มันเป็นความไร้เดียงสาที่ยาคอบเองยังชื่นชม...
ไม่แปลกหรอกที่มนุษย์ใจหินอย่ามาโคยังสะดุด...เมื่อสิ่งที่ประกอบเป็นนิรดาคือความใสซื่อบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
“ถ้าเอาตามจริง ทำงานในนี่ ค่าจ้างน่าจะได้เยอะขึ้นนะ ถ้าเธอทำได้” หัวหน้าคนงานสูงวัยกล่าวกลั้วรอยขำขัน
หญิงสาวเบิกตาโต คำนวณค่าแรงในใจคร่าวๆ “นิดารับเท่าเดิมก็ได้ค่ะ จะได้ไม่มีปัญหาตอนจ่ายค่าแรง” หลังนับวันทำงานในใจคร่าวๆ แล้ว เธอมาทำงานได้เกือบ2อาทิตย์ เลยไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องการจ่ายค่าแรง ตอนที่เธอจะได้รับเงินเดือนงวดแรก
“กฎเหล็กของสวนมาโค...ที่เธอควรรู้นะแม่หนู” ยาคอบกล่าวเตือน “เจ้าของสวนไม่ชอบคนขี้โกง เพราะหากเธออยู่ในออฟฟิต อาจจะมีหลายครั้งที่เธอต้องเป็นคนถือเงินสด ดังนั้นอย่าพยายามตุกติก เพราะหากวันไหนก็ตามที่จับได้ เป็นกฎข้อเดียวที่ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย เพราะเจ้านายจะไล่เธอออกทันที”
นั่นไม่ใช่คำขู่...เพราะมันคือกฏที่คนงานในสวนมาโคต้องยึดปฏิบัติ
ยาคอบเชื่อว่านิรดาจะไม่มีวันคิดสั้นทำเช่นนั้นแน่ จุดประสงค์ของเธอคือการมีงานทำ หญิงสาวไม่มีทางคิดสั้น หากมีสิ่งยั่วยุ
บทที่5.สาวออฟฟิต
นิรดามาทำงานแต่เช้าตรู่ เธอชะเง้อคอมองรถบรรทุกที่วิ่งมารับคนงานออกไปเก็บผลเชอรรี่เหมือนทุกวันด้วยสายตาผิดหวังนิดๆ เธอนั่งรอยาคอบ แต่หัวหน้าคนงานยังไม่มา หญิงสาวหยิบเศษไม้มาเขี่ยพื้นดินเล่น คร่าเวลาระหว่างรอ “รู้งี้หยิบหนังสือมาด้วยก็ดี” หญิงสาวบ่น เมื่อเป็นการเสียเปล่าโดยไร้ประโยชน์ เธอใช้เวลาว่างช่วงรออ่านคร่าเวลาได้หลายหน้าทีเดียว
ยาคอบเขม่นมองหญิงสาวที่ก้มกน้าก้มตาเขียนอะไรบนพื้นด้วยแววตาขำๆ
นิรดามาทำงานด้วยเสื้อผ้าชุดเดิมที่หล่อนเคยสวมออกไปเก็บผลเชอรี่ แทนการใส่ชุดสวยๆ เหมือนที่สาวออฟฟิตส่วนใหญ่นิยมสวมใส่
“มาแต่เช้าเลยนะ สงสัยฉันต้องปั้มกุญแจให้หนูถือสักดอกแล้วล่ะ” ยาคอบแซว พร้อมกับเดินนำหน้า นิรดาผุดลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง พยายามเดินให้ตัวตรงๆ เนื่องจากยังรู้สึกขัดยอกเบาๆ ที่ข้อเท้า
“นิดารอได้ค่ะ ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนิดาหายก็กลับไปเก็บผลไม้เหมือนเดิมแล้วค่ะ”
หญิงสาวเข้าใจเอาเอง...เธอคิดว่าการที่มีคำสั่งย้ายให้เธอมาทำงานที่ใหม่คือคำสั่งที่เกิดขึ้นชั่วคราว
ยาคอบไม้ได้ท้วง เขาจัดการรูดมูลี่ขึ้น ให้แสงแดดอุ่นๆ ส่องเข้ามาด้านใน ก่อนจะเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน เพื่อจัดการชงกาแฟให้ตัวเอง
นิรดาเดินไปประจำที่ เธอทำความเข้าใจกับงานไว้บ้างแล้วเมื่อบ่ายวันก่อน วันนี้หญิงสาวจึงเริ่มจัดหมวดหมู่เอกสารเข้าแฟ้ม หลังจากนั้นก็จะจัดเก็บในคอมพิวเตอร์ที่ยาคอบเป็นคนไปขอเบิกมาจากที่โชว์รูม
ชายสูงวัยแอบมองสาวออฟฟิตคนใหม่ระหว่างที่หล่อนจัดการกับงานของตัวเอง พร้อมทั้งแอบลุ้นว่าเจ้านายจะโผล่มาตอนไหน ผ่านไป1ชั่วโมงก็ยังไม่เห็นหน้ามาโค ยาคอบเริ่มลุ้นระทึก ตอนที่เวลาเดินมาถึงชั่วโมงที่2...
“ยาคอบ มีอะไรให้ฉันช่วยทำไหม?” มาโคโผล่มาตอนที่เวลาผ่านไป2ชั่วโมงกว่า
หัวหน้าคนงานเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “ใครจะกล้าใช้คุณ!” เขากล่าวกระเซ้า
หางตาคนตัวใหญ่ตวัดผ่านคนตัวเล็กที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเลย
“กินอะไรมาหรือยังครับ ที่มีนี่มีแค่กาแฟซองนะครับผม” ยาคอบเอ่ยถามเพื่อไม่ให้เจ้านายเก้อกระดาก
“ไม่เป็นไร พอดีฉันหยิบขนมติดมือมาด้วย” ชายหนุ่มกล่าวแก้เก้อ เขาหมุนตัวเดินไปออกไปด้านนอก แล้วกลับมาพร้อมกับตระกร้าขนมที่มีมากเกินกว่าปกติ และที่สำคัญ เจ้านายเขาไม่เคยมีน้ำใจขนาดหิ้วขนมมาฝากเขา นี่เป็นครั้งแรกในรอบ10ปี ที่มาโคนำขนมอบมาฝากเขาที่ออฟฟิต
“พอดีแวะไปที่โชว์รูมมาหน่ะ!!” ชายหนุ่มกล่าวแก้เก้อ เมื่อหัวหน้าคนงานมองตระกร้าขนมใบใหญ่ในมือของตนเอง
“อ้อ...งั้นก็เป็นลาภปากของผมสินะครับ นิดา มาเอาขนมไปใส่จานสิ ชงกาแฟให้แก้วด้วยนะ” ยาคอบหัวเราะเบาๆ พร้อมกับสั่งงานนิรดาเพิ่ม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง เธอรีบลุกขึ้นมารับตระกร้าจากมาโค แม้จะเดินขัดๆ แต่ก็พยายามทำงานให้ดีที่สุด
“นิดาชงกาแฟไม่เป็นนะคะ!!” หลังแกะซองหยิบพายนหน้าตาน่ากินที่สุดใส่จานและเดินมาวางบนโต๊ะเตี้ยๆ ตรงหน้าชายหนุ่ม เธอรีบบอกความจริง เมื่อเธอไม่ดื่มกาแฟ ดังนั้น เรื่องการชงกาแฟเลยเป็นเรื่องใหม่ที่เจ้าตัวไม่รู้
“ชงไม่ยากหรอกหนูนิดา แค่ฉีกซองใส่น้ำร้อน ที่นี่มีแต่กาแฟซอง ถ้าอยากชิมกาแฟดี ต้องไปที่โชว์รูม” ยาคอบบอกด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมกับแอบยิ้มขำ เมื่อเจ้านายถลึงตาให้
“อ้อค่ะ รอสักครู่นะคะ” นิรดาเป็นคนเดียวที่ไม่รู้ความหมายของคำสัพยอกอันนั้นระหว่างหนุ่มๆ สองคน
“ฮ่าๆๆ” เสียงหัวเราะของยาคอบดังลั่น นิรดางงนิดหน่อย แต่ก็รีบปัดออกไปจากการรับรู้ เมื่อมันไม่น่าจะเกี่ยวกับเธอ
กาแฟควันกรุ่นเพราะไอระเหยของความร้อนลอยขึ้นมาปะทะความเย็น จึงเกิดเป็นกลุ่มควันสีขาวๆ
นิรดายอบตัวขณะวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนจะเดินกลับไปประจำที่เดิม โดยไม่ได้เงยหน้าสบตากับเขาด้วยซ้ำ ยาคอบก้มหน้าหัวเราคิกกับเอกสารในมือ เขามองหัวคิ้วขมวดเป็นปมของเจ้านายด้วยแววตาเต้นระริก
“ขนมนั่น เธอจะลองชิมก็ได้นะ...ฉันไม่หวง” ชายหนุ่มบุ้ยปากไปที่ตระกร้าขนมมุมห้องที่ดูจะมีมากไปสักหน่อยหากให้ยาคอบชิมแค่คนเดียว
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ แต่ยังไม่กล้าชิมตอนนี้ แม้กลิ่นและรูปลักษณ์ของขนมจะกวักมือเร่งเธออยู่ก็ตาม
“ว่างๆ ฉันจะพาไปดูที่โชว์รูม ที่นั่นมีอะไรอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้” ยาคอบพูดเปรยๆ เมื่อโชว์รูมคือที่ทำงานงานของเจ้านาย แต่ตอนนี้ เขาน่าจะมาประจำอยู่ที่นี่มากกว่า ดูจากท่าทางที่ปักหลักเสียแบบนั้น เก้าอี้ตัวใหม่ที่ยาคอบหามาเพิ่มเมื่อวันก่อนนั่นเอง...
หญิงสาวตาโต โชว์รูมที่ยาคอบเอ่ยถึง คนงานหลายคนเคยเล่าให้ฟัง เมื่อมันอยู่อีกด้านของสวนแห่งนี้ มีผลผลิตของสวนที่แปรรูปแล้ววางขาย ทั้งขนมอบ และผลไม้แห้ง รวมทั้งไวน์ และน้ำผลไม้ที่นิรดาอยากชิมสักครั้ง สาวคนงานหลายคนเคยมีโอกาสได้ไปที่นั่น เมื่อมีหน้าที่นำผลไม้สดไปส่ง คำเล่าขานที่ทำให้นิรดาอยากพิสูจน์ด้วยตัวเอง...สักวัน
มาโคไม่เคยชอบของหวานเลย...แต่วันนี้เขาจำเป็นต้องกินขนมอบตรงหน้า เพราะไม่อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรทำ ชายหนุ่มแสร้งแทะขนมท่าทางน่าอร่อย จนคนที่แอบมองต้องกลืนน้ำลายเอือกๆ พายสีเหลืองกร็อบหายเข้าไปในปากสีเข้ม ท่าทางมีความสุข ขณะเคี้ยวและกลืน ยิ่งทำให้ท้องของเธอร้องครวญคราง นิรดาพยายามปรามตัวเอง เธออยู่ในระหว่างทำงาน และมันเป็นการเสียมารยาท หากลุกขึ้นไปขอเขาชิมสักคำ...
ยาคอบแอบขำ ทั้งเจ้านาย และสาวออฟฟิตคนใหม่
คนหนึ่งยั่ว ด้วยการกินขนมโชว์ อีกคนก็ทำได้แต่มองตาปรอยเพราะความเกรงใจ
“ผมเข้าสวนสักพักนะ มีอะไรถามคุณเขาหล่ะ เขาเก่งเชียวแหละ” ยาคอบวางงาน เขารู้ดีว่าตนเองเป็นส่วนเกิน เมื่อมีคนทำงานแทน สู้เอาเวลาที่แอบมองนี่ ไปดูคนงานในสวนยังดีเสียกว่า ปล่อยให้เจ้านายหว่านเสน่ห์ตามลำพัง เมื่อดูๆ แล้ว น่าจะแห้วมากกว่าประสบความสำเร็จ เมื่อสายตาสาวน้อยหนึ่งเดียวในที่นี้ ดูเหมือนจะไม่รับรู้ความสนใจที่เจ้านายของเขาเพียรส่งให้
นิรดาพยักหน้ารับ รีบชักสายตากลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อ
“ทำไมเธอยังใส่ชุดแบบนั้นมาทำงานในนี่ล่ะ?” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถาม