13 - ความเรื่องมากที่แก้ไม่ได้
เช้าวันต่อมา
พี่เชอเบลล์ตื่นขึ้นมาพักหนึ่ง ฉันเห็นว่ากระจกห้องนั่งเล่นมีรอยเปื้อนและฝ้าขึ้นชัดมาก ฉันก็เลยหยิบผ้าและน้ำยาเช็ดกระจกออกมาทำความสะอาด ปกติเหมือนที่ทำทุกครั้ง ฉันจะเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำความสะอาดออกจะเจ้าระเบียบ เวลาเห็นอะไรแปลกตาจะขัดใจมาก แค่ให้ทุกอย่างเข้าที่มันก็คงจะดี ถ้าจัดของเป็นระเบียบมันง่ายกว่าจัดระเบียบความสัมพันธ์คนในบ้าน
“เชอเบลล์ไม่เห็นต้องรีบทำตอนนี้เลย” ประทัดเดินออกมาพร้อมผ้ากันเปื้อน ผมกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ผมจะออกมาหยิบของข้างนอกเห็นเชอเบลล์กำลังเช็ดกระจกอยู่ ผมเห็นว่ามันไม่ต้องเร่งด่วนทำตอนนี้ ผมไม่อยากให้ผู้หญิงออกแรงมาก แม้ทุกวันนี้ทุกเพศเท่าเทียมแต่ก็ไม่ต้องแข็งแรงทุกเวลาขนาดนั้นก็ได้
“นายก็รู้นี่ว่าเราไม่ค่อยชอบอะไรขวางหูขวางตา บางทีหน้าจอโทรศัพท์มีรอยเปื้อนก็ต้องรีบเช็ดแล้ว” ผมรู้มาสักพักแล้วว่าเชอเบลล์ค่อนข้างเป็นคนเจ้าระเบียบ อะไรสกปรกก็ต้องรีบทำความสะอาดทันทีไม่งั้นมันรกหูรกตาทำหงุดหงิดตลอดเวลา ผมเองก็ช่วยทำความสะอาดเสมอไม่ชอบให้บ้านรกเช่นกัน แล้วแต่ความคิดที่ต่างกันแต่ต้องปรับให้ไปกันได้
“ไม่เห็นต้องหงุดหงิดอะไรกับเรื่องไม่เป็นเรื่องจะดีกว่า ผมว่าผมทำของโปรดที่คุณชอบดีกว่า”
“โยเกิร์ตเหรอ รู้ใจเรามากเลย...”
ผลั๊ววว
ฉันกับประทัดกำลังคุยกันตามประสาคนเป็นแฟน อยู่ ๆ ฉันตกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างลอยมาโดนกระจกทำให้คราบสีเขียวกระเด็นโดนแขนเสื้อนิดหน่อย ด้วยความตกใจของเราสองคนทำให้ฉันกับเขามองไปตรงกระจกพบว่าคราบไอศกรีมชาเขียว ละลายจนกระจกเป็นคราบมากกว่าเดิม
“ใบข้าว”
ฉันเห็นใบข้าวโยนมาก่อนจะยืนกอดอกมองหน้านิ่งด้วยความไม่พอใจ คาดว่าคงจะหาเรื่องแกล้งฉันอีกตามเคย ฉันมักจะเตือนตัวเองเสมอว่าอย่าไปใช้อารมณ์อาละวาดเพราะใบข้าวก็จะสู้ด้วยอารมณ์เช่นกัน ฉันอยากถามเหตุผลก่อนว่าการโยนของใส่คนอื่นถือว่าเป็นมารยาทที่ดีหรือไง
“ผมเห็นว่าพี่ต้องทำความสะอาดกระจกอยู่แล้ว เพิ่มรอยก็จะได้มีงานให้ทำเพิ่มไงครับ”
“ใบข้าว มันเกินไปไหม กระจกเป็นรอยอยู่แล้วจะเพิ่มให้มันมีรอบยขึ้นมาอีกทำไม”
“วันนี้พี่ทำความสะอาดบ้านแล้ว วันต่อไปมันก็รกไหมครับ ทำแล้วก็รกกลับมาวนลูปเดิม ใครเขาทำความสะอาดวันเดียวแล้วทำอีกทีเดือนหน้าล่ะ”
“แต่น้องทำความสกปรกแล้วเคยเก็บกวาดไหม” ฉันว่าใบข้าวยิ่งสร้างปัญหาหนักกว่าเดิม ทั้งทีกระจกมีรอยอยู่แล้วกลายเป็นว่ามาสร้างให้เป็นรอยหาเรื่องให้ฉันมีภาระงานมากกว่าเดิม นี่น้องเขาต้องเป็นคนแบบไหนถึงทำกับคนโตกว่าแบบนี้ได้
“ผมว่าผมกับพี่ก็คนเหมือนกันต่างกันแค่เพศ ผมว่าวัยไหนผมก็คุยได้เพราะผมไม่ถือวัยวุฒิคุณวุฒิอยู่แล้ว”
“แต่น้องลืมอะไรไปอย่างนึงหรือเปล่า เรื่องมารยาท” เวลาฉันสอนหรือแนะนำทำไมต้องคิดว่าฉันด่าทุกครั้งด้วย ฉันไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่มองเด็กว่าการอธิบายคือการเถียงสักหน่อย แต่ทำไมเด็กคนนี้ไม่รับฟังความเห็นต่างหรือเข้าใจว่าฉันไม่ได้ด่า
“นี่พี่กำลังด่าผมเหรอ”
“ใบข้าว ไม่มีใครด่าน้องนะ น้องฟังนะ เชอเบลล์แค่เตือนและอยากให้ใบข้าวปรับตัว
“ปรับตัวอะไร ผมไม่ใช่สัตว์นะ”
“น้องอย่าพึ่งคิดไปเองได้ไหม อ่อนไหวอะไรขนาดนั้นถึงคิดว่ามีคนด่าเต็มไปหมดเนี่ย”
“พี่หาผมเสพยาเหรอ” ผมทนไม่ไหวและจะระเบิดอารมณ์มากกว่าเดิมเพราะมันคงเป่าหูหรือหว่านล้อมให้พี่สอนผมอีกคน พี่เขาไม่ได้คนในครอบครัวหรือรู้จักผมมาทั้งชีวิต ถือว่าเป็นคนนอกที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวเท่านั้น ผมโดนพี่ประทัดลากกลับเข้าไปในห้องทานอาหารจะได้กินแล้วเงียบไป ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่มีวันยอมรับผู้หญิงคนที่เข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างไปจนชีวิตไม่เหมือนเดิม
“ทำไมใบข้าวเข้าใจอะไรยากแบบนี้เนี่ย” ฉันบ่นด้วยความไม่พอใจเพราะว่าเด็กสมัยนี้จะยึดติดกับความคิดไม่เปิดใจรับฟังความจริงอะไรเลยหรือไงโลกเปลี่ยนหรือความคิดคนเปลี่ยนเฉพาะบางคนกันแน่
ที่บ้านก้านไม้
ก่อนที่โฟร์จะส่งน้องก้านไม้ไปโรงเรียน ผมเห็นว่าน้องมาปรึกษาอะไรบางอย่างถึงเรื่องเพื่อนใหม่ และเขาเป็นคนอนุญาตให้ผมดูแชทในโทรศัพท์เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง ผมอ่านดูทุกข้อความถือว่าปกติไม่ได้คำหยาบคายแต่ทำไมถึงบล็อกไลน์แบบไม่มีเหตุผลจริงจัง
“พี่ว่าเพื่อนคนนี้ดูแปลกนะ ดูเป็นคนไม่มีเหตุผล”
ผมเห็นแล้วรู้สึกว่าการบล็อกไลน์มันดูไม่มีเหตุผลมากเลย ถ้ามีปัญหาทะเลาะหรือผิดใจกันจนให้อภัยไม่ได้ก็น่าจะบล็อกให้จบ แต่นี่ยังไม่ได้รู้จักกัน มันมีหลายสาเหตุอาจจะไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรก ดูแล้วไม่ถูกชะตาหรือมีความชอบไม่ตรงกัน ไม่เห็นจะต้องตัดกำลังใจแบบนี้เลย ยิ่งน้องก้านไม้เป็นคนคิดมากด้วย
“พี่ว่าถ้ามีปัญหาไม่ต้องเข้าหาจะดีกว่า การที่เราจะทำความรู้จักกับใครสักคน ความชอบมันจูนเข้าหากันไม่ได้มากพอหรอก พี่ว่าคนที่จริงใจมากกว่าจะเข้าหาเราได้มากที่สุด...” ผมสอนน้องอย่างมีเหตุผลไม่ได้ไปบอกให้ไม่ให้คบแต่อยากให้น้องลงตัดสินใจดูว่าคนที่เข้ามาในชีวิตแต่ละคนเป็นคนแบบไหน จะเข้าไปหรือหนีออกไปต้องดูให้นานที่สุดเพราะบางคนหลอกให้ตายใจก็มี
“ครับพี่”
ผมเดินไปหยิบกล่องขนมที่น้องชอบเพราะเวลาก้านไม้ไม่สบายใจ ผมจะชอบให้ขนมหวานเป็นการเติมพลัง ผมไม่ได้สอนให้น้องเอาใจหรือมีผลตอบแทนแต่อยากให้น้องเห็นว่าคนที่เป็นกำลังใจให้ในวันที่ปัญหาคือใครที่เดินเข้ามาหาก่อน ผมบอกเลยว่าเรื่องแบบนี้บางทีการคิดมากก็ไม่ใช่เรื่องดี เพื่อนเป็นสิ่งจำเป็นแต่ไม่ได้ตัวติดกันตลอดเวลา หากเราอยากอยู่เงียบ ๆ ผ่อนคลายคนเดียวก็ถือว่าไม่ได้มีอะไรขาดหาย เหมือนของที่ไม่ได้ใช้ตอนนี้ใช้ว่าจะทิ้ง เพียงแค่ใช้ในเวลาอื่นเท่านั้น
“โซดาไปทำงานแล้ว วันนี้ไปส่งเองนะครับ”
น้องก้านไม้ดีใจเวลาที่ผมชอบไปส่งที่โรงเรียน แต่อีกหน่อยผมจะพาน้องไปนั่งรถไฟฟ้าเป็นการสัมผัสของจริงแล้วจะได้เดินทางเองได้ เพราะเด็กก็อยากมีอิสระแต่ต้องอยู่ในความพอดีเพราะเด็กก็คือเด็กจะห้ามความคิดดี ๆ ไม่ได้หรอก ถ้ามีอะไรผมก็เตือนไม่ได้ดุด่าก่อน
โฟร์กำลังขับรถไประหว่างทาง หลังจากหยุดพักรถไปซื้อของริมทาง ผมขับผ่านเด็กคนหนึ่งที่สะพายกีต้าร์แบกหลัง ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่ว่าทำไมการแต่งตัวดูแหวกแนวแม้จะใส่ชุดนักเรียน รองเท้าผ้าใบสีแดงขาวทำทรงเป็นเด็กนักดนตรีใส่ชุดนักเรียน แม้ว่าทุกวันนี้โรงเรียนจะไม่เคร่งกฎมากแล้วแต่มันดูปล่อยปละเกินไปหรือเปล่า
“ถึงโรงเรียนหรือยัง”
“ใกล้ถึงแล้วครับ”
พี่ประทัดโทรมาถามผมว่าตอนนี้ผมเดินทางถึงโรงเรียนหรือยัง แน่นอนว่าพี่ผมชอบเอาเครื่องติดตามมาติดในชุดนักเรียนหรือกระเป๋าผมบ้าง คิดว่าผมจะหลงกลเหรอ ผมมองจอโทรศัพท์พบว่าเครื่องติดตามกำลังเข้าโรงเรียนแล้ว แต่ที่เข้าไปไม่ใช่ผมหรอก ผมเอาไปติดไว้ที่รถยนต์ใครบางคนกำลังจะเข้าโรงเรียนพอดี ถือซะว่าเป็นโอกาสดีแล้วกันเพราะปกติผมจะโดยสารรถประจำทางจอดหน้าโรงเรียนเหมือนกับรถคันนั้นอยู่แล้ว
“เรื่องอะไรผมต้องเรียนในระบบด้วย...”
ผมแบกกระเป๋ากีต้าร์แล้วตรงไปเรียนพิเศษดนตรีที่ผมชอบไปตามสถาบันที่เปิดสอน ผมทำทรงเป็นใส่ชุดนักเรียนกางเกงน้ำเงินจะได้แนบเนียนสักหน่อยเพราะที่นี่ก็มีนักเรียนแกล้งใส่ชุดนักเรียนทำเป็นออกไปเรียนแต่ไม่เข้าโรงเรียนเหมือนผมก็มี แล้วเรามาดูกันว่าใครจะเหลี่ยมกลับใส่ผม
“ไปเรียนดนตรีให้สบายใจดีกว่า”
ที่โรงเรียน
ก้านไม้มาถึงโรงเรียนพักหนึ่งแล้วบางทีผมก็สงสัยนะว่าใบข้าวเป็นคนยังไงทำไมดูไม่ค่อยตรงต่อเวลาสักเท่าไหร่ มาโรงเรียนก็ไม่ตรงเวลามาตอนหลังเข้าแถวแบบนี้มันดูไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไหร่ วัยนี้เป็นวัยเรียนไม่เห็นต้องคิดมากเรื่องผู้ใหญ่ มาโรงเรียนอย่างราบรื่นแค่นี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
ผมไปเก็บกระเป๋าที่โต๊ะของตนเอง ผมเห็นเพื่อนของใบข้าวเข้ามา ผมเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมใบข้าวชอบมาโรงเรียนสายบ่อย เพื่อนเขาก็บอกผมว่ามันเป็นคนติดต่อยาก ติดเกมเล่นจนดึกเป็นการฆ่าเวลาแถมฆ่าตัวเองรบกวนเวลานอนมาก ผมว่าเขาน่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมสักหน่อยก็ยังดี
“ก้านไม้ เราว่าการเป็นเพื่อนกับใบข้าวมันยากมากเลยนะ เอาเป็นว่าไม่จำเป็นอย่าเป็นดีกว่า”
“มันมีอะไรหรือเปล่า”
เพื่อนผมก็ไม่บอกนะว่าเหตุผลที่แท้จริงในเรื่องนี้คืออะไร แต่เอาเป็นว่าถ้าผมอยากเป็นเพื่อนกับเขาไว้ไปทำความรู้จักหรือดูนิสัยเขาไปสักพักหนึ่งจะดีกว่า มันดูแสดงออกมาบางส่วนตั้งแต่วันนั้นแล้ว ผมไม่อยากอารมณ์ร้อนแค่คิดและเก็บรวบรวมไว้ดูเชิงไปอีกนาน
ผมมาอยู่ที่โรงอาหารของโรงเรียน ที่นี่จะมีร้านขายน้ำแต่ไม่ได้เป็นแบบน้ำในโลหใหญ่ราคาถูกหรอก เป็นเหมือนคาเฟ่เกรดเอมีกาแฟชาเพราะทางโรงเรียนเห็นว่าตอบโจทย์ดีที่สุด ผมเดินเข้าไปสั่งนมน้ำผึ้งสักแก้วบังเอิญเจอเวกเตอร์เพื่อนรัก ผมก็เลยเข้าไปทักแล้วคุยกันตามประสาเพื่อนรักตัวติดกัน
“แกคุยกับใบข้าวหรือยัง”
เวกเตอร์เป็นห่วงถามถึงความไม่ค่อยสบายใจของผมเพราะปกติผมไม่เคยโดนใครบล็อกไลน์มาก่อน เวลาคุยกับใครเขาก็คุยดีเป็นกันเองและมีมารยาทแต่สำหรับใบข้าว ผมยังตกใจไม่หายเลยเพราะว่าเขาเป็นคนแบบไหนบล็อกไลน์ไม่มีเหตุผลแถมเหตุผลที่ว่าโดนรบกวนเวลาจริงจังดูไม่ค่อยเชื่อถือ เพราะผมไม่เคยเจอใครเป็นแบบนี้มาก่อน
“ยังอะ ตัวก็ยังไม่มาโรงเรียน”
ผมถามไปแล้วว่าใบข้าวยังไม่มาโรงเรียน สาเหตุก็คงจะเล่นเกมดึก ผมได้ยินแล้วบอกเลยว่าเขามีความชอบในการเล่นเกมแต่ว่ามันจะดูติดเกินไปหรือเปล่า เล่นจนเลยเวลาพักผ่อน ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงมาสายบ่อยจนแทบจะทุกวัน แล้วแบบนี้ผมจะเอาเวลาไหนไปถามเพื่อความสงสัยในเรื่องที่ผมไม่ได้เป็นส่วนผิด
“เราว่ามันแปลกนะ หรือใบข้าวมีปัญหาอะไรกับคนในครอบครัวหรือเปล่า” ผมแค่สงสัยแต่ไม่ได้หมายความว่าผมไปรู้เรื่องครอบครัวดีกว่าเขา การเปลี่ยนนิสัยผมว่าส่วนหนึ่งมาจากครอบครัวด้วย มันอาจจะมีอะไรที่พวกเราไม่รู้จนคาดไม่ถึงก็ได้
“หรือใบข้าวจะไม่พอใจอะไรเราอะ”
“ใบข้าวเขาไม่ได้เป็นคนเกลียดขี้หน้าใครเร็วขนาดนั้นสักหน่อย เอาเป็นว่าไม่ต้องคิดมากนะก้านไม้ มันไม่มีอะไรหรอก” ผมว่าเรื่องนี้มันเหมือนเล็กน้อยไม่ได้มีบาดแผลถึงขั้นบาดเจ็บ แต่สะเทือนใจไม่น้อย ใครโดนบล็อกแบบไม่มีสาเหตุมันเจ็บปวดที่ใจเหมือนกัน เพราะเรายังไม่ได้ทำร้ายใครมอบความจริงใจแต่ทำกันแบบนี้ผมว่ามันไม่ให้คุณค่ากับใครเลย
“งั้นไว้เราค่อยไปคุยกับเขาแล้วกัน” ผมจะหาเวลาไปคุยกับใบข้าวทีหลังเพราะผมคาใจไม่รู้ว่าการบล็อกไม่มีสาเหตุมันเกิดจากอะไร ผมไม่ได้พูดหยาบคายกับเขาสักหน่อย ถ้าผมไปด่าเขาหรือลามปามพ่อแม่ถือว่าเป็นเหตุผลในการเกลียดผมก็ถูกแล้ว
ช่วงพักเที่ยง
“เดี๋ยวนะ มึงพึ่งมาเหรอ”
เพื่อนของใบข้าวแปลกใจถึงกับมองมากันครบทุกคนในกลุ่มเพื่อน พวกผมเห็นว่าใบข้าวสะพายกระเป๋ากีต้าร์ทับหลังกระเป๋าสะพายใส่หนังสือเรียน ไม่น่าเชื่อว่ารอบนี้จะมาโรงเรียนครึ่งวัน มันบอกว่าเช้าไปเรียนดนตรีมาแล้วทำให้ผ่อนคลายจนสามารถกลับมาเรียนครึ่งบ่ายได้ พวกผมไม่เข้าใจว่ามันมีความชอบอะไรพวกผมก็ไม่เคยห้าม แต่ว่ามันใช้ไม่ถูกเวลาเท่านั้น
“อืม ไปเรียนดนตรีมา”
ผมบอกไปตามตรงว่าผมไปเรียนดนตรีครึ่งเช้าที่สถาบันกวดวิชาที่อยู่ใจกลางเมือง ที่นั่นเปิดตลอดเวลาเพราะมีนักเรียนไปกันเยอะ ดีหน่อยที่ทางบ้านผมไม่ได้สงสัยว่าผมไปไหน ทางสะดวกขนาดนี้ผมต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ได้โง่ไม่กล้าใช้เวลาใครเผลอ ผมนั่งลงก่อนจะวางของที่ผมแบกหลังมามันหนักทำผมเหนื่อยเหมือนกัน
“หิวน้ำ ไปซื้อน้ำก่อนนะ”
ผมบอกให้เพื่อนเฝ้าของที่ผมเอามาจากบ้าน ของที่ผมใช้ถือว่าราคาแพงพอประมาณมันเป็นคุณค่าทางจิตใจของผม ถ้ามันเสียหายผมสามารถเรียกค่าเสียหายได้เสมอ ผมเดินออกไปคนเดียวกะว่าจะไม่ได้มีเรื่องอะไรมาก อยู่ ๆ มีใครบางคนเดินมาชนผมด้วยความไม่ตั้งใจ
“วู้ววว พื้ออ...”
ผมตกใจเมื่อมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งถือน้ำในแก้วที่มีฝาปิดและหลอดอย่างดี แต่มันก็ไม่สามารถประคองให้มันปลอดภัย ล้มแล้วทำน้ำหกไปพอประมาณ เสื้อนักเรียนผมเปียกจนแนบเนื้อทำเสียของในตัวผมไปหมด
“เห้ย ไ*****อนี่ยังไงวะ”
“อื้อออ งื้อออ”
ผมตกใจเพราะเวลาผมกำลังมีความสุขกับการได้ซื้อของที่ผมชอบ ผมไม่ทันมองตรงหน้าทำให้ผมเดินชนเข้ากับใครคนหนึ่งทำให้ผมตกใจกลัวจนพูดไม่เป็นภาษา มือสั่นไปหมดแล้วเวลาผมเสียสติมันทำให้ผมควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลย จะมีพี่ผมที่เข้าใจผมที่สุด แต่ว่าตอนนี้พี่ผมไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนคงไม่ได้เข้ามาหาผม แต่ผมต้องจัดการตัวเองให้ได้ไม่อยากไปรบกวนมาก
“มึงเป็นนกเหรอ ผิวปากเสียงดังไม่มารยาท ผิวปากเป็นมากกว่าใช้พูดเหรอ”
เพี๊ยะ!!
ผมทนไม่ไหวตบปากพะโล้เด็กไม่เต็มให้มันหุบปาก หมั่นไส้และรำคาญมันมาก เสียงดังน่ารำคาญเวลาทำอะไรไม่ได้ก็ชอบกรี๊ดโวยวายจะอาละวาด ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเกิดมาเป็นแบบนี้ทำไม ผมจะได้สอนให้ว่าการใช้ชีวิตในสังคมมันเป็นยังไง
“มานี่ก่อนสิครับ”
“อื้ออ ปล่อยย”
ผมพูดอย่างใจเย็นที่สุดแล้ว ลากตัวพะโล้ไปคุยกับผมสองคนจะได้ไม่ต้องรบกวนคนอื่นที่เขากำลังใช้เวลาพักกลางวัน ผมไม่อยากให้มีเรื่องบานปลายเอาเป็นว่าผมชอบพาไปจัดการในที่ส่วนตัวจะได้ไม่รบกวนคนหมู่มาก ผมถือว่าผมใจดีที่สุดแล้ว ผมไม่ได้จะทำอะไรเลือดตกยางออกสักหน่อย ผมถือว่าปรานีที่สุดแล้ว