ตอนที่ 5

1728 Words
เมื่อได้สติจนหายมึนงง เมิ่งเยียนก็กลั้วหัวเราะเสียงใสในลำคอ นางคิดว่าคนผู้นี้ต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ “ท่านพูดอะไรกัน ฟังแล้วช่างน่าขันเสียจริง” สวีป๋อหย่าปล่อยมือจากแขนเมิ่งเยียน เขาเดินกลับไปนั่งที่เตียงด้วยท่วงท่าสบาย ก่อนยกแขนกอดอกแล้วเอ่ยอย่างช้า ๆ ขณะจ้องหน้าหญิงสาวตัวแสบ “เซ่าเจ๋อจะไม่มีทางปล่อยเจ้า ต่อให้เจ้ามุดดินหนีเขา เขาก็จะขุดดินมุดตามเพื่อให้ได้ตัวเจ้า หลายปีมานี้เจ้าเองก็ก่อเรื่องไปทั่ว สร้างความรำคาญใจให้เขาไม่น้อย เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเขาแอบตามสืบเรื่องของเจ้าอยู่นานหลายปี เขาต้องลำบากไม่น้อยเพื่อตามตัวแสบที่ชอบสร้างความรำคาญไปทั่วเช่นเจ้า หากครั้งนี้เซ่าเจ๋อได้ตัวเจ้าไป ข้าเชื่อว่าเขาจะส่งตัวเจ้าไปยังคุกหลวง และเจ้าจะไม่มีวันได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย!” สวีป๋อหย่าไม่ได้ตั้งใจจะข่มขู่นาง ไม่รู้ว่านางไปทำอะไรผิดร้ายแรงมาหรือไม่ แต่เขาเองก็พอจะรู้นิสัยและสันดานของเซ่าเจ๋อ ถึงขนาดพาคนของตนมาบุกรุกสถานที่ของผู้อื่นอย่างไร้มารยาทโดยไม่มีป้ายคำสั่งเช่นนี้ แสดงว่าเขาจริงจัง และจะไม่มีวันปล่อยนางไปง่าย ๆ แน่ เมิ่งเยียนยอมรับว่า เมื่อได้ฟังคำขู่ของชายผู้นี้แล้ว นางก็รู้สึกใจคอไม่ดีอยู่หน่อย ๆ หญิงสาวลอบกลืนน้ำลาย ก่อนถามเขากลับอย่างสงสัยว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่ท่านเลือกข้าเป็นภรรยาด้วยเล่า” “ข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเราอย่างไรล่ะ ข้าช่วยเจ้า ไม่พาเจ้าไปให้เซ่าเจ๋อ แลกกับเจ้าต้องมาเป็นฮูหยินกำมะลอให้ข้าสักครึ่งปี อีกอย่างหลังจบงาน ข้าเองมีสินน้ำใจจะมอบให้เจ้าจำนวนหนึ่ง แล้วหากเจ้าอยากหนีไปยังแคว้นอื่น เขาก็ยินดีจะช่วยเหลือ เจ้าลองคิดดู ว่าเจ้ามีแต่ได้กับได้” สวีป๋อหย่าพูดอย่างจริงจัง คนอย่างเมิ่งเยียน พอได้ยินคำว่า ‘เงินจำนวนหนึ่ง’ คอนางก็ตั้งตรงขึ้นมาทันที จู่ ๆ หญิงสาวก็มีท่าทางลุกลี้ลุกลนเมื่อพูดถึงเรื่องเงิน เมิ่งเยียนพึ่งจะคิดได้ว่า ตอนนี้ตนเองได้ทำหีบเงินร้อยตำลึงหายไปแล้ว เพราะมัวแต่หนีไอ้เซ่าเจ๋อ! นางไม่รู้ว่าหลงลืมเอาไว้ที่ไหน ร่างบางในชุดแดงขมวดคิ้วทำหน้าเครียด กอดอกแล้วเริ่มเดินวนไปเวียนมา ก่อนจะหยุดเดินแล้วทึ้งผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่นด่าตนเองอย่างหยาบคาย นางอาจลืมไว้ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่แถวหน้าประตูเมือง หากเป็นเช่นนั้นจริง เจ้าหน้าที่พวกนั้นคงเก็บไปแล้ว! เงินร้อยตำลึง...สามารถตั้งหลักได้เลยนะ! เมิ่งเยียนหยุดเดินและเลิกฟุ้งซ่าน นางหันไปสบตาชายที่นั่งอยู่บนเตียง ดวงตาของนางก็แน่วแน่ขึ้นมาทันใด “ที่ว่าจำนวนหนึ่ง ท่าน...จะให้ข้าเท่าไรหรือ” ยอมรับอย่างน่าไม่อาย ว่านางต้องการเงินมากตอนนี้ สวีป๋อหย่ายิ้มมุมปาก “หนึ่งพันตำลึง” “หนะ...หนึ่งพันตำลึง! ท่านพูดจริงหรือ” เมิ่งเยียนตาลุกวาวเป็นประกาย ตื่นเต้นดีใจจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ “ข้าพูดจริงแท้แน่นอน” ชายหนุ่มเห็นท่าทางดีใจจนปิดไม่มิดของหญิงสาว เขาก็เอียงคอและถามนางยิ้ม ๆ “เจ้าถามเช่นนี้ จะตกลงรับข้อเสนอข้าแล้วใช่หรือไม่” เมิ่งเยียนเหลือบมองหน้าเขาแวบหนึ่ง นางยังไม่ตอบตกลงเขา แต่นางถามเขากลับอย่างสงสัย “แล้วเหตุใดต้องให้ข้าแต่งเป็นฮูหยินกำมะลอด้วยเล่า” ในใจของนางแอบคิดว่า คงเป็นเพราะเรื่องที่เขาไม่ชอบผู้หญิงกระมัง จึงจำต้องแต่งแบบหลอก ๆ แบบขอไปที เพื่อกลบข่าวลือ อีกอย่างดูวัยเขาก็น่าจะมีครอบครัวได้แล้ว “ข้ามีเหตุผลส่วนตัว เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” เมิ่งเยียนพยักหน้า คิดแล้วไม่มีผิด เขาต้องชอบบุรุษ ไม่ชอบสตรี จึงไม่อาจแต่งกับสตรีที่มารดาหาให้ได้ นางมองเขาอย่างสงสารเห็นใจ ส่วนสวีป๋อหย่าก็ได้แต่งงงวยว่าเหตุใดนางถึงมองเขาด้วยสายตาคล้ายเวทนาเช่นนั้น เพียงครึ่งปี แลกกับเงินถึงพันตำลึง แน่นอนเมิ่งเยียนตอบตกลงในใจไปแล้ว นางนึกถึงแต่คำว่า ‘เงิน’ เป็นหลัก ทุกเหตุการณ์ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา นางคิดว่าตัวนางเองและอาเหยามีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง แม้อย่างชิวเฉียดก็ตาม และแน่นอนรวมถึงการเอาตัวรอดจากเจ้าหน้าที่หน้าหยกเซ่าเจ๋อนั้นด้วย เรื่องการหลบหนีเขาถือเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับนาง เมิ่งเยียน “ข้าตกลง แต่ข้ามีข้อแม้หนึ่งอย่าง คือท่านกับข้าต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเรื่องที่เราตกลงร่วมงานกัน ท่านอาจหักหลังหรือเบี้ยวไม่จ่ายข้าขึ้นมา ถึงเวลานั้นข้าจะทำเช่นไรหากไม่มีหลักฐาน” และหากเขาคิดเบี้ยวนางจริง รับรองว่าเขาจะต้องอยู่ไม่สุขแน่! สวีป๋อหย่ากระตุกยิ้ม เขาไม่คิดว่านางจะรอบคอบดีเช่นนี้ “ได้ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา” ทั้งคู่จ้องตากันแล้วส่งยิ้มพราว สวีป๋อหย่าลุกจากเตียงแล้วเดินมาหาเมิ่งเยียน ทั้งสองจับมือกัน เป็นอันตกลงว่าร่วมงานลงเรือลำเดียวกันแล้ว หลี่อวี้ที่ยืนเงียบอยู่นาน ได้แต่ยกมือเกาหัวมองพวกเขาอย่างสับสน แล้วจู่ ๆ เมิ่งเยียนก็มีท่าทีคล้ายจะร้องขอบางอย่าง นางเอื้อมมือไปดึงชายแขนเสื้อกว้างของคุณชายแปลกหน้า ที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แม้แต่ชื่อแซ่ก็ยังไม่รู้ แต่ว่าตกลงร่วมงานกับเขาแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงตกลงง่ายเช่นนี้ ส่วนหนึ่งคงเพราะความรู้สึกกระมัง “มีอะไร” สวีป๋อหย่าเบี่ยงตัวหลบ ขมวดคิ้วหรี่ตามองนาง เมิ่งเยียนฉีกยิ้มจนตาหยี “คือว่านะ..ข้าขอเบิกเงินล่วงหน้าก่อนสักร้อยตำลึงได้หรือไม่” สวีป๋อหย่าไม่อิดออดเลยสักนิด เขาสั่งหลี่อวี้ให้ไปนำเงินมาให้เมิ่งเยียนร้อยตำลึงตามที่นางต้องการ โดยที่เขาไม่ถามสักคำว่านางจะเอาไปทำอะไร เหมือนเป็นการซื้อใจ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมตนเองถึงไว้ใจผู้หญิงคนนี้ง่ายเหลือเกิน ทั้งที่นางก็เป็นสิบแปดมงกุฎ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว เห็นดังนั้นเมิ่งเยียนก็รู้สึกว่าเขาช่างใจป้ำเสียเหลือเกิน นางเองก็ไม่นึกว่าเขาจะกล้าให้นางมาอย่างง่ายดายเช่นนี้ ให้โดยไม่แม้แต่จะถามอะไรเลย เมิ่งเยียนหอบหีบเงินร้อยตำลึงมาที่ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่นางนัดกับอาเหยาไว้ นางต้องการนำเงินก้อนนี้ให้อาเหยา เพื่อให้เขาออกไปรอนางที่เมืองโยวหลันก่อน หลังเสร็จงาน นางก็จะรีบตามเขาไปทันที อาเหยายืนจูงม้าอยู่ใต้ต้นไม้ เขามีท่าทางกังวลอย่างเห็นได้ชัด หนุ่มน้อยชะเง้อคอรอแล้วรอเล่า เขากลัวว่าลูกพี่เมิ่งจะหลบหนีออกจากเซียนเฉิงไม่ได้ “อาเหยา” เมิ่งเยียนเดินเข้าไปทางหลังเขา กระซิบเรียกเสียงเบา อาเหยารีบหันขวับมามอง ทันทีที่เห็นลูกพี่ในชุดสีแดงเด่นตา เขาถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดีใจที่เห็นลูกพี่เมิ่งปลอดภัยดี จากนั้นหนุ่มน้อยอาเหยาก็รีบกระโดดขึ้นหลังม้า กว่าจะแอบมาที่นี่ได้ก็ลำบากไม่น้อย เพราะคนของทางการกำลังออกตามล่าพวกเขา “พี่เมิ่ง พวกเรารีบไปกันเถอะ” เขาเร่ง เมิ่งเยียนส่ายหน้า “อาเหยา ข้าไปไม่ได้” “ทำไม?” อาเหยาขมวดคิ้วไม่เข้าใจ เมิ่งเยียนจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้อาเหยาฟังอย่างละเอียด ซึ่งไม่ไกลนั้น อาเหยาเองเหลือบไปเห็นร่างเงาผู้ชายสองร่างยืนอยู่ไม่ไกลจากที่พวกเขายืน “หากพี่เมิ่งอยู่ที่นี่ ข้าก็จะอยู่ที่นี่เช่นกัน” อาเหยากล่าวเสียงหนักแน่น พวกเขาดื่มเลือดสาบานกันแล้วว่าจะเป็นลูกพี่ลูกน้องจงรักภักดีกันชั่วชีวิต สำหรับอาเหยาแล้ว ลูกพี่เมิ่งไม่ใช่คนอื่นไกล นางเปรียบเหมือนมารดาเขาด้วยซ้ำ แม้นางจะอายุมากกว่าเขาเพียงสามปี อาเหยาคิดสำนึกบุญคุณอยู่เสมอ เพราะหากไม่ได้พี่เมิ่งยื่นมือมาช่วยเหลือในครานั้น เขาคงตายคาแทบเท้าพวกขอทานเจ้าถิ่นไปนานแล้ว “ไม่ได้” เมิ่งเยียนส่ายหน้าปฏิเสธ นางต้องอยู่ในจวนสกุลสวีระหว่างทำภารกิจ นางไม่อาจทิ้งอาเหยาให้อยู่ข้างนอกในเมืองหลวงตามลำพังและยังเป็นสถานการณ์เช่นนี้อีก แม้จะรู้ว่าเขาเอาตัวรอดเก่งก็ตาม “อาเหยา เจ้าเชื่อฟังข้านะ เพียงหกเดือนเท่านั้น แล้วข้าจะรีบตามเจ้าไป” เมิ่งเยียนตบไหล่ปลอบใจอาเหยา เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสลดและดื้อดึงของอีกฝ่าย อาเหยาดื้อดึงอยู่นาน สุดท้ายหนุ่มน้อยก็ยอมเชื่อฟัง “พี่เมิ่ง ท่านดูแลตัวเองดี ๆ ด้วย” อาเหยากล่าวอย่างเป็นห่วง แม้รู้ว่านางสามารถเอาตัวรอดเก่ง ทว่าเขาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี “ได้ เจ้าเองก็เช่นกัน” เมิ่งเยียนรับปากเสียงหนักแน่น อาเหยาพยักหน้า ก่อนฟาดแส้เข้าที่ก้นม้าแล้วรีบตะบึงม้าจากไป หญิงสาวยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ยังไม่ยอมจากไป นางยืนมองอาเหยาควบม้าไปไกล กระทั่งเห็นเขาควบผ่านออกประตูเมืองได้แล้ว โดยที่ยื่นป้ายผ่านทางปลอม ๆ จากนั้นนางจึงค่อยหมุนตัวเดินกลับไปหานายจ้าง หรือนามเขาคือ สวีป๋อหย่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD