3
ร่างหนุ่มร่างใหญ่ที่ลงก้าวเท้าลงมาจากรถพูดอย่างหัวเสีย ใบหน้าเขาบึ้งตึง ขณะตวัดสายตาเจ้าเสน่ห์มองกายบอบบางตั้งแต่หัวจรดปลาย ก่อนจะยิ้มเหยียดๆ
แม้มองอย่างไม่ตั้งใจ แต่เขากลับจดจำรายละเอียดของสาวน้อยตรงหน้าได้ดี ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโก่ง ดวงตากลมโตราวกับตากวาง จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อชวนมอง
นราวดีมองชายตรงหน้าอย่างหวั่นไหว หัวใจเต้นตุ่มๆ ต่อมๆ เธอคุ้นตาเหมือนกับเคยเห็นชายหนุ่มมาแล้ว ก่อนจะนึกออก เขา...คืนผู้ชายคนที่เพื่อนข้างห้องให้ความสนใจอยู่นั่นเอง
"นี่เธอ เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมถามแล้วไม่ตอบ" ชายหนุ่มเจ้าของรถถาม ขณะมองดูรถ มีรอยถลอกหรือบุบสลายบ้างหรือเปล่า
“ปะเปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร คุณเบรกทัน” นราวดีตอบอย่างอายๆ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันควัน เมื่อได้เจอกับหนุ่มในฝันของใครหลายๆ คนอย่างใกล้ชิด ซึ่งเธอเองก็เป็นคนหนึ่งในนั้นด้วย
“ก็ดี”
“คะ” นราวดีเอียงคออย่างสงสัย
“ก็ดีที่เธอไม่เป็นไรไง ฉันจะได้ไปเสียที” ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตู ขณะจะก้าวขึ้นรถก็เผอิญนึกอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาที่มีประกายหวานอยู่เป็นนิจแวมวาวขึ้นเล็กน้อย
“ลืมไป...ฉันหวังว่าเธอคงจะไม่คิดเรียกร้องค่าเสียหายอะไรนะ เพราะคนที่ผิดนะเป็นเธอไม่ใช่ฉัน”
ดวงตากลมโตมีประกายไฟขึ้นมาอย่างฉับพลัน น่าตาก็หล่อดีหรอกนะ แต่รู้สึกว่าจะปากเสียไปหน่อย
“ค่ะ” ฉันเข้าใจดีว่า คนรวยอย่างพวกคุณ คิดว่าคนจนเดินข้างถนนชอบหาเงินทางลัด แต่ก็ไม่ใช่คนอย่างฉันหรอกค่ะ เสียแรงว่าหน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก แต่พูดแต่ล่ะคำเหมือนพกหมาอยู่ในปาก ท่าทางและสายตานั่นอีก น่าเกลียดจริงๆ
นราวดีมองใบหน้าและท่าทางขี้แอ๊คของชายตรงหน้าอย่างขัดอกขัดใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดตามที่ใจคิดออกไปได้แต่รับคำสั้นๆ เสียงเบาหวิวจนคนฟังแทบจะไม่ได้ยิน
“ค่ะ ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไรจากคุณ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณเสียเวลา ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน”
“ก็ดีจะได้ไม่เปลือง...น่าจะไปเสียตั้งนานแล้ว จะได้ไม่เสียเวลา” พูดจบชายหนุ่มก็ก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างไม่ใส่คนที่ยืนอยู่ นราวดีตกใจแทบจะกระโดดหนีรถแทบไม่ทัน
เสียดายความหล่อจัง ถึงจะหล่อแต่นิสัยแบบนี้ ขออย่าให้ได้พบได้กันอีกเลย หวังว่าชาตินี้เราคงไม่โชคร้ายต้องเจอะเจอกับผู้ชายคนนี้อีกนะ
หญิงสาวมองตามรถคันใหญ่จนลับหายไปจากสายตา ก่อนเธอจะเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์เสีย โลกคงจะไม่กลมขนาดให้คนอย่างเธอได้เจอกับชายหนุ่มรูปหล่อ มีฐานะและชาติตระกูล แต่นิสัยและปากเสียอย่างเขาคนนั้นอีก
“ว่าไงเจ้าเหมียว เรากลับบ้านกันดีกว่านะ แกจะได้กินนมด้วย” นราวดีพูดกับเจ้าแมวเหมียวตัวน้อยที่ขบกัดและเลียนิ้วชี้เธอจนเปียกชุ่ม
ปฐพีขับรถออกไปอย่างหัวเสีย เมื่อครู่เขาก็โดนแม่ด่ามาเป็นกระบุงโกย เรื่องที่ยอมให้เนตรดาวไปเรียนต่อแทนที่จะหมั้นและแต่งงานกับเขา ไหนจะเรื่องที่ผู้หญิงหลายรายพยายามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาและครอบครัว บางคนถึงกับเดินไปแนะนำตัวกับแม่ถึงบ้าน ทำให้ท่านรำคาญใจ ถึงอยากให้เขาหมั้นและแต่งงานกับเนตรดาวไปเร็วๆ จะได้หมดเรื่องหมดราวเสียที
เขายังเกือบจะขับรถชนคน แต่จะว่าไปผู้หญิงเมื่อครู่นี้ก็ดูน่ารักดี ไม่รู้ทำไมเขาถึงจำลักษณะของผู้หญิงคนนั้นได้แม่นยำนัก ดวงตากลมโตเหมือนกับตากวาง ปากนิดจมูกหน่อย แถมปากรูปกระจับนั่นก็แดงอมชมพูระเรื่อน่าจูบชะมัด รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม เสียอย่างเดียวดูท่าทางจะซุ่มซ่ามไปหน่อยถึงได้เดินมาชนรถเขา นี่ถ้ารถเป็นรอย เขาคงจะหาเรื่องเรียกค่าเสียหายเป็นตัวเสียเลย
ตื๊ดๆ ตื๊ดๆ
ชายหนุ่มควานหาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นสายของใคร เขาจึงเลือกที่จะไม่รับ เพราะอีกครู่ก็ได้เจอกันแล้ว ไม่นานอารมณ์ที่ปะทุอยู่ก็จะได้ระบายออกด้วยร่างอวบอิ่มเต่งตึงและเต็มไม้เต็มมือของหญิงที่โทรมา...แก้วกัลยา
เพียงแค่คิด ร่างกายเขาก็ตื่นตัว อยากที่จะถึงห้องทำงานเร็วๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปความอยากที่มีหดหายไปไม่มีเหลือ เมื่อได้ยินเสียงทักทายและเห็นใบหน้าบึ้งตึงราวกับโกรธใครมาสักสิบชาติของแก้วกัลยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานสีดำตัวใหญ่
“ทำไมดินไม่รับโทรศัพท์ รู้ไหมแก้วกดโทรศัพท์จนมือหงิกแล้วนะ”
หญิงสาวร่างอวบอิ่มลุกขึ้นยืน สองมือเท้าสะเอว ใบหน้าบูดบึ้ง ดวงตาเล็กหยีเป็นสีแดง ปากสีแดงจัดราวกับเลือดกำลังจะถึงปลายจมูก
“ดินอยู่กับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม บอกแก้วมานะ บอกมา...” แก้วกัลยาวิ่งเข้ามาร่างใหญ่ พลางทุบอกกว้างอย่างที่ตัวเองคิดว่าน่ารักสุดๆ ในสายตาปฐพี แต่เธอไม่รู้เลยว่าทำให้เขารำคาญ เมื่อได้ยินเสียงดังอู้อี้ราวกับเด็กกำลังร้องไห้คร่ำครวญจะเอาอะไรสักอย่างจากพ่อแม่
“ปล่อยน่าแก้ว น่ารำคาญ” ปฐพีดันตัวแก้วกัลยาออกห่าง ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงมีแต่เรื่องให้หงุดหงิดใจ
แก้วกัลยาหยุดและเงยหน้าขึ้นมองปฐพี ปกติเวลาเธอทำอากัปกิริยาแบบนี้ เขาจะต้องงอนง้อขอโทษ ให้เงินไปซื้อของหรืออะไรสักอย่างที่เธอพอใจ แต่คราวนี้เขากลับทำเสียงรำคาญและผลักตัวเธอออกห่างด้วย
“หมายความว่าไงคะดิน ที่เมื่อกี้ไม่รับโทรศัพท์แก้ว เพราะดินอยู่กับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม บอกแก้วมานะ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” แก้วกัลยายกมือทุบไปบนอกกว้างอย่างแรงหลายครั้ง
“บอกแก้วมานะดิน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร บอกมา”
“หยุดได้แล้วแก้ว อย่ามาทำนิสัยเด็กๆ ที่นี่ ผมไม่ชอบและเธอก็ไม่มีสิทธิ์ เรารู้กันตั้งแต่แรกแล้วว่าคบหากันในฐานะอะไร อย่า...มาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของฉัน!”
ปฐพีดันร่างแก้วกัลยาออก เขาเดินไปนั่งบนเก้าอี้สีดำตัวใหญ่ ยื่นมือไปคว้าแฟ้มงานมาเปิดดูเป็นการตัดความรำคาญ บ้าจริง วันนี้มีแต่เรื่องกวนใจเขาไม่ได้หยุดหย่อนเลย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอกลับไปก่อนนะแก้ว ฉันจะทำงาน”
ปฐพีมองแก้วกัลยาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะหายไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะว่าไปแล้วแก้วกัลยาถือว่าเป็นคู่ควงที่ตอนคบกันใหม่ๆ เขาก็บอกแล้วว่าความสัมพันธ์นี้เป็นไปตามความพอใจของแต่ละคน ไม่มีข้อบังคับผูกพัน หากใครเจอคนที่ใช่ก็ให้มาบอกกัน ระยะเวลาไม่จำกัด หากตอนนี้ระยะเวลาไม่ถึงสามเดือน หญิงสาวเริ่มออกลายเรียกร้องจะเอาโน่นเอานี่จนเขาเริ่มจะเอือมระอาแล้วจริงๆ
เขาเบื่อกับความเรื่องมาก ชอบเอาแต่ใจของแก้วกัลยาที่ชอบให้งอนง้อด้วยคำพูดหวานๆ และข้าวของราคาแพง เขาไม่ใช่คนที่ง้อผู้หญิงได้นานๆ เสียด้วย จะเสียดายก็ตรงลีลาบนเตียงที่แก้วกัลยาช่างสรรหาวิธีทำให้เขาถึงจุดสุดยอด หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นที่ทำให้เขาเริ่มคิดที่หาผู้หญิงคนใหม่มาแทนแก้วกัลยา
สาวน้อยท่าทางบอบบางน่าทะนุถนอมแวบเข้ามาในสมองปฐพีที่ทำให้เขาเผลอยิ้มอย่างไม่ทันรู้ตัว
แก้วกัลยาทำท่าทางฮึดฮัด เมื่อเห็นปฐพีไม่สนใจที่จะงอนง้อขอคืนดี เธอเลยปรับกิริยาใหม่ ทำตัวน่ารักเพื่อจะต้องดึงความสนใจของปฐพีให้กลับมาสนใจเรือนร่างอันอวบอิ่มที่พร้อมจะมอบความสุขให้เขาอย่างไม่มีวันที่จะลืมได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่กับใครผู้หญิงคนไหนปฐพีจะต้องนึกถึงแต่เธอคนเดียวเท่านั้น
“ดินขา...แก้วขอโทษนะคะคนดี แก้วโมโหมากไปหน่อย ดีกันนะคะ” หญิงสาวลากไล้ปลายนิ้วไปบนลำแขนแข็งแกร่งจนถึงลำคอ ก่อนจะโน้นใบหน้าลงไปแตะปากนุ่มกับแก้มสาก