็บปวดหรือ”
“สงสัยเจ็บมาเยอะ เรื่องเสียใจมีอยู่แล้วแหละ” ธูปหอมยิ้มจางๆ ให้ภัทราที่ลุกขึ้นเอามือทาบทับที่ไหล่เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
“อยู่เฝ้าถ้ำรอลูกแกะต่อไป ก็แล้วกัน” ภัทราหัวเราะ
“บ้าหรือ ธูปไม่ได้รอจ้องจับเหยื่อนะ ภัท” ธูปหอมยิ้มน้อยๆ มอง ดูภัทราเจ้าของห้องเสื้อชื่อดังที่มีน้ำใจแวะมาถามไถ่และให้
กำลังใจ การมีมิตรสหายที่ดี ถึงแม้ไม่ได้เอื้อนเอ่ยให้คำแนะนำอะไร แต่การได้พูดคุยกันได้บอกเล่าความรู้สึกทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง
เมื่อมีใครบางคนได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น
“หวายคงมีพลูกับขวัญคอยรับฟัง” ธูปหอมคิด