12 - ปัญหามันเกิดจากใคร
ที่บ้านใบข้าว
“ทำไมสิ่งที่ผมสั่งมันไม่ตรงกับที่ผมต้องการครับ”
ใบข้าวนั่งเล่นเกมอยู่ในบ้านระหว่างรอพี่เชอเบลล์ออกไปทำธุระและบอกว่าจะออกไปซื้อของหลังจากทำธุระเสร็จ ผมเองก็อยากกินอะไรเย็น ๆ มีคาเฟอีนสักหน่อย ตัวผมจะเด็กแต่ของแบบนี้ก็ถือว่าคุ้นเคยแล้ว อะไรที่ห้ามผมก็ทำเหมือนปกติไม่รู้ตัวอยู่แล้ว ผมเห็นว่าพี่แยกน้ำแยกของที่ใส่ในแก้วมาอย่างดีมันก็พอเข้าใจแล้ว แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือเอาของที่ผมไม่ชอบมาทำไม
“ผมไม่กินไข่มุกพี่ก็รู้”
เชอเบลล์รู้สึกเหมือนกำลังจะโดนต่อว่า ฉันเองก็จดทุกอย่างลงในกระดาษแล้วแต่ว่าฉันผิดพลาดตอนไหนก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ฉันหยิบกระดาษมาอ่านอีกที อ่านทุกบรรทัดให้ครบที่เขียนพบว่าช่วงนั้นมีผู้ชายเข้ามาคุยด้วย แล้วช่วงที่เขียนก็ดันหยิบกระดาษผิด คิดว่าเป็นกระดาษเปล่า เขียนเติมมาขนาดนี้ฉันลบออกไปแล้ว แต่น่าจะผิดพลาด อีกอย่างเขียนกากบาทไข่มุกแต่ว่าพนักงานคงรีบจนไม่ได้ดู
“พี่พลาดเองแล้วพี่ก็ลบแล้ว...”
“พี่เชอเบลล์บ้าเหรอ เขียนปากกาแต่เอายางลบดินสอลบ” ผมไม่พอใจเลยเพราะมันไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก รอบก่อนผมสั่งผัดไทยผมไม่กินถั่วงอก ใส่มาทำไมก็ไม่รู้ การเอาของที่เกลียดให้คนแบบผมถือว่าไม่มีมารยาทที่สุด
“มีอะไรอะเชอเบลล์”
“พี่ประทัด ผมว่าพี่เชอเบลล์เขาไม่เข้าใจภาษาไทย ผมสั่งอะไรแล้วเอามาตรงใจผมไม่ได้” ผมหยิบกระดาษที่ผมให้พี่เขาเขียนในสิ่งที่ผมต้องการ ผมให้พี่อ่านทุกบรรทัดไปเลย ผมไม่ได้บอกคำว่าไข่มุกสักคำ เขียนมาตอนไหนก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ตัวส่งให้พนักงานกลายเป็นว่าเธอสมองช้าไปแล้ว
“ไข่มุกมายังไง”
“ฉันขอโทษค่ะ ผิดพลาดทางเทคนิคแล้ว...”
“ไม่เป็นไรครับพี่เชอเบลล์ ผมแบ่งให้ก็ได้แต่ที่ผมใส่คือน้ำมันตับปลาและวิตามินบีนะจะได้ให้ฤทธิ์ชาเพิ่มความฉลาดบ้าง”
“ใบข้าว”
ประทัดเองดูไม่ค่อยพอใจที่น้องของผมชอบมีปัญหากับเชอเบลล์ เขาคงไม่พอใจที่ผมเปลี่ยนแฟนใหม่ ผมก็บอกไปแล้วไงว่าคนเขามีปัญหาและอยู่ไปด้วยกันคนละเรื่อง ผมถือว่าคนล่าสุดดีแล้วไม่มีปัญหาอะไรให้ผมเดือดร้อน แต่ผมว่าปัญหาน่าจะมาจากน้องตัวเองแล้ว ขนาดมีน้ำใจแบ่งให้ต่อให้โกรธหน้านิ่งก็ยังจะหลอกด่าให้เรื่องมันบานปลายกว่าเดิม ผมต้องสอนบทเรียนกับใบข้าวต่อไปแล้วล่ะ ผมไม่อยากให้น้องผมมีปัญหากับผู้หญิงของผมด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ช่วยอย่าทำตัวเหมือนคนไม่จบการศึกษาภาคบังคับสิครับ”
“แล้วใบข้าวคิดว่าคนที่เรียนจบสูงเขามีนิสัยไม่ดีแบบที่น้องเป็นไหม” ผมพาเชอเบลล์เข้าไปเก็บของพะรุงพะรังที่ถือมาก่อนแล้วพาไปอาบน้ำจะได้ผ่อนคลาย มาเหนื่อย ๆ ผมไม่อยากมาฟังเรื่องเครียดเสียสุขภาพจิต ผมอยากให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน นี่มันไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบแม่ผัวลูกสะใภ้ แต่เป็นแฟนใหม่กับน้องชายผม
เวลาต่อมา
“พี่ว่าใบข้าวไม่มีเหตุผลจะมาหาเรื่องเชอเบลล์นะ เขาไม่ได้ทำอะไรให้น้องไม่พอใจ เดินเข้าบ้านมาวันแรกก็จะประกาศศึกเลยหรือไง” บ้านผมจะมีเซฟโซนในห้องที่เรียกว่าห้องกั้น เหมือนเวลาไปคุยกับผู้ต้องหาผ่านกระจก ผมจึงจัดห้องแล้วปรับใช้ ผมหยิบไมค์ลอยคาดหูออกมาสวมแล้วคุยกับน้องผ่านกระจกใสกั้น ผมอยากให้น้องลดการใช้ความรุนแรงใช้ความคิดในการตอบโต้
“ทำไมล่ะครับ ผู้หญิงที่เข้ามาหาพี่ เข้ามาแล้วก็ออกไป มันก็ไม่ได้จริงใจทุกคนหรอก” ผมรู้มาว่าผู้หญิงคนก่อนของพี่ประทัดเขาเข้ามาเป็นคนดี พออยู่ไปก็ออกลายทำเหมือนมิจฉาชีพ ความคิดเปลี่ยนไปแล้วผมคิดว่าคนล่าสุดจะไม่เป็นแบบนั้นเหรอ
“น้องฟังนะ ผู้หญิงไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกคน เลิกเกลียดเพศแม่เพราะนิสัยเสียคนเดียวได้ไหม”
“เรื่องอะไรผมต้องเลิกต่อต้านล่ะ ผมว่าพี่หยุด Woke เถอะ”
“คนที่กำลัง Woke คือน้องเองนะ แล้วอีกอย่างพี่คิดว่าน้องกำลังติดเกม หมู่นี้พี่ไม่เห็นหน้าเกินแปดชั่วโมงด้วยซ้ำ พี่ว่ามันจะเกินไปแล้วไหม” ผมเองสังเกตมาสักพักแล้วว่าหมู่นี้ใบข้าวหยิบจับโทรศัพท์นานเกินไป ในโทรศัพท์ก็มีประโยชน์ตั้งเยอะแต่เลือกที่จะเข้าเกมมากกว่าเข้าหาความรู้ ผมว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
“คิดว่าพี่ยึดเกมแล้ว ผมจะหาทางไม่ได้เหรอ”
“ในคอมพิวเตอร์อีก อย่าให้พี่ค้นหาประวัติในกูเกิ้ลนะ ต่อให้จะใช้โหมดไม่ระบุตนพี่ก็จะหาให้เจอ” ผมไม่ได้เป็นคนเด็ดขาดจะยึดเกมเพื่อทำโทษมันไม่ใช่วิธีที่ดีเลย ยิ่งทำแบบนี้ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลยิ่งทำใบข้าวต่อต้านหนักกว่าเดิม
“ผมว่าปัญหามาจากพี่มากกว่า หาผู้หญิงฉลาดแต่ตัวเองโง่ไง ถึงแก้ปัญหาห่าอะไรไม่ได้เลย ห้ามผมยังไม่ได้เลย” ผมว่าผมหมดอารมณ์จะคุยเรื่องที่กรอกหูผมทุกวันแล้ว ผมลุกขึ้นโยนหูฟังใส่กระจกให้เกิดเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้พี่ผมคุยคนเดียวไปเลยก็ดี ผมจะได้ส่งพี่ไปหาจิตแพทย์สักเก้าเดือนเท่าเวลาผู้หญิงท้อง
“ใบข้าว...”
ผมเองไม่ได้ขึ้นเสียงเลยด้วยซ้ำ พูดน้ำเสียงปกติแต่ทำไมคนฟังแบบน้องผมคิดว่าคนอื่นกำลังด่า การตีความไม่เข้าใจกันหรือว่าน้ำเสียงเนื้อความชวนทะเลาะทำให้ใบข้าวคิดว่ากำลังโดนด่าทุกครั้ง ผมไม่ได้ชอบใช้ความรุนแรงจะดีจะทำร้ายร่างกายกับน้องตนเอง แต่ทำไมมันไม่ฟังอะไรเลยต่อให้จะไม่ทำร้ายคนนอกบ้านแต่คนในบ้านเหมือนสนามอารมณ์
“ประทัด เราผิดอะไรหรือเปล่า”
ในคืนนั้นฉันเดินเข้ามาในห้องนอนของประทัด นั่งข้างกันสองคนชิดกัน ฉันจับมือเขาและนั่งคุยแบบก้มหน้าเพราะฉันไม่รู้ว่าฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า จนทำให้พี่น้องคู่นี้ทะเลาะกัน ทั้งที่ก่อนหน้าก็ไม่มีปัญหากันพอเข้าบ้านมาเหมือนจะดี แต่พักหลังเหมือนจะแย่ลง
“เชอเบลล์ครับ คุณไม่ผิดอะไรหรอก น้องเราก็เป็นคนเรื่องมาก เวลาไม่ได้ดั่งใจก็อย่างที่เห็น”
“เด็กเดี๋ยวนี้น่ากลัวมากเลยนะ ฉันทำตัวไม่ถูกเลย” จะว่าไปตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยพบเจอเด็กที่มีความคิดและการกระทำรุนแรงทางกายวาจา ขนาดฉันทำผิดพลาดด่าลดไอคิวจนอายุลดตามไปด้วย ฉันพูดตามตรงอย่างกล้ากลัวเพราะคำพูดบางอย่างจะไปกระทบประทัดไม่สบายใจ
“คุณมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ ดีกว่ายื้อความจริงทีหลัง คนเราโง่ไม่รู้ตัวเพราะรู้ความจริงทีหลังนั่นแหละ”
“แล้วคุณเคยยื้อความจริงนานแค่ไหนคะ”
“สำหรับผม...”
คำถามนี้ผมตอบยากเพราะความจริงบางอย่างผมก็มีแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เชอเบลล์รู้แล้วจะรับไม่ได้ ผมเองก็กลายเป็นคนชอบยื้อความจริงไม่รู้ตัวแต่เอาเถอะนั่นมันก็แค่อดีต ปัจจุบันผมไม่มีความลับต่อคนที่รักล่าสุดอยู่แล้ว แต่ทำไมผมพูดแล้วมันสะเทือนใจไปหมด
“เอาเถอะเชอเบลล์ คุณไม่ต้องคิดมากนะ น้องผมผมรู้ดีกว่าคนอื่น เขาจะมีปัญหาอะไรกับคุณเขาไม่ทำร้ายถึงตายหรอก” ผมเองรู้ดีว่าใบข้าวเขาไม่ใช่คนเลือดเย็นฆ่าตายช้า ๆ แล้วเฉือดทีเดียว ยังไงเธออยู่บ้านหลังนี้ผมจะไม่ทำให้เกิดปัญหาแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง
ผมกับเพื่อนรักสองคู่ซี้ม่อนและนอตมานอนดูฟุตบอลอยู่ในห้องนั่งเล่นบ้านผม เปิดจอโทรทัศน์ใหญ่ ๆ ให้มันดูสะใจทั้งคืนไปข้าง ผมเข้าห้องครัวไปอุ่นป๊อปคอร์นชามใหญ่พร้อมน้ำอัดลมมันจะได้กินตลอดการรับชม สุดท้ายพอมันกลับไปผมนี่แหละต้องมาทำความสะอาดบ้านผมทั้งที่มันมาใช้สถานที่แล้วไม่รักษา ต่อไปให้มันไปนอนหลังคาเอาแล้วกัน
“มึงไปรู้จักผู้หญิงคนนั้นได้ไง” ม่อนถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะผมเห็นเพลนส์คุยกับผู้หญิงแปลกหน้า ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าเธอเป็นใครมีความสนิทสนมกันแค่ไหน แต่ถ้าจะบอกว่าเป็นแฟนก็ได้เลยเพราะคนแบบเพื่อนผมมันยังไม่มีเจ้าของ
“กูไม่ได้รู้จักเขา แต่ว่ามีเหตุนิดหน่อย” ผมเองไม่ได้รู้จักผู้หญิงคนนั้นเป็นการส่วนตัว ผมแค่บังเอิญเจอเธอเท่านั้นเอง ผมเจอเธอตอนไปตลาดเช้ากับเดนิช ไม่รู้เหมือนกันว่าชอบกินปาท่องโก๋ขนาดนั้นเลยหรือมาไม่ทันแต่ก็อยากนำกลับไปให้ได้ ผมเห็นความพยายามของเธอมันดูแปลกดี แต่ผมไม่ได้ถามอะไรเขามาก ไม่ได้รู้จักขนาดนั้นกลัวจะลามปาม
“แล้วมึงสนใจเขาไหมล่ะ”
“เห็นครั้งแรกก็จะเอาเลยเหรอ ไม่ใช่เหมือนมึงสักหน่อยไอ้นอต” ผมจะเป็นคนหนึ่งที่เวลาจีบผู้หญิง ผมไม่ใช่พวกหื่นกามเดินผ่านพูดจาลวนลามพร้อมสายตา ถ้าเป็นแบบนั้นผู้หญิงเตะผ่าหมากจนน้องรักผมไปผลิตน้ำให้ใครไม่ได้แล้ว ผมถือว่าผมให้เกียรติผู้หญิงที่สุดแล้ว
“เอาเป็นว่ากูขอพับเครื่องบินกระดาษต่อไปแล้วกัน”
“มึงไม่ขอเฟซขอไลน์ไว้อะ” ม่อนถามและอยากแนะนำให้เพลนส์ได้เจอความรักไม่ใช่พับแต่เครื่องบินกระดาษจนเอาไปแจกเด็กจนติดแทนที่จะมีผู้หญิงมาติดพัน ผมไม่อยากให้มันเฉาตายเรื่องความรักแต่มันดูไม่จริงจังเลย
“ลืม... ไว้เจอกันอีก ค่อยนัดเจอก็แล้วกัน”
ผมหวังว่าผมจะเจอผู้หญิงคนนั้นอีก เวลาไม่แต่งหน้าก็สวยนิดนึงแต่พอแต่งแบบจริงจังบอกเลยว่าสวยดั่งเทพสร้างมาก สวยจนหาข้อเสียไม่ได้แต่ผมยังภาวนาหวังว่าเขาจะโสดอยู่นะ