11 - สวยดั่งเทพสร้าง
ที่บ้านก้านไม้
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าก้านไม้”
โฟร์ทำอาหารด้วยความตั้งใจเมื่อผมได้เนื้อเกรดเอ ผมซื้อมาทำสเต็กและข้าวหน้าเนื้อพร้อมทอปปิ้งเป็นไข่ออนเซ็นและกิมจิ ใจจริงวันนี้ผมจะทำสปาเก็ตตี้เพราะมันเป็นของโปรดของผม แต่ว่าผมลืมซื้อมาน่ะสิ เสียดายเลยแต่เอาเถอะอาหารเต็มโต๊ะก็พออิ่มไม่ได้กินจนลืมตาย
ในขณะที่ช่วงเวลาที่ผมกำลังมีความสุขบนโต๊ะอาหาร ผมเห็นสีหน้าน้องก้านไม้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ผมถามดูก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรทางกาย แต่ทางใจผมไม่แน่ ผมได้ยินว่าไปกับเพื่อนแล้วทำไมสีหน้าเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่ตัวตนร่าเริงเลย สืบทราบมาพบว่าเพื่อนใหม่ดูแปลกไปจนเห็นได้ชัด
“มีแบบนี้ด้วยเหรอ สรุปเขาอยากเป็นเพื่อนจริงไหมเนี่ย”
“เราว่าความชอบก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะเป็นเพื่อนกันเสมอไปนะ” โซดาเห็นก็พอจะตัดสินอะไรภายในท้วงทีได้บ้าง ปกติการคบเพื่อนถ้าเขาอยากจะเข้าหาเราก็คงจะเข้าหาเราด้วยความชอบ แต่ถ้าเราเขาหาเขาแล้วดูจะไม่เป็นมิตร ผมว่าตัดออกไปจะดีที่สุด อีกอย่างแม้ความชอบจะเหมือนกันแต่ยังไม่ใช่เหตุผลมากพอที่จะเข้าหาเป็นเพื่อนอย่างถาวร เพราะความชอบของคนไม่ได้ตรงใจกันทุกเรื่อง
“พี่ว่าก้านไม้จะคบใครเป็นเพื่อน พี่ว่าดูที่คุณภาพมากกว่าปริมาณจะดีกว่า มีเพื่อนเยอะใช่ว่าจะดีเสมอไป” ระหว่างมื้ออาหารผมก็ให้คำแนะนำอย่างดีถึงการคบเพื่อนเพราะวัยนี้ เพื่อนคือบททดสอบในชีวิตและสังคมที่เข้ามาจากร้อยพันครอบครัว มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป แม้ว่าจะหนีไม่ได้แต่ก็ต้องสู้กับคนในสังคมที่นิสัยไม่เหมือนกัน มีความจริงใจปนความหลอกลวง
“ผมเข้าใจแล้วครับ แต่ว่าผมไม่ได้ตัดสินใครง่าย ๆ เพียงแค่เห็นนะครับ ตอนนี้ผมยังดูไม่ออกหรอกว่าใครดีกับผม...” ก้านไม้เองชอบเวลาที่เจอเพื่อนใหม่เพราะผมชอบมีเพื่อนเยอะเวลารวมกลุ่มมันดูเท่ในสายตาทุกคน ตอนนี้ผมมีคนที่สนิทจริงจังอย่างเวกเตอร์ แต่ว่าถ้าเป็นใบข้าวผมยังไม่แน่ชัด ไว้เป็นเพื่อนกันก่อนแล้วกัน
“ก้านไม้ กินเยอะ ๆ นะพี่ตั้งใจทำมากเลยล่ะ”
ผมอยากให้น้องก้านไม้กินอาหารอร่อย ๆ ที่ผมตั้งใจทำเพราะน้องชอบเวลาที่ผมทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินแล้วชมว่าดีจนผมตัวลอย ต่อไปผมจะไปสรรหาสูตรอาหารที่นำมาผสมกันแล้วอร่อยได้อย่างลงตัว ผมเติมอาหารท้องแล้วต่อไปผมต้องเติมอาหารใจเยอะขึ้นเพราะสังคมที่ใหญ่กว่ามีอะไรท้าทายจนเรารับมือไม่ได้เลย ผมเชื่อว่าก้านไม้มีความคิดพอจะแยกแยะได้ต่อจากนี้ไป
วันต่อมา
“มึงถูกใจอันไหนบ้างล่ะ” เพลนส์เปิดร้านเหมือนปกติ และวันนี้ผมให้โซดามาเดินเลือกดูหลังจากมันส่งน้องมาดูลาดเลามองหาขอที่อยากได้มานาน ผมว่ายิ่งมองหากไม่ได้มาจับจองเป็นเจ้าของ สักวันจะมีคนมาซื้อไปแม้ผมจะบอกว่าชิ้นนี้มีคนซื้อแล้ว แต่ถ้าของสต็อกไม่พอหรือมันดีกว่าแบบอื่นเขาก็จะเอาให้ได้เช่นกัน ผมหยิบให้ดูแต่ละกล่องเลยว่าชอบและอยากได้แบบไหน ผมจะให้ราคาพิเศษที่ไม่ใช่เพิ่มมากกว่าเดิม ขณะที่ผมกำลังแนะนำให้มันเกิดอยากได้อะไรอีก ผมชักไม่เข้าใจแล้วล่ะ
“มึงอยากได้อีกล่ะ”
“ไม่รู้ดิ ของในร้านมึงราคาจับต้องได้ทั้งนั้น เห็นเครื่องบินกระดาษแล้วนึกถึงก้านไม้เลย” ผมแอบน้อยใจนะเพราะเครื่องบินกระดาษมันคือตัวแทนของผมแต่กลายเป็นว่ามันเคลมให้น้องก้านไม้แบบนี้ ผมจะเอาให้น้องเป็นคนพับต่อแล้วผมจะได้นั่งรอความรักอย่างเปล่าประโยชน์ไปเลยก็ได้
“ล้อเล่น กูต้องนึกถึงมึงก่อนดิ ยังไงกูขอเลือกดูก่อนนะ”
ผมไม่ได้กดดันให้โซดาเลือกและชำระเงินทันที ผมให้เวลามันเลือกรุ่นที่ชอบหรือสิ่งที่มันต้องการไปพักหนึ่งก่อน ระหว่างนี้ผมจะนั่งตรงเคาว์เตอร์เพื่อคุยกับเพื่อนรักของผมไปก่อน เวลาพวกม่อนมันส่งอะไรให้ผมดู จะต้องเปิดดูและหัวเราะไปด้วยกันเสมอ
“รอนานไหม”
ผมเห็นเวกเตอร์มากับผม ผมยิ้มและทักทายออกจะชอบนะเวลาที่เขามาตรงเวลาเมื่อใครสักคนนัดเวลาทำธุระมา แต่สำหรับใบข้าวผมคิดว่าน่าจะเหตุสุดวิสัยคนเราไม่ได้เก่งและถูกต้องเสมอ มาสายเพราะมีเหตุผลก็ไม่ทำให้ผมมีปัญหาแต่ทำผมน้อยใจไปหน่อย ผมไม่ค่อยชอบให้ตัวเองรอนานเพื่อคนอื่นด้วย มันถือว่าไม่ให้ความสำคัญกับคนตรงหน้า
“ไม่เลยเวกเตอร์ เดี๋ยวไปเที่ยวด้วยกันนะ วันนี้เรามากับพี่โซดา” ผมมากับพี่โซดาตามประสาคนชอบเล่นเกม ผมก็เลยถือโอกาสมาดูของเล่นที่ผมอยากได้ ถ้าถูกใจเงินที่จ่ายไปก็เงินพี่โซดา
“คุยกับใครเหรอ”
เวกเตอร์กำลังเดินเลือกของใน้ร้าน ผมกำลังจะถามว่าชอบหุ่นยนต์สีอะไรหรือว่าอยากได้การ์ดอูโน่ หันมากลายเป็นว่าเพื่อนผมจับโทรศัพท์คุยไลน์กับใครบางคน ผมถามดูไม่ชะโงกหน้าจอเพราะถือว่าของสิ่งนั้นเป็นพื้นที่ส่วนตัวเหมือนห้องนอนของคน
“ทำไมใบข้าวบล็อกเราอะ”
ผมแปลกใจว่าผมไม่ได้ส่งข้อความไปด่าหรือพิมพ์อะไรหยาบคายใส่เขา ผมไม่ได้เป็นคนหยาบคายด่าใครไม่มีเหตุผล ผมกำลังถามว่าว่างไหมสะดวกไหมจะชวนมาร้านของเล่นด้วยกัน กลายเป็นว่าส่งข้อความไม่ไป ไม่อ่านไม่ตอบแสดงว่าเขากดบล็อกผม
“บางทีเขาอาจจะโดนรบกวนเวลาส่วนตัวก็ได้”
“นายหมายความว่าไง”
“คือเราได้ยินว่าใบข้าวเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาที่เขาทำอะไรจริงจัง สมมุติเล่นเกมอยู่แล้วมีใครมารบกวน เขาจะไม่ค่อยชอบยกเว้นจะรู้ตัวเองโดยไม่ต้องมีใครบอก” ผมเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าใบข้าวจะเป็นคนแบบนั้น ผมเองก็รู้สึกผิดเพราะว่าการที่เขาบล็อกผมแสดงว่าคงโดนใครรบกวนอยู่ เขาคงไม่ชอบแต่ถ้าไม่ทักไปถามก่อนแล้วผมจะรู้ได้ยังไง ผมไม่สามารถอ่านความคิดหรือนั่งทางในดูว่าใครทำอะไรตอนนี้
“ช่างเถอะ ไว้เราค่อยไปคุยกับใบข้าวเองละกัน”
ผมไม่รบกวนเวลาของใบข้าวแล้ว ผมค่อยไปคุยกันวันหลังให้เขาปลดบล็อกจะดีกว่า ตอนนี้ผมอยากให้เวลาของผมกับเวกเตอร์ไปได้ดี ผมเข้าไปเดินดูของเล่นและมองหาเครื่องบินกระดาษจะได้สบายใจ
หลังจากนั้น
“หวังว่าพี่โฟร์จะไม่เอามาส่งคืนเพราะพี่ทำตัวไม่น่ารักและเป็นแฟนที่ดีกับพี่เขานะครับ” ผมตกใจไม่รู้ว่าน้องไปเอาคำพูดแบบนี้มาจากไหน ผมไม่ได้มีความคิดอยากนอกใจหรือว่าทำตัวเป็นแฟนที่ไม่น่ารักจนน่าตี ถ้าผมทำตัวไม่ถูกใจ โฟร์จะเอาเกมที่ผมอยากได้ไปคืนให้ที่ร้านเอง ผมไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นสักหน่อย ผมทำตัวเป็นเด็กดีให้โฟร์จนซื้อเกมที่อยากได้แล้ว ถ้าโฟร์อยากได้อะไรมันก็คงมาอ้อนผมอีก
“พี่โซดาครับ เพื่อนผมอยากไปเที่ยวด้วยอะ”
ผมบอกกับพี่โซดาว่าเพื่อนผมอยากไปเที่ยวด้วย ผมอยากไปเล่นเกมที่โซนเกมห้างสรรพสินค้า ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยกาศจากหน้าจอเป็นพวกเกมที่ออกแรงและหยอดเหรียญสนุก ในโซนเด็กคงไม่มีตู้สลอตให้ผมหยอดเหรียญเพื่อเดิมพันลงทุนบาทเดียวได้เป็นสิบ
“ก็ได้ ๆ พี่เอาใจเพื่อนน้องอยู่แล้ว”
วันนี้ผมถือว่าผมได้แต้มบุญดี ๆ ได้ของเล่นและเกมที่ผมอยากได้ เคยขอโฟร์จนมันจะไม่อนุญาต ดีหน่อยที่ผมมีเพื่อนรักเปิดร้านขายของเล่นแล้วมันรู้จักกับน้องก้านไม้ ดีหน่อยผมทางสะดวกได้มันมาอยางภูมิใจ แล้วถ้าโฟร์มันอยากได้ของอะไรอย่ามาคุกเข่าอ้อนผมแล้วกัน
“จัดรายการอยู่ใช่ไหม เดี๋ยวแกล้งโทรไปคุยหน้าไมค์ให้ผู้ฟังได้ยินทั้งประเทศเลยนะ อิอิ”
ที่ร้านกาแฟ
ผมกับเพื่อนรักทั้งสองคนติดกันเป็นปาท่องโก๋ม่อนกับนอต มันเปลี่ยนบรรยากาศให้ผมมานั่งร้านกาแฟเป็นเพื่อนกับมัน ดีหน่อยจะได้ผ่อนคลายบ้างดีกว่าสิงอยู่ที่ร้านของเล่นจนเป็นผีเฝ้าร้านวนเวียนไม่ไปไหน กลิ่นหอมของกาแฟทำให้ผมตื่นตัว ร่างกายต้องการคาเฟอีนมาก แต่ใจผมก็ไม่รู้ว่าติดทำงานในหน้าเวิร์ดได้ยังไง จนเพื่อนผมมันจะพับจอโน้ตบุ๊คผมลงให้ได้
“มึงจะขยันอะไรขนาดนั้น”
นอตมันพับจอผมลงแล้วอยากให้คุยกันตรงหน้า ผมกลายเป็นคนติดจอไม่รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมเห็นแล้วยังอายตัวเองเลยว่าติดจอจนไม่มองคนตรงหน้า นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่มีความรักเข้าหาเพราะติดออนไลน์จนไม่มองคนในชีวิตออฟไลน์
“มึงติดหน้าจอขนาดนี้มิน่าล่ะหาแฟนไม่ได้สักที” ม่อนมันชอบล้อเลียนว่าผมมันไม่มีใครเอา ผู้หญิงชอบผู้ชายแต่ไม่ได้ระบุว่าผู้ชายคนไหนหรือเป็นแบบผม ผมได้ยินแบบนี้ผมร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นสายน้ำแล้ว ชีวิตผมจะไม่มีคนเข้ามาจีบผมจริง ๆ เหรอ จะปล่อยให้น้ำเชื้อผมฝ่อจนไม่มีวันได้ใช้กับใครในชาตินี้หรือไง
“พวกมึงสองคนมีแฟนก่อนกู กูจัดการมึงแน่”
“ไม่กลัวครับ คิ ๆ ๆ กูไม่หลงกลโดนผู้ชายทำผัวหรอก” ผมอยากตบปากมันมากเลยเพราะคำที่มันพูดอยู่คือการ Woke ไม่รู้ตัว ผมบอกแล้วไงว่ายุคสมัยนี้ทุกเพศเท่าเทียมหมดแล้ว ให้เกียรติกันไม่ใช่ให้เกลียดกัน ผมบอกแล้วว่ายุคนี้โชเซียลมันแรง พูดอะไรระวังรถทัวร์มาจอดหน้าบ้านไม่รู้ตัว
“นั่งมานานละจะกินอะไร”
ผมกับเพื่อนนั่งมาพักหนึ่งแล้ว ไม่รู้จะสั่งอะไรอย่างน้อยมานั่งในพื้นที่ร้านเขาช่วยสั่งอะไรให้เป็นมารยาทไม่ใช่มาใช้วายฟายหรือไฟฟ้าฟรีในร้านให้เจ้าของร้านมาไล่เพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในร้านเขา นั่งมาตั้งนานยังนึกไม่ออกอีก ผมจะนั่งพับเครื่องบินกระดาษรอแล้วกัน
“ไอ้นี่ มึงยังไม่ล้มเลิกความพยายามบ้า ๆ อีกเหรอ” นอตเห็นเพลนส์พับเครื่องบินกระดาษมาตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมา พับจนกระดาษเอสี่หนึ่งรีมจะไม่เหลือให้ใช้งานแล้ว ผมไม่แปลกใจเลยว่าทุกวันนี้กระดาษเอสี่หมดไวเพราะมันเอาไปแบ่งครึ่งพับของที่มันพยายามและมีความเชื่อว่าจะพบกับพรหมลิขิตจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังต้องยอมแพ้กับความคิดของเพลนส์
“กูจะไม่ล้มเลิกความพยายามอยู่แล้ว กูจะพับจนกว่ากูจะเจอคนที่ใช่”
บางทีผมกับม่อนก็ไม่เข้าใจเพื่อนรักตรงหน้าเหมือนกันว่ามันไปศึกษาความเชื่อนี้มาจากตำราเล่มไหน ถึงเชื่อว่าการพับเครื่องบินกระดาษจะเป็นเครื่องรางนำพารักแท้มาหาตัวเขาเอง ปกติผมกับม่อนคงเป็นคนไม่เชื่ออะไรงมงายเลยไม่เข้าอะไรตัวมันเท่าไหร่ แต่เอาเถอะความพยายามของมันอาจจะได้ผลในอนาคตก็ได้
ฟริ้วว
“มึงเล่นเป็นเด็กไปได้”
ผมไม่รู้ว่าผมกับม่อนคบเพลนส์เป็นเพื่อนจากอะไร เมื่อก่อนมันไม่ใช่คนชอบทำตัวปัญญาอ่อนติ๊งต๊องตั้งแต่มันพับเครื่องบินกระดาษมา สมองมันหลอนยิ่งกว่ายาเสพติดอีก ต่อไปผมคงต้องพามันไปเช็กประสาทแล้วล่ะว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือไม่
ผมกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์คิดอยู่ว่าจะสั่งอะไร เพลนส์มันพับเครื่องบินกระดาษแล้วโยนไปตามทางในร้าน รบกวนลูกค้าคนอื่น ผมไม่รู้ว่ามันจะพับแล้วมาเล่นอะไรในที่ตรงนี้ ออกจากร้านค่อยไปเล่นที่ลานว่างยังจะดีกว่าอีก
ในขณะนั้นเองมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหน้าต่างห่างจากกลุ่มของเพลนส์ ฉันกำลังนั่งมองทิวทัศน์ริมถนนผ่านหน้าต่างร้านกาแฟ อยู่ ๆ มีอะไรบางอย่างลอยมาตกใส่กระเป๋าเสื้อของฉัน เมื่อหยิบมาดูพบว่ามันคือเครื่องบินกระดาษ ฉันหันไปมองก็ไม่พบใครเป็นเจ้าของ อีกอย่างของแบบนี้จะมาอยู่ในร้านกาแฟได้ยังไง หรือมันอาจจะเป็นของตกแต่งที่ลอยมาพอดีก็ได้ เห็นแล้วแปลกตาเหมือนกัน
“เจ้าของร้านจะทำให้ไหมเนี่ย”
ฉันไม่รู้ว่าสิ่งที่เขียนมา พนักงานจะเข้าใจและยอมทำให้ไหมเนี่ยเพราะบางทีความเรื่องมากของใครบางคนทำให้ฉันปวดหัวเหมือนกัน ฉันเดินออกจากโต๊ะไปสั่งกาแฟและคงไม่ได้สั่งปากเปล่าเพราะเขียนในกระดาษไว้แล้ว
ซ่าาา
เพลนส์ไม่ทันระวังทำน้ำเปล่าหกใส่กระดาษที่เขียนรายการเครื่องดื่มไว้ทำให้หมึกปากกาซึมหายจนไม่เห็นตัวอักษร เพื่อนผมมันโวยวายใหญ่เลยว่าเป็นเพราะกรรมที่ผมชอบพับเครื่องบินกระดาษ เวลาจะใช้งานมันเลยมีเหตุทำให้ผมไม่อยากใช้ ผมบอกเลยว่ามันงมงายมาก ผมเดินไปหยิบกระดาษใบใหม่ที่หน้าเคาว์เตอร์ แต่สายตาผมเห็นกระดาษใบหนึ่งวางพอดี ผมจึงเขียนทันที
“เอ่อ คุณคะ คุณ...”
ผมรีบจนไม่ได้ดูอะไรเลยเหรอ ความกระวนกระวายที่ผมทำน้ำหกใส่กระดาษจนลืมสิ่งที่เขียนไป ทำให้ผมรีบมาเขียนสั่งเครื่องดื่มในกระดาษแผ่นใหม่ซึ่งแผ่นที่ผมเขียนเป็นของผู้หญิงคนนั้น ช่วงที่ผมเดินเข้ามาเธอทำของหล่นลงพื้นก้มเก็บแล้วไม่ได้ดูแลกระดาษแผ่นนั้นให้ดี
“ตายละ ผมขอโทษครับ”
ผมตกใจเพราะเขียนรายการเครื่องดื่มลงไปหลายข้อความแล้วไม่ได้มองว่าเจ้าของกระดาษเป็นใคร ผมเห็นเธอลบด้วยความรนราน รีบขนาดไหนเอายางลบดินสอมาลบปากกา เวลารีบแล้วสมองประมวลผลผิดไปหมด
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ว่าแต่คุณไม่กินไข่มุกเหรอครับ” ช่วงที่ผมกำลังเห็นเธอลนลาน เธอกากบาทคำว่าไข่มุกออก ผมคิดว่าเธอคงไม่กินไข่มุก อาจจะมีเหตุผลที่เป็นความไม่ชอบส่วนตัวก็ได้
“เปล่าค่ะ อันนี้ของน้องค่ะ”
ผมเองเข้าใจว่าเป็นของเธอแต่เปล่าเลยเป็นน้องของเธอ ผมเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากและอีกอย่างผมขอโทษเพราะผมไม่ทันมองว่ากระดาษตรงหน้าเป็นของใคร แต่เอาเถอะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เป็นความผิดพลาดของผมเอง แต่จะว่าไปทำไมเครื่องดื่มสองแก้วแต่เขียนยาวเป็นสิบบรรทัด หรือว่าน้องของเธอจะเรื่องมาก
“ทำไมเขียนยาวจัง ผมนึกว่าจดหมายรัก”
“เปล่าค่ะ รายการเครื่องดื่มนั่นแหละแต่ว่าน้องค่อนข้างเรื่องมาก ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้” ฉันแก้ต่างด้วยความเขินเล็กน้อยและบอกไปว่าน้องคนนี้ค่อนข้างเรื่องมาก เวลาจะทำอะไรก็มีข้อกังขาเยอะมาก หลายคนอาจไม่เข้าใจก็เลยต้องอธิบายให้ฟังสักหน่อย
“ว่าแต่คุณหน้าคุ้นมากเลยนะครับ”
ผมเห็นผู้หญิงคนนี้แล้ว สวยมากต่อให้บุคลิกจะเป็นสาวดุดันแต่เวลาแต่งหน้าทำผมยาวสวยดั่งเทพสร้างราวกับจุติจากสวรรค์มาเกิดบนโลกมนุษย์ ผมเห็นครั้งแรกแล้วละสายตาไม่ได้เลย สวยอะไรขนาดที่ผมใจหวั่นไหวเล็กน้อยแต่ว่าผมคุ้นหน้าเธอมากเลย
“ฉันชอบกินปาท่องโก๋ค่ะ”
“คุณนี่เอง”
ผมพอจะนึกออกแล้ว เมื่อพูดถึงปาท่องโก๋ ภาพผู้หญิงคนหน้าโทรมเล็กน้อยเพราะน่าจะออกมาไม่ไกลเลยไม่ต้องแต่งอะไรมาก วันนี้เธอมาซะผมนึกว่านางฟ้าทำเอาผมคิดว่าเทพสร้างลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ผมเห็นแล้วขอทำความรู้จักสักหน่อย
“ผมเพลนส์นะครับ”
“ดิฉันเชอเบลล์ค่ะ”
เราสองคนแนะนำตัวเพื่อเป็นการทำความรู้จักกัน เพราะฉันบังเอิญเจอเขาตอนไปตลาดเช้าเมื่อไม่กี่วันก่อน แล้ววันนี้บังเอิญเจอกันพอดีก็เลยทักทายกันสักหน่อย แต่ฉันไม่ได้มีเวลามากจึงขอตัวกลับก่อนเพราะฉันทำธุระเสร็จกลัวคนที่บ้านจะรอนาน น่าเสียดายยังไม่ได้คุยอะไรมากก็ต้องไปเสียแล้ว
“ขอตัวก่อนนะคะ”
ผมเองยังไม่ได้คุยอะไรมากมันน่าเสียดายจริง ๆ กำลังได้เจอผู้หญิงสวยแต่ยังไม่ได้คุย ธุระก็มาคุมกำเนิดเสียแล้ว ผมหวังว่าผมจะได้เจอเธออีกล่ะแต่ผมไม่ได้ถามอะไรมากรู้แค่ว่าน้องเขาเรื่องมากอาจจะขั้นสุดเลยก็ได้