10 - ความชอบที่ปกติงั้นเหรอ
เช้าวันต่อมา
“เดี๋ยวก่อนนะโซดา ก้านไม้ไปไหนนะ” ผมเห็นว่าตอนนี้เก้าโมงเช้าแล้วและเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ วันหยุดใช้เวลากับครอบครัว วันนี้ผมตั้งใจว่าจะพาก้านไม้ไปว่ายน้ำ มันเป็นกิจกรรมที่ผมกับน้องเขาชอบทำกันมาก ผมเข้าไปเตรียมชุดว่ายน้ำให้น้องและของตัวเอง ออกมาก็ไม่เห็นน้องมาพักหนึ่งแล้ว ไม่รู้ว่าหายไปไหน ปกติเวลาน้องจะออกไปไหนต้องบอกเราสองคนก่อนเสมอ แต่นี่ผมยังไม่รู้ แสดงว่าโซดารู้คนเดียว เมื่อผมถามถึงกับแปลกใจว่าทำไมก้านไม้ถึงอยากไปทำกิจกรรมนี้
“ไปเล่นเกม”
“แล้วแกไม่ไปด้วยเหรอ” ใจจริงแม้ว่าเด็กทุกวันนี้เขาอยากไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ไม่ได้อยากให้พวกเราเข้าไปรบกวนแต่ว่าแค่ไปรับกลับส่งการเดินทางก็ยังดี ไม่ใช่ว่าให้ไปคนเดียวตั้งแต่ตอนนี้ ผมก็บอกแล้วว่าผมจะพาน้องไปขึ้นรถไฟฟ้าเดินทางไปโรงเรียนเองแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ผมกำลังบ่นแต่โซดามันบอกว่าวันนี้เขาไปกับเวกเตอร์ มีรถผู้ปกครองมารับ ผมได้ยินก็พอสบายใจขึ้นบ้าง
“เวกเตอร์ เพื่อนก้านไม้เหรอ” ผมเองก็ไม่ได้ถามเรื่องนี้มาก่อน ขนาดเป็นผู้ปกครองผมเองก็ไม่ค่อยได้ถามจริงจังมากว่าก้านไม้มีเพื่อนคนไหนที่สนิทมากที่สุด พอรู้ว่าเป็นน้องเวกเตอร์ผมก็อุ่นใจบ้าง เพราะคนนี้โซดาบอกว่าสนิทกันเวลาอยู่โรงเรียนชอบไปไหนด้วยกันเสมอ
“แล้วคุณยังไม่สบายใจอะไรอีกล่ะ”
“เพื่อนใหม่น้องเขาชื่ออะไร”
เมื่อวานผมเห็นน้องคุยกับเพลนส์ แต่ก็ไม่ได้บอกชื่อ บอกแค่ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้อง ฟังดูแล้วความสัมพันธ์แค่คนรู้จัก อยู่ห้องเดียวกันก็ไม่ใช่ว่าจะสนิทกันทุกคน ผมเองอยากรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใครถึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของก้านไม้ ผมเป็นคนแอบระแวงกลัวเด็กจะไม่ปลอดภัย ผมก็ต้องถามและเป็นห่วงความปลอดภัยก่อนเสมอ
“กูไม่รู้ เดี๋ยวกูจะถามน้องอีกที”
“ก็ดีแล้ว เราเป็นห่วงความปลอดภัยคนในบ้านทุกคน ไม่อยากให้มีอะไรร้ายแรงตามมาทีหลัง” ผมได้ยินและรู้แล้วว่าก้านไม้ออกไปเล่นเกมกับเพื่อน แล้วอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองแค่นี้ก็สบายใจแล้ว แต่ว่าผมยังไม่อยากให้น้องไปกันเองเลย กลัวว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะในสังคมจะต้องเจอคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ใจคน กลัวว่าถ้าเป็นคนไม่ดีอาจทำร้ายเด็กได้เพราะคนสมัยนี้ทำร้ายได้ไม่เลือกวัย ผมไม่คิดอะไรมากแล้วเดินกลับไปคั้นน้ำส้มแล้วล้างจานให้เสร็จ จะได้ไปทำธุระต่ออย่างสบายใจ
ทางด้านก้านไม้
ผมกับเวกเตอร์นั่งเล่นเกมมาไม่นานหลังจากเดินเข้าร้านมา จะว่าไปทุกวันนี้ร้านเกมแทบไม่เห็นแล้ว ยังดีที่ร้านนี้ยังมีอยู่และไปได้ดี เห็นลูกค้าเด็กแล้วมีกำลังใจอยากเปิดต่อไม่น้อย ผมนั่งเล่นไปพักหนึ่งจะว่าไปผมก็เกือบลืมไปแล้วว่าผมนัดใบข้าวมาด้วย เล่นเพลินเวลาจนเกือบลืมเพื่อนไปแล้ว ผมเห็นว่าใบข้าวมาสายไปยี่สิบนาที ผมเริ่มแอบหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่ได้เป็นคนระเบิดออกมาชัดเจน ผมรอสักหน่อยเดี๋ยวก็มา
“มาแล้ว”
ใบข้าวเดินเข้ามาในร้านเกมแล้วเข้าไปนั่งข้างก้านไม้ ผมมาเหนื่อย ๆ หยิบกระป๋องน้ำอัดลมมายกดื่มเพราะเห็นว่าเตรียมไว้ให้ผม เขาก็รู้ใจเหมือนกันเพราะระยะทางก็ไม่ได้ใกล้พอจะทำให้ผมไม่เหนื่อย
“เดี๋ยวก่อนนะ อันนั้นของเวกเตอร์”
“ยังไม่ได้เปิดนี่ เราคอแห้งอะมาเหนื่อย ๆ ขอดื่มก่อนแล้วกัน” ผมงงไปพักหนึ่งเลยว่าใบข้าวมาช้าผมก็พอเข้าใจนะ แต่ว่ามาแล้วไม่ทักทายผมกับเวกเตอร์สักคำ หยิบกระป๋องน้ำอัดลมวางใกล้กันของผมกับเวกเตอร์ ยังไม่ได้เปิดดื่มตอนนี้ใช่ว่าไม่เอาแล้ว ผมหันไปมองเวกเตอร์และกระซิบกันเพราะดูแล้วมันยังไงไม่รู้ ผมอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกเลยว่ามันเป็นไปได้เหรอที่เข้ามาไม่ทักทายทั้งที่ผมชวนมา แต่ไม่พูดอะไรเปิดคอมพิวเตอร์ยกดื่มน้ำอัดลมทำเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน
“เขาอาจจะไม่ชินกับกลุ่มเพื่อนใหม่ก็ได้นะ”
“แต่ไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ต้อง...” ผมกำลังต่อว่าแต่ไม่พูดกับเขาให้ได้ยิน อยู่ ๆ ใบข้าวมาบอกให้ผมช่วยลดเสียงลงหน่อย แต่ว่าปกติเวลาคุยกันผมก็เบาเสียงแล้วถ้าสวมหูฟังมันก็กลบเสียงลงบ้าง ใช่ว่าเสียงจะดังเข้าไปสักหน่อย เอาเถอะผมเข้าใจว่าเขาอาจจะไม่ชินกับพวกเรา แต่เขาดูเหมือนใช้ความเกรงใจมากไปหรือเปล่า
“ชอบเล่นกีต้าร์เหรอ”
ก้านไม้เห็นกระเป๋าใส่กีต้าร์วางใกล้กับที่นั่ง ผมถามไปตามมารยาทเพราะผมเห็นว่ามันสวยและดูดี ขนาดถือว่าสมกับราคา ผมคิดว่าคงจะชอบเล่นดนตรีไปในตัวด้วย ผมก็ชวนคุยจะได้ไม่น่าเบื่อและเขาก็มองหน้าและคุยกับผมพอประมาณ
“นายรู้ไหมว่าเราชอบเล่นดนตรีมาก เอาเป็นอย่าให้มันรบกวนเวลาของเราแล้วกัน”
“ได้สิ ไม่รบกวน... หรอก...” ผมคิดว่าคำพูดของใบข้าวมันดูเหมือนปกตินะแต่ว่าถ้าฟังดูดี ๆ ทำไมมันเหมือนไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาของเขาถึงแม้ว่ามันจะยังไม่ใช่ตอนนี้แต่ทำไมเหมือนทุกเวลาไม่อยากให้เข้าไปรบกวนไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ผมยิ้มและเขาก็ยิ้มตอบ อย่างน้อยเขาคงไม่ได้รำคาญอะไรผมหรอกไม่งั้นจะหันมาคุยกับผมทำไม
“ว่าแต่ก้านไม้ชอบเล่นเกมนี้เหรอ เรามีสูตรการเล่นอยู่”
“จริงเหรอ สอนเราหน่อยสิ”
ผมเห็นใบข้าวกำลังจะสอนให้ผมเล่นเกมนี้คล่องกว่าเดิม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขามีสูตรในการเล่นจนใช้คำว่าโกงจนระบบจับไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าเขาไปได้มาจากไหนสุดยอดมากเลย ผมอาจจะเล่นชนะได้แบบไม่ต้องทำอะไรมาก
ใบข้าวเองเห็นว่าเพื่อนใหม่คนนี้ชอบเล่นเกมเดียวกัน ผมก็สอนสูตรให้ไปตามที่เขาต้องการ แล้วมันจะได้ไม่ต้องถามอะไรมากจะมารบกวนผมกำลังจริงจังไม่ได้หรอก ผมจะเป็นคนหนึ่งไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาผมจริงจังกับอะไรที่ผมสนใจ จะทำผมหมดสนุกจนไม่มีกระจิตกระใจทำมันอีก ผมสอนไปให้มันจบ ๆ จะได้ไม่ต้องถามผมอีก ผมไม่ได้ปิดกั้นความที่เขาอยากเป็นเพื่อนผมหรอก แค่ไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลาผมทำอะไรด้วยความตั้งใจ
‘ทำไมนายดูไม่จริงใจยังไงไม่รู้’
ในขณะที่เวกเตอร์เล่นเกมพร้อมสวมหูฟังครอบหู แม้จะไม่ได้ยินเสียงอะไรมากแต่สายตาผมเห็นว่าใบข้าวเพื่อนร่วมห้องคนนี้ ดูไม่ค่อยจริงใจสักเท่าไหร่ หรือเขาแค่ถูกรบกวนจากการทำอะไรจริงจัง ภายนอกผมหน้านิ่งแต่ภายในใจคิดไปหลายอย่างแยบยลจนประเมินคนไปทั่ว ผมว่ามันอาจจะไม่มีอะไรแต่ความคิดกำลังฟ้องผมให้มองเขาในทางไม่ดี เอาเถอะ ผมไม่อยากคิดมากจะหมดสนุกเปล่า ๆ เด็กแบบผมเกมคือความผ่อนคลายที่สุดแล้ว
ช่วงเย็น
“ใบข้าว ทำไมกลับมาซะเย็นเชียว”
ผมเดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับแบกกีต้าร์สะพายหลังติดตัวไปด้วยเพราะหลังจากผมเล่นเกมเสร็จ ผมก็ไปเรียนดนตรีต่อ ผมได้เรียนตั้งแต่ตอนนี้เพราะมันเป็นความชอบและไม่มีใครมาหยุดยั้งความชอบผมได้ พี่ประทัดถามผมด้วยความเป็นห่วงเพราะว่าผมกลับมาเลยเวลากลับบ้านไปนิดหน่อย ซึ่งไม่ได้ผิดอะไรมาก
“ก็ไปซ้อมดนตรีตามปกติครับ”
ในขณะนั้นพี่เชอเบลล์แฟนของพี่ประทัดกลับเข้าบ้านหลังจากผมมาได้ไม่นาน ผมเห็นก็มีสีหน้าหมดอารมณ์ไปพอประมาณเพราะว่าผมไม่ค่อยชอบหน้าพี่เขาสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเดียวกันความเข้าใจของผมก็ไม่ถูกใจอะไรพี่เขาสักเท่าไหร่ เมื่อพี่เขาเข้ามาผมมองหน้ายิ้มรับเล็กน้อยแต่ไม่อยากตอบอะไรมากกลัวจะจบที่การทะเลาะกัน
“กลับมาแล้วเหรอครับ”
ผมถามไปตามมารยาทแต่ไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาสักเท่าไหร่ เพราะผมอยู่กับพี่ของผมมานานแล้ว พี่จะมีแฟนผมก็ไม่ได้ว่าแต่เปลี่ยนคนใหม่มาเป็นอีกคน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเปลี่ยนผู้หญิงใหม่มาเป็นอีกคนด้วย คนก่อนหน้าที่พี่ผมรักมันก็ดีอยู่แล้วมันผิดตรงไหน ไม่ค่อยชอบพี่เชอเบลล์ หน้าดุตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกดูเป็นผู้หญิงแรง ๆ เวลาไม่พอใจก็มีต่อว่า ผมเองก็ไม่ค่อยชอบเรียกได้ว่าคนนอกจะดีกว่า
“พี่กลับมาแล้ว”
ผมเห็นว่าพี่เชอเบลล์ซื้อของมาเยอะ มีของที่ผมชอบด้วย ดีหน่อยจะได้ลดความไม่สบายใจของผมลงไปได้บ้าง ระหว่างนั้นผมนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังหยิบช้อนส้อมเพื่อจะตักยำกุ้งสด ตักข้าวลงจาน ผมเห็นพี่ทั้งสองคนดูคุยกันรักกันดี ในสายตาเขาชอบกันแต่สำหรับผมไม่คิดแบบนั้น ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เข้ามาเป็นคนต่อไป ผมไม่ชอบเลยการไม่รักเดียวใจเดียวแบบนี้มันเหมือนการปล่อยคนลงทะเล แล้วหาขอนไม้มาประคองกลับเข้าฝั่งทั้งที่คนนั้นก็มีประโยชน์ไม่น้อย
“ว่าแต่ใบข้าวชอบเล่นเกมเหรอ”
พี่เชอเบลล์ถามผมด้วยความสงสัย ผมคิดว่าพี่คงเห็นเวลาผมว่างและไม่ได้ทำอะไร เห็นเวลาจับโทรศัพท์ก็คิดไปแล้วว่าเล่นเกม มันก็เป็นจริงในบางครั้ง ผมก็ใช้มันทำงานหรือเข้าเสพสื่อบันเทิงบ้าง ไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่ไม่มองจอแต่ตัดสินว่าเล่นเกมแล้ว ผมไม่สามารถห้ามความคิดใครได้หรอก ผมได้ยินก็แก้ต่างไป
“ครับพี่ มันเป็นของผ่อนคลายผม”
“พี่ว่าใบข้าวชอบเล่นเกมมันก็ดีนะ แต่ว่าแบ่งเวลาหน่อยก็ได้นะเพราะบางทีพี่ไม่เห็นน้องครบวันเลย เจอกันไม่ถึงครึ่งวัน” ผมได้ยินก็เหมือนเป็นคำแนะนำที่ดีแต่ทำไมผมฟังแล้วเหมือนกำลังต่อว่าผม ผมขอบคุณที่พี่เขาเป็นห่วงแต่ว่าทีหลังไม่ต้องแนะนำดีกว่า
“ขอบคุณที่แนะนำครับ แต่ว่าตัวผมไม่ใช่ตัวพี่ ยังไงผมก็เข้าใจตัวเองอยู่แล้วว่าเวลาไหนควรเล่นหรือไม่ใช่เวลาเล่น”
พี่เชอเบลล์ยิ้มแต่มือกำช้อนส้อมแน่นมากจนดูเหมือนจะโกรธ วางกระทบลงจานเกิดเสียงดังทำให้พี่ประทัดเขาดูตกใจแม้สถานการณ์ตรงหน้าจะไม่ได้มีการใช้น้ำเสียงดุดัน แต่แววตาและการมองหน้าถือว่าสู้รบกันในใจ
“อันนี้อร่อยนะเชอเบลล์ ผมตักให้” ประทัดทำเป็นเปลี่ยนเรื่องแล้วตักกุ้งสดลงในจาน ผมว่าสองคนนี้อาจจะไม่พอใจอะไรกัน ผมรีบหยุดจะดีกว่าบรรยากาศการกินข้าวของผมจะจบลงแบบนี้ไม่ได้
“ขอบคุณนะมาได้ถูกเวลาจริง ๆ” ฉันเห็นใบข้าวมองหน้าฉันนิ่ง ๆ แต่ในใจของจะระเบิดลงไม่น้อย เวลาฉันเห็นแล้วขอไม่เติมไฟให้มอดไหม้กว่าเดิมจะดีกว่า ต่อให้เขาจะอารมณ์ค้างแต่การเงียบจะดีที่สุด ฉันกับทุกคนนั่งกินข้าวด้วยความสบายใจ วางมือกันสักครู่ใช่ว่าจะจบตอนนี้
“พี่ก็มาได้ถูกเวลาเหมือนกันครับ แยกแยะอะไรได้ว่าตรงนี้คือจอเกมหรือโต๊ะกินข้าว” ผมเป็นคนหนึ่งไม่ได้พูดตรง ๆ ชอบให้ตีความมากกว่าจะได้ใช้สมองเกิดกระบวนการคิดว่าสิ่งที่พูดออกมาคือกำลังโดนหลอกด่าไม่รู้ตัวหรือเปล่า ผมเห็นแล้วว่าพี่เชอเบลล์ฉลาด ดีหน่อยจะได้ไม่ต้องอธิบายซ้ำ