“ค้นอีกรอบ ค้นให้ทั่ว เมื่อครู่มีคนเห็นจริง ๆ ว่าสตรีสวมชุดขาวเข้ามาในนี้” เซาเจ๋อสั่งการเสียงเฉียบ
เมิ่งเยียนที่เตรียมจะเผ่นอีกครั้งถึงกับต้องหยุดฝีเท้าตนเอง เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกเหมือนว่าพวกเขากำลังเดินมาที่ห้องนี้
แล้วหญิงสาวก็สะดุ้งตกใจ เมื่อเหลือบไปเห็นว่ามีบุรุษแปลกหน้านั่งอยู่ในห้องด้วย
เสียงฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมิ่งเยียนต้องทำอะไรสักอย่าง นางเม้มปากแล้วกลั้นหายใจ
สตรีสวมชุดแดงก้าวยาว ๆ ตรงไปยังบุรุษที่สวมชุดม่วงคนนั้น สีหน้านางดูจริงจังและเคร่งขรึม สองมือเผลอจิกกำเข้าหากันแน่น
บุรุษผู้นั้นวางจอกสุราในมือลง เขาเงยหน้าสบตาสตรีในชุดแดงแสนเร่าร้อน ดวงตาเขาค่อย ๆ ขยายเบิกกว้างจนลูกตาแทบถลน เมื่อจู่ ๆ หญิงสาวชุดแดงนางนั้นคุกเข่าลงตรงหน้า มือเรียวของนางวางอยู่บนหน้าขาเขา แล้วก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลงไปใกล้สิ่งนั้น...
ปึง!
และเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
สวีป๋อหย่าตื่นตกใจกับการกระทำของสตรีชุดแดง เขามาหอนางโลมก็จริง แต่ไม่ได้ต้องการเพื่อเรื่องอย่างว่า อีกอย่างก็ได้บอกกับซุนเหนียงเอา ไว้แล้ว เขาเพียงต้องการหาสตรีที่ฉลาดเฉลียวและไหวพริบดีสักคน เพื่อมาแต่งเป็นภรรยาปลอม ๆ ให้เขาสักครึ่งปี ท่านแม่จะได้เลิกจับคู่เขากับเหวินโหรว
สวีป๋อหย่าพยายามดันไหล่หญิงสาวออก ทว่านางกลับขืนตัวเอาไว้ ชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก มือสั่นและหัวใจเต้นรัว
เซาเจ๋อที่เสียมารยาทเปิดประตูเข้ามาถึงกับผงะ เขามองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ทว่าไม่นานสีหน้าเขาก็เรียบเฉย ก่อนเปลี่ยนมาเป็นยิ้มหยันที่มุมปากแทน
“สวีป๋อหย่า ไม่นึกเลยว่าเจ้าก็ชอบสถานที่รื่นรมย์เช่นนี้ ข่าวที่ว่าเจ้าไม่ชอบสตรี จนคนลือกันไปว่าเจ้าน่าจะชอบไม้ป่าเดียวกัน ข่าวลือพวกนั้นคงไม่จริงแล้วกระมัง” เซาเจ๋อกล่าวประชดประชัน ก่อนเอนกายพิงกรอบประตูท่าทางวอนเท้า
สวีป๋อหย่ายังพยายามดันผู้หญิงคนนั้นออกห่าง แต่นางเกาะติดเขาอย่างกับปลิง ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกหายใจไม่ค่อยออก เพราะหลายปีมานี้ เขาไม่เคยต้องใกล้ชิดสตรีเช่นนี้มาก่อนเลย
คิวหนากระตุกถี่เมื่อได้ยินคำพูดเสียดสีนั่น สวีป๋อหย่าเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มหยันกลับเช่นกัน ก่อนกล่าวตอบโต้เสียงเรียบ “ผู้บัญชาการเซ่าก็ยังนิสัยมุทะลุเช่นเดิมไม่เปลี่ยน บุกรุกสถานที่ผู้อื่นอย่างไร้มารยาท เห็นทีนิสัยเช่นนี้คงแก้ไม่หายแล้วกระมัง”
สองหนุ่มจ้องตากันเขม่น
สวีป๋อหย่าและเซ่าเจ๋อนั้น เคยเป็นสหายกัน แต่มีเหตุให้ไม่ชอบหน้ากัน
ครั้งหนึ่ง เซ่าเจ๋อเคยมีใจให้กับสวีเยี่ยนหรง น้องสาวสวีป๋อหย่า เขาวางแผนว่าจะสารถาพความในใจกับนางในช่วงเทศกาลปล่อยโคม เขาถึงกับปิดโรงน้ำชา และจัดเตรียมการแสดงเพื่อให้สาวงามประทับใจ โดยมีสวีป๋อหย่าคอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำ แต่กลับกลายเป็นว่า เขาปิดโรงน้ำชาเพื่อให้สวีเยี่ยนหรงสารภาพความในใจกับคุณชายมู่
สวีป๋อหย่าเองก็ทราบเรื่องน้องสาวกับคุณชายมู่ ทว่าเขาขี้ขลาดไม่กล้าบอกความจริงกับสหาย กลัวเซ่าเจ๋อผิดหวังเสียใจ อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าน้องสาวจะสารภาพความในใจกับคุณชายมู่ที่โรงน้ำชาในวันนั้น
แน่นอนว่าเซ่าเจ๋อผิดหวังเสียใจ แต่เขาเสียใจที่สวีป๋อหย่าไม่ยอมบอกความจริงแก่เขามากกว่า ทำอย่างกับเขาเป็นตัวตลกที่โง่เขลา ไม่แน่เจ้าสวีป๋อหย่าอาจคอยหัวเราะเยาะลับหลังเขาอยู่ก็ได้
กลับกลายเป็นว่าตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองก็มักมีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาตลอด ช่วงแรกสวีป๋อหย่ายอมเซ่าเจ๋อมาตลอด เพราะเขารู้ว่าตนเองก็มีส่วนผิด แต่นานวันเข้า เขาก็เริ่มทนความไร้มารยาทของเซ่าเจ๋อไม่ไหวเช่นกัน
“นายท่าน ตอนนี้แขกของข้าต่างก็ตื่นตกใจกันใหญ่แล้วนะเจ้าคะ” ซุนเหนียง เจ้าของหอซือเซียนรีบเดินเข้ามาหาเซ่าเจ๋อ นางแสดงสีหน้าท่าทางไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะตอนนี้แขกของนางหวาดกลัวกันหมดแล้ว “ท่านค้นจนทั่วแล้วมิใช่หรือ ในเมื่อไม่มีอะไร ท่านก็ควรพาคนของท่านกลับไปได้แล้ว”
เซ่าเจ๋อไม่พูดอะไรแม้ครึ่งคำ เขาจำต้องล่าถอยในที่สุดเมื่อลูกน้องมารายงานว่าไม่เจอแม่นางชุดขาวนางนั้นเลย ก่อนไปเขาแอบเหลือบมองสตรีชุดแดงคราหนึ่ง ไม่ได้นึกสงสัยอะไร คิดว่านางคงอายจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
“ขอโทษคุณชายด้วยเจ้าค่ะ” เมื่อเซาเจ๋อและพวกออกไป ซุนเหนียงก็รีบหันมากล่าวขอโทษขอโพย
สวีป๋อหย่าโบกมือ เขารู้สึกอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อย ซุนเหนียงจึงได้แต่ส่งยิ้มแหย ก่อนก้มหน้าแล้วเดินจากไป โดยไม่ลืมปิดประตูให้อย่างเบามือ
ทันทีที่ประตูห้องแดงปิดลง สวีป๋อหย่าก็กระโดดขึ้นไปยืนบนเตียง เขาขมวดคิ้วแน่น ก้มปัดเสื้อผ้าตนเองคล้ายว่ารังเกียจที่ถูกสตรีผู้นั้นแตะเนื้อต้องตัว
เมิ่งเยียนที่เงียบมานาน นางถอนหายใจโล่งอกแล้วรีบลุกขึ้น ย้ายก้นไปนั่งที่บนเตียงโดยไม่สนใจชายอีกคนในห้อง นางนวดเข่าตนเองเบา ๆ คุกเข่านานจนเข่าด้านหมดแล้วกระมัง
“เจ้า! บังอาจนัก” สวีป๋อหย่าก้มหน้ามองสตรีชุดแดงแล้วชี้นิ้วไปที่นางด้วยความไม่พอใจ ใบหน้าเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เมิ่งเยียนเงยหน้าขึ้นมอง เห็นสีหน้าท่าทางของเขาแล้วนางก็เหยียดยิ้มออกมา เมื่อครู่นางได้ยินเจ้าหน้าที่หน้าหยกคนนั้นกล่าวว่า เขามีข่าวลือว่าน่าจะชอบไม้ป่าเดียวกัน บวกกับท่าทางตอนนี้คงจะจริงอย่างที่กล่าว ไม่ใช่ข่าวลือ
เมิ่งเยียนไม่ได้รังเกียจที่เขาชอบผู้ชายด้วยกันเอง นางมีความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่น ความรักสำหรับนางไม่จำเป็นต้องเป็นชายกับหญิงเพียงอย่างเดียว
จากยิ้มหยันก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทันที นางลุกขึ้นยืนตัวตรง แล้วก้มศรีษะให้เขาอย่างนอบน้อม “ขอโทษคุณชายกับเรื่องเมื่อครู่ด้วยเจ้าค่ะ ข้าเสียมารยาทไปแล้ว เผอิญพึ่งนึกได้ว่าน่าจะมาผิดห้อง เช่นนั้นข้าขอตัว” พูดจบนางก็ลุกขึ้นเตรียมเผ่น
สวีป๋อหย่าได้แต่มองตามหลังนางอย่างงุนงง
ในจังหวะนั้นเอง หลี่อวี้ก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทางตื่นตกใจ เขาตั้งใจจะมาดูว่านายน้อยของเขาเป็นอะไรหรือไม่ เมื่อครู่ได้ยินพวกนางโลมคุยกันว่าเกิดเรื่องที่ห้องของนายน้อย
หน้าหลี่อวี้ขึ้นริ้วแดงเพราะดื่มมา เขาเพียงดื่มฆ่าเวลาระหว่างรอนายน้อยทำธุระ ตอนนี้จึงยังรู้สึกกรึ่ม ๆ อยู่เล็กน้อย
หลี่อวี้มองตามหลังสตรีชุดแดงที่พึ่งเดินผ่านเขาไป เขารู้สึกว่าคุ้นหน้านางมาก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน จากนั้นหลี่อวี้ก็โพล่งขึ้น “เจ้า! สิบแปดมงกุฎที่ผู้บัญชาการเซ่าต้องการตัวนี่”
เมิ่งเยียนสะดุ้งทันที เหมือนร้อนตัวอย่างไรอย่างนั้น นางโต้ตอบทันควันไปว่า “เหลวไหล! เจ้าเมามากแล้ว คงจำคนผิดแล้วกระมัง”
“นี่ ๆ ข้ามีหลักฐาน” หลี่อวี้ที่เริ่มโอนเอนไปมาไม่ยอมแพ้ เขาเดินขึ้นหน้าขวางทางนางไว้ ก่อนล้วงเอาม้วนภาพเหมือนจากอกเสื้อที่ได้รับจากคนของทางการเมื่อครู่ เขาคลี่ม้วนภาพออก แล้วมองภาพตรงหน้าสลับกับหน้าหญิงสาวชุดแดง “นี่คือเจ้าชัด ๆ นายน้อย นางเป็นสิบแปดมงกุฎ!”
สวีป๋อหย่าถลึงตามองสาวชุดแดง เมื่อคิดย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ที่จู่ ๆ นางก็คุกเข่าทำราวกับจะรังแกน้องชายเขา แล้วเมื่อครู่นางก็บอกเขาว่านางมาผิดห้อง
ที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อหลบซ่อนจากเจ้าเซ่าเจ๋อสินะ
ชายหนุ่มรีบก้าวลงจากเตียง เขาคว้าม้วนภาพในมือหลี่อวี้มาดูให้ชัด ๆ “เจ้ากำลังหลบหนีเจ้าคนมุทะลุเซ่าเจ๋ออยู่สินะ” พูดจบเขาก็รีบคว้าแขนนางไว้ เพราะว่านางตั้งท่ากำลังจะวิ่งหนีเขา
“มะ ไม่ใช่! ข้าเป็นนางโลมที่หอซือเซียน ไม่ใช่สิบแปดมงกุฎอะไรนั่นเสียหน่อย”
สวีป๋อหย่าหัวเราะเสียงแหบแห้ง ฟังน้ำเสียงก็รู้ว่านางตกใจจนพูดตะกุกจะกักไปหมด ชายหนุ่มเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ดูแล้วนางน่าจะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้พอประมาณ ไม่อย่างนั้นจะเป็นสิบแปดมงกุฎได้อย่างไร
หลายวันมานี้เขาเสาะหาผู้หญิงที่มีไหวพริบดี ฉลาดเฉลียว แต่ก็ไม่มีใครถูกใจเขาเลยสักคน บางคนก็ดูหน่อมแน้มเหมือนคุณหนู ไม่ก็อ่อนปวกเปียกจนเกินไป
สวีป๋อหย่ากำต้นแขนเมิ่งเยียนแน่น เขากล่าวเสียงลอดไรฟันว่า “ข้าจะส่งเจ้าไปให้เจ้าคนมุทะลุเซ่าเจ๋อ เจ้าว่าดีหรือไม่”
เมิ่งเยียนรู้ว่าเขากำลังข่มขู่นาง แม้กลัวเล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจแสดงออกมาได้ หญิงสาวเชิดใบหน้าขึ้นอย่างถือดี “ก็ไปสิ! พาข้าไปเลย”
สวีป๋อหย่าพยักหน้าแล้วยิ้มพอใจ เขากล่าวให้นางต้องงุนงงว่า “ตกลง! ข้าเลือกเจ้า ให้เจ้าไปเป็นภรรยาของข้า”
เมิ่งเยียนตาโตตกใจ “หา? ท่านว่าอะไรนะ!?”