Chapter 4 《 Part 3 》

2084 Words
โรงพยาบาล ห้อง 807 ปึง! ฉันผลักประตูเข้าไปเต็มแรง เตรียมระเบิดอารมณ์เต็มที่แต่ว่าภายในห้องกลับว่างเปล่า ผ้าปูเตียงถูกรวบตึง ข้าวของทุกชิ้นจัดวางเหมือนไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน เดี๋ยวสิ ก็ไม่ได้มาผิดห้องนี่นา ฉันเดินออกมามองเลขที่ประตูเพื่อยืนยัน แล้วเยี่ยมหน้ากลับเข้ามามองข้างในใหม่ “ขอโทษนะคะ คนไข้ที่อยู่ห้องนี้ไปไหนแล้ว” ฉันถามพยาบาลที่เดินผ่าน พยาบาลทำหน้างงกลับมา “ห้องนี้ว่างหลายวันแล้วนะคะ” ฉันได้ยินแล้วถึงกับเหวอ พอลงมาสอบถามข้างล่างถึงรู้ว่าฮานย้ายไปรักษาตัวที่อื่นได้สามวันแล้ว แต่เป็นที่ไหนเจ้าหน้าที่ไม่ยอมบอก เอาแต่พูดไม่สามารถเปิดเผยความลับของคนไข้ได้อยู่นั่นแหละ เซ็งชะมัด แต่ฉันจะไม่ยอมโดนปั่นหัวอยู่ฝ่ายเดียวหรอก Han talks “ปู่ยังไม่กลับอีกเหรอ” ผมมองชายชราที่เดินเข้ามาในห้อง แค่เดินยังต้องให้คนช่วยพยุง นี่ก็วันที่สามแล้วที่ผมย้ายมาอยู่โรงพยาบาลใหม่ภายใต้การบงการของตาแก่ตรงหน้า “ไม่ต้องไล่ ถึงเวลาปู่ก็กลับเอง แต่อยู่ที่นี่ก็สงบดี เล่นเอาไม่อยากกลับเลยล่ะ โฮะๆ” ผมไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของปู่ เหม่อมองเพดานอย่างรู้สึกเบื่อหน่าย ดูจากสภาพตัวเองแล้วคงต้องติดแหง็กไปไหนไม่ได้อยู่แบบนี้อีกนาน ความเงียบภายในห้องถูกทำลายลงด้วยเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ผมเอื้อมแขนข้างที่ไม่บาดเจ็บไปหยิบโทรศัพท์ข้างเตียง เห็นชื่อเฮียปรากฏอยู่บนจอ ผมกดรับสาย “ว่าไง” [หนูนีเอารถมาจอดทิ้งไว้ที่อู่ แถมยังมีของเด็กเล็กอยู่ในรถด้วย] “....” แววตาผมกระตุกไหว ยัยเด็กนั่นคิดจะต่อต้านไปถึงไหน [ให้เฮียขับไปไว้ที่บ้านหนูนีไหม] “ทำแบบนั้นผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างจากเดิม” [ก็จริง แล้วจะทำไงต่อ] “ปล่อยไปก่อน” [อืม งั้นแค่นี้ล่ะ] พอผมวางสาย เสียงปู่ก็ดังขึ้น “ใคร ไทเกอร์?” “อืม” “มีเรื่องอะไรที่ปู่ยังไม่รู้หรือเปล่า” “แค่เรื่องรถที่อู่ ไม่เกี่ยวอะไรกับปู่” “พูดกับคนแก่ให้มันนุ่มนวลหน่อย” “….” “เอาเถอะ ปู่ผิดเองที่ปล่อยแกไว้เกือบสิบปี ถ้าแกจะเย็นชาขนาดนี้ก็คงไม่แปลก” ผมไม่พูดหรือตอบอะไรปู่ แค่เอนตัวลงนอนเงียบๆ แล้วหลับตา ปล่อยปู่พล่ามอยู่คนเดียว “แต่แกจะโกรธปู่ไม่ได้ ในเมื่อแกยังมีชีวิตก็น่าจะติดต่อกลับมา” “ผมนึกว่าปู่โล่งใจที่ขจัดตัวปัญหาไปได้ซะอีก” ผมอดไม่ได้ที่จะถามกลับ หลายปีก่อนผมเคยถูกคนไล่ล่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากริชน้าของริกกี้ ป่านนี้ผมคงกลายเป็นศพไร้ญาติอยู่ที่ไหนสักแห่ง ตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่ติดต่อคนที่บ้านอีกเลย ยกเว้นยาย... ยายคือคนที่ส่งเฮียหมูมาสืบเรื่องผมเงียบๆ แล้วช่วงที่มีเรื่องบาดหมางภายในทีมยายผมเกิดล้มป่วยพอดี ผมเลยถือโอกาสแวะไปเยี่ยม คนในครอบครัวช็อกกันหมดที่รู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ “แกไม่รู้หรอกว่าพวกเราเป็นทุกข์แค่ไหน โดยเฉพาะคนเป็นพ่อเป็นแม่” แต่คนที่บินลัดฟ้ามาดันเป็นปู่ ส่วนคนเป็นแม่ทำแค่ไลน์มาถาม คนที่ผมเป็นห่วงที่สุดตอนนี้คือยาย กลัวจะเครียดจนล้มป่วยไปอีก ปู่พูดเรื่องในครอบครัวกรอกหูผมต่อสักพักก็ออกไป หลังจากนั้นผมก็ได้หลับพักผ่อนจริงๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่หมอเข้ามาตรวจ “ทุกอย่างปกติดี ไม่มีไข้ ไม่มีอาการแทรกซ้อน ตอนนี้ร่างกายกำลังฟื้นตัว ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติอาทิตย์หน้าก็เริ่มทำกายภาพบำบัดได้ ระวังเวลาเข้าห้องน้ำอย่าให้เฝือกโดนน้ำล่ะ” หมอหันไปพูดกับพยาบาลอีกสองสามคำก่อนออกไป เหลือพยาบาลไว้ดูแลผม “คุณอยากเข้าห้องน้ำไหมคะ” ผมส่ายหน้า “ถ้าอย่างนั้นฉันขออนุญาตเช็ดตัวและก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณก่อน เสร็จแล้วจะได้ทานข้าวทานยา” ผมพยักหน้า ปล่อยพยาบาลที่อายุราวๆ สี่สิบกว่าจัดแจงร่างกายผมตามใจชอบ แต่ไม่รู้ทำไม ตอนที่พยาบาลเช็ดตัวให้ผมกลับนึกถึงแต่หน้ายัยเด็กนั่น อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนยัยนั่นจะยินดีขนาดไหนที่ได้ดูแลผมตอนไม่สบาย... อาทิตย์ต่อมา เป็นไปตามที่หมอบอก ร่างกายผมดีขึ้นและเข้าสู่ช่วงทำกายภาพบำบัด ถึงอย่างนั้นก็คงต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ กว่าจะกลับมาแข็งแรงและเคลื่อนไหวตามใจนึกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ช่วงที่ผมพักรักษาตัว งานที่อู่อยู่ภายใต้การดูแลของริกกี้เกือบทั้งหมด จึงไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่ ถ้าจะมีเรื่องกวนใจผมก็มีอยู่เรื่องเดียว คือเรื่องลูก... ผมไม่ได้บอกเรื่องเพนนีกับลูกให้ครอบครัวผมรู้ แม้แต่ยายผมก็กำชับเฮียหมูไม่ให้บอก เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจจะตามมา เอาไว้ให้ผมจัดการได้แล้ว ผมจะเป็นคนบอกเอง “เฮ้อ รู้ไหมว่าแบบนี้มันผิด ให้เฮียพาหนีออกจากโรงพยาบาลเป็นเด็กๆ ไปได้” ภาพนอกกระจกไหลวูบผ่านไปตามความเร็วของรถ ผมมองมันด้วยสายตาว่างเปล่า “ขับๆ ไปเถอะน่า” “ครับเจ้านาย” เฮียพูดเชิงหยอกเย้า “....” “คุณฮอตั้นกลับสวิตซ์แล้วเหรอ” “อืม ขึ้นเครื่องเมื่อคืน” “อ่อ เรื่องคนที่ชนมึงน่ะ สืบรู้แล้วนะ” ผมยังคงมองภาพตึกรามบ้านช่องผ่านกระจกด้านข้างอย่างไม่ยินดียินร้าย “คนขับเป็นต่างด้าว รถที่ขับก็เป็นรถเช่า แต่นั่นไม่สำคัญหรอก เฮียสืบประวัติมาแล้ว ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับคู่แข่งหรือคนน่าสงสัยเลย ทำให้ดูเหมือนอุบัติเหตุได้สมบูรณ์แบบมาก สรุปหามือใครดมไม่ได้” เฮียหมูยักไหล่ รู้สึกเสียเวลาสืบไปเปล่าๆ ผมได้แต่ส่ายหน้าเพราะเคยเตือนเฮียแล้วว่าสืบไปก็ไม่มีประโยชน์ “...ถึงแล้ว ที่นี่ล่ะ บ้านยายนวลภา” เฮียเอ่ยก่อนชะลอรถหน้ารั้วบ้านแล้วลงไปกดกริ่ง ครู่หนึ่งก็มีแม่บ้านเดินออกมาดู เฮียหมูคุยไม่นานแม่บ้านก็กุลีกุจอเปิดประตูใหญ่เพื่อให้รถผ่านเข้าไป “เฮียพูดอะไร” ผมหันไปถามคนที่กลับเข้ามาในรถ “เฮียบอกว่าเป็นเพื่อนริกกี้ มาที่นี่เพราะมีธุระกับเจ้าของบ้าน” เฮียขยิบตา พลางเคลื่อนรถเข้าไปข้างใน ผมมองบ้านสไตล์เรือนไทยที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า บรรยากาศร่มรื่นและสงบเงียบราวกับไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ แม่บ้านนำผมกับเฮียเข้ามาในบ้านซึ่งอยู่ชั้นหนึ่งไม่ต้องขึ้นบันไดให้ลำบาก ที่โถงกลางหญิงชรากำลังนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้นวด ถัดออกไปไม่ไกลมีเด็กวัยขวบเศษกำลังนั่งเล่นของเล่นโดยมีพี่เลี้ยงคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด “คุณท่านคะ มีแขกมาขอพบค่ะ” “ใคร” ยายนวลภาเอ่ยถามโดยไม่ลืมตา “เพื่อนคุณริกกี้ค่ะ” สิ้นคำของแม่บ้าน เปลือกตาเหี่ยวย่นก็เปิดขึ้น มองมายังแขกที่ไม่ได้นัดหมายแววตาช่างเฉยชา “มีธุระอะไร” เสียงนั้นทำให้ทุกสายตาหันมามองแขกผู้มาเยือนไม่เว้นแม้แต่เจ้าตัวน้อยที่กำลังเล่นอยู่ “ปา... ยุง” มือเล็กป้อมชี้มาทางผม เสียงที่หลุดออกจากปากเล็กๆ ทำผมขมวดคิ้ว แม้จะฟังไม่ชัด แต่ก็รับรู้ได้ว่าคำที่ใช้เรียกผมนั้นไม่ถูกต้อง “หืม” ยายนวลภามองผมกับภามครู่หนึ่งและคงรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงพูดออกมาว่า “คนที่เธอมีธุระด้วยจริงๆ คงเป็นตาหนูไม่ใช่ฉัน ฉันพูดถูกหรือเปล่า” ผมกับเฮียหมูส่งสายตาให้กันอย่างไม่ได้นัดหมาย ตอนนั้นยายนวลภาก็หัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่ภามพยายามที่จะมาหาผม ทั้งเดินทั้งคลานทุลักทุเลไปหมดแต่ก็น่าเอ็นดูจนเห็นแล้วทำหัวใจอุ่นวาบ “ดูสิ ท่าทางจะชอบใจน่าดูที่มีคนมาหา” ยายนวลภามองท่าทางกระตือรือร้นของเจ้าหนู พูดไปหัวเราะไป “เอ่อ เชิญนั่งก่อนค่ะ” แม่บ้านเตือนหลังจากที่ปล่อยให้ผมกับเฮียหมูยืนทื่ออยู่พักหนึ่ง เฮียช่วยพยุงผมที่ยังต้องใช้ไม้ค้ำยันมาที่โซฟา ทำให้เจ้าตัวเล็กที่กำลังเดินเตาะแตะเปลี่ยนทิศทางตามไปด้วย “มาสิ” ผมปล่อยไม้ค้ำยันให้เฮียจัดการแล้วยื่นมือข้างที่ยังใช้งานได้ดีไปหาลูก มือเล็กๆ วางแหมะลงบนฝ่ามือผมอย่างไม่หวาดระแวงแม้แต่น้อย ผมรวบร่างเล็กขึ้นมานั่งข้างๆ แล้วหันไปพูดกับยายนวลภาโดยไม่ใส่ใจสายตาประหลาดใจของพี่เลี้ยงกับแม่บ้าน “ขอโทษครับที่มารบกวนกะทันหัน” “หึ เด็กหนุ่มสมัยนี้บ้าบิ่นเสียจริง ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงแจ้งข้อหาบุกรุกไปแล้ว” “ขอโทษครับคุณยาย” เฮียหมูเอามือจับท้ายทอยพลางก้มหัวหงึกหงัก เป็นเชิงขอโทษขอโพย “แต่เรื่องที่ผมเป็นเพื่อนกับริกกี้คือเรื่องจริงนะครับ พวกผมไม่ใช่คนน่าสงสัยอะไรหรอก ที่มานี่ก็แค่อยากมาหาหลานเท่านั้น” “ดูเหมือนความเกี่ยวข้องของพวกเธอกับตาหนูจะซับซ้อนกว่าที่คิดนะ ถึงกับต้องแอบมาหาเอาตอนที่แม่ตาหนูเผลอน่ะ” ผมไม่ได้พูดตรงๆ ว่าเกี่ยวข้องยังไงกับเจ้าหนู แต่คนที่มีสายตาเฉียบคมแบบยายนวลภาคงดูออกตั้งแต่แวบแรกที่มองผมกับเจ้าหนูแล้ว “ถ้าไม่ทำแบบนี้ผมคงไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เด็กคนนี้ รบกวนคุณอย่าบอกเพนนีเรื่องผมได้หรือเปล่า” “ฉันเห็นเพนนีตั้งแต่อุ้มท้องจนกระทั่งคลอด ถึงภายนอกจะเข้มแข็งแต่ฉันดูออกว่าเด็กนั่นกำลังเจ็บปวดที่ต้องอุ้มท้องตามลำพัง... ตลอดเวลาที่ผ่านมาหายไปไหนล่ะ โผล่มาตอนนี้ไม่คิดว่ามันสายไปแล้วเหรอ” “ผมยอมรับว่าคิดน้อยไปเรื่องเพนนีกับลูก ถ้าตอนนั้นผมใส่ใจมากกว่านี้เรื่องราวคงต่างออกไป แต่มาพูดตอนนี้ก็เหมือนแก้ตัว ผมไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเพราะยังไงก็เป็นสายเลือดผม” “แล้วเธอคิดว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในความคิดเธอล่ะ” คำถามของยายนวลภาแต่ละคำนั้นไม่ปรานีผมเอาซะเลย แต่ขอแค่ไม่ขับไล่ไสส่งผมเหมือนคนที่บ้านเพนนีผมก็ซาบซึ้งใจแล้ว ผมครุ่นคิดแล้วมองหน้าลูก เจ้าหนูก็กำลังมองตอบผมตาแป๋วเช่นกัน คิดไปคิดมาหน้าตานี่ก็ดูคล้ายผมอยู่หลายส่วน รู้สึกเหมือนกำลังมองตัวเองในร่างเด็กอยู่ยังไงยังงั้น ในเมื่อเจ้าหนูเหมือนผมมากขนาดนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ผมอยากให้เจ้าหนูก็คือความรักและเอาใจใส่ในฐานะพ่อคนหนึ่ง “ผมอยากให้ลูกมีพ่อ” ผมเอ่ยตอบคำถามของยายนวลภาที่ถามค้างเอาไว้ เมื่อได้ยินดังนั้นยายนวลภาก็กระตุกยิ้มราวกับกำลังมองละครฉากหนึ่งพลางทำเสียง ‘หึ’ ในลำคอ คล้ายกำลังเยาะหยันคำพูดของผมอยู่ “ถ้าเด็กมันไม่มีพ่อมันจะเกิดมาได้ยังไง” ผมไม่รู้ว่าควรตอบกลับคำพูดเหน็บแนมนั่นยังไง ไม่ใช่ว่าเถียงไม่ออก หรือหวั่นเกรงจนไม่กล้าเถียง แต่กลัวว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้ยายแกโกรธจนไล่ตะเพิดผมออกจากบ้านแล้วจะซวยไม่ได้เจอหน้าลูกง่ายๆ แบบนี้อีกน่ะสิ ดีที่สุดที่ผมทำได้คือเงียบตอบ ก้มหน้าเล่นหัวกับเจ้าหนูทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD