มันเป็นความรู้สึก...ห่อเหี่ยวขึ้นมาแปลก ๆ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองมากเกินไปรึเปล่าแต่ฉันก็ค่อนข้างมั่นใจว่าพี่เซนส์ที่เอาแต่คอยมองบาร์เทนเดอร์คนนี้ต้องรู้สึกอะไรบ้างล่ะ ไม่น้อยก็...มากเลย
“พี่เซนส์คะ” มาร์กี้ไปแล้วล่ะค่ะดูไม่พอใจฉันเท่าไหร่เลยบอกพี่เซนส์ว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ฉันว่าคงอยากให้พี่เขาตามไปแต่เขาดันไม่ไปซะงั้นฉันก็เลยชวนคุยอะไรบางอย่าง
“อื้ม มีไรเหรอ”
“บาร์เทนเดอร์คนนี้สวยมากเลยนะคะ” ฉันแกล้งทำเป็นชวนคุยแต่ความจริงก็ตั้งใจคุยนั่นแหละ
พอฉันพูดออกไปพี่เซนส์ที่ตอนแรกหันมามองหน้าฉันก็หันกลับไปมองคนที่ฉันเอ่ยถึง ฉันเห็นนะ เห็นมุมปากของเขาที่มันขยับนิดหน่อยแต่รู้ว่ามันคือรอยยิ้ม
“อื้ม สวยดี”
“...” อาการชัดเจนขนาดนี้เรียกว่าอกหักได้เลยรึเปล่านะปีใหม่
“สวยขนาดนี้แฟนปล่อยมาทำงานได้ไงไม่รู้เนอะ ถ้าปีเป็นผู้ชายแล้วมีแฟนสวยขนาดนี้ปีปล่อยให้มาทำงานไม่ได้แน่ ๆ”
“ไม่มีแฟนหรอก”
“...” พี่เขาพูดแต่สายตาก็ยังมองไปที่บาร์เทนเดอร์คนนั้นตลอดเวลา
ไม่มีแฟนงั้นเหรอ รู้ได้ไง รู้เพราะสนใจอยากเป็นแฟนของเธอคนนี้รึเปล่า
หน้าตาสวยจับตา ถึงหน้าเธอไม่ได้หวานมากแต่ดูสวยน่าทะนุถนอม รอยยิ้มดูจริงใจไม่มีพิษมีภัยกับใครเลย ถ้าเป็นศัตรูหัวใจจริงคนอย่างปีใหม่จะกล้าไปสู้กับผู้หญิงที่ท่าทางเป็นคนดีแบบนี้ได้ไงนะ
แต่! แต่ชอบไปแล้วนี่สิคะ บอกแล้วว่าไม่อยากให้ผ่านเลยไป ถ้าพี่เซนส์กับเธอคนนี้ยังไม่ได้เป็นอะไรกันฉันก็มีสิทธิ์เหมือนกันรึเปล่า
มีสิทำไมจะไม่มี อย่าสนใจผู้หญิงรอบข้างเขาเลยปีใหม่ ถ้าเขาจะรักแกมันก็อยู่ที่ตัวแกต่างหากต่อให้มีนางงามจักรวาลมายืนตรงหน้าเขาก็รักแกอยู่ดี
“พี่เซนส์”
“อื้ม”
“พาปีขึ้นไปหาเจ้พิงค์หน่อยได้ไหมคะ ปีโทรหาเจ้พิงค์ไม่ติดไม่รู้ทางไม่กล้ารบกวนพนักงานในร้านด้วย”
“ได้สิ เราจะไปเลยไหม” ใจดีจัง
“ค่ะ” ฉันยิ้มพยักหน้ารับด้วยความดีใจแล้วก็ลุกขึ้น
หมับ!
“...คะ?” ตกใจ! ตกใจมากเพราะพี่เซนส์เอื้อมมือมาจับมือฉันเอาไว้
“คนเยอะเดี๋ยวโดนลวนลาม” พี่เขายิ้มตอบส่วนฉัน...ใจบางเป็นทิชชู่ราคาถูกที่บางจนไม่รู้จะบางยังไงไปเลย -///-
ไม่มีการพูดคุยนอกจากมือใหญ่ที่จับมือฉันแน่นแล้วพาเดินขึ้นไปข้างบน
เป็นความรู้สึกตื่นเต้นที่บรรยายไม่ได้อธิบายไม่ถูก
มัน...เกินความคาดหมาย
“ไปไหนเฮีย” กำลังจะขึ้นบันไดก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นคนในร้านทักทายพี่เซนส์
“ข้างบน”
“อื้อหือ~”
“อย่าทะลึ่งไอ้ห่า นี่น้องสาวซ้อพวกมึง”
“อ่อ ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันรีบตอบกลับคน ๆ นั้นที่รีบก้มหัวขอโทษ คงคิดว่าฉันเป็นเด็กพี่เซนส์มั้งเลยแอบแซว
แต่ขอโทษนะคุณพี่ปีใหม่คนนี้ไม่เป็นเด็กผู้ชายคนนี้แน่นอน ถ้าเป็น เมีย ก็ว่าไปอย่าง อิอิ
พี่เซนส์พาฉันขึ้นไปหาเฮียฟลุ๊คไม่นานเจ้พิงค์ก็ตามมานั่งคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อย
“ปีใหม่”
พี่เซนส์เดินออกไปข้างนอกเจ้พิงค์ก็เรียกฉันเสียงเครียด โอเคค่ะปีใหม่พอจะรู้ว่ามีอะไร
“จ๋า ว่าไงคะเจ้”
“ทำไมขึ้นมากับพี่เซนส์”
“ก็ปีขึ้นมาหาเฮียกกับเจ้เองไม่เป็น พนักงานยุ่ง ๆ กันทุกคนปีก็ไม่กล้ารบกวนให้เขาขึ้นมาบอกเฮียกับเจ้นี่”
“แน่?” ทำไมเจ้ต้องหรี่ตามองด้วยเนี่ย ทำท่าทางฉลาดมาก ๆ ใส่น้องแบบนี้ไม่ได้นะ -_-!
“แน่สิเจ้ ไม่มีอะไรหรอกน่า พอดีปีเดินไปหาเพื่อน เพื่อนมันนั่งคุยกับพี่เซนส์อยู่เลยขอให้พี่เขาพาขึ้นมาข้างบนแค่นั้นเอง”
“อย่าเล่นกับไฟนะปีใหม่”
“...ไม่เล่นค่ะเฮีย ปีไม่ได้ชอบพี่เขาสักหน่อย เจอกันแค่สองสามครั้งเองจะไปชอบได้ไง” ไม่ใช้เจ้พิงค์แต่เป็นเฮียฟลุ๊คต่างหากที่เตือนออกมาด้วยเสียงที่เครียดกว่า
“ดีแล้ว อย่ายุ่งกับมัน เรื่องอื่นมันดีหมดยกเว้นเรื่องผู้หญิง จำคำเตือนของเฮียเอาไว้”
“ค่า” ฉันยิ้มรับคำเตือนด้วยความหวังดีของเจ้กับเฮียพร้อมกับ...ความดื้อในใจของตัวเองที่กำลังขัดแย้งความหวังดี
-เวลาต่อมา-
“แก”
“ว่า”
“แกรู้จักกับเซนส์นานรึยัง”
“ทำไมเหรอ”
“ถาม” มาร์กี้ท่าทางเอาเรื่องแฮะ ก็อย่างว่าแหละผู้ชายอย่างพี่เซนส์มองตาเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ได้มีดีแค่หล่อแต่ต้องหล่อครบสูตรคุณสมบัติสมบูรณ์น่าจับทำผัวแน่นอน
“ก็พักใหญ่ ๆ นะ จำไม่ได้ ทำไมเหรอ”
“ไม่ได้อะไรกับเซนส์ใช่ไหม”
“ทำไม?”
“ถามก็ตอบแค่นั้นไหม ตกลงยังไงตอบมา”
“รู้ว่าถามก็ต้องตอบ แต่ไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามนะมาร์กี้นี่เรื่องส่วนตัว” อย่ามาใช้น้ำเสียงห่วยแตกกับคนอย่างฉันด้วย
“โอเคไม่ตอบก็ไม่เป็นไร ถ้างั้นก็รู้ไว้ว่าฉันสนใจเซนส์อย่ามายุ่งกับเซนส์เด็ดขาด” มาร์กี้จ้องเขม็งส่วนฉันก็มองหน้าแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
“ได้ยินไหมปี...ปีใหม่!”
“ตะคอกเพื่อ?” ฉันไม่ชอบให้ใครมาตะคอกใส่ไม่เคยชอบพอโดนตะคอกเลยเอาเรื่องเหมือนกัน
“ถามว่าได้ยินไหมแล้วทำไมไม่ตอบ จะมาทำเมินทำไม” มาร์กี้ยังเสียงแข็งแถมยังถลึงตาใส่ฉันอีกต่างหาก
รู้นะว่าเป็นเพื่อนกันแต่ไม่ได้สนิทกันมากมายเพราะฉะนั้นไม่ต้องมาจัดจ้านในย่านนี้ ไม่งั้นจะเจอของจริงเข้า
“ไม่อยากตอบ ไร้สาระ”
“แกสนใจเซนส์ใช่ไหมถึงเมินคำพูดฉัน”
“สนหรือไม่สนมันก็เรื่องของฉัน แกสนใครฉันยังไม่สนใจเลยนะมาร์กี้”
“ปีใหม่! นี่แกจะประกาศสงครามกับฉันเหรอ!”
“ไม่ได้พูดนะแกคิดเองเออเองก็แล้วแต่จะคิดเลย แต่บอกให้รู้ไว้ว่าฉันไม่ให้ใครมาตะคอกใส่แบบนี้หลายรอบแน่”
“อีปี!”
“เฮ้ย ๆๆ มีเรื่องไรกันวะ” ไอ้ฟิวส์เดินเข้ามาแทรกกลางในจังหวะที่มาร์กี้ขยับเข้ามาใกล้ฉันเหมือนจะพุ่งเข้ามาตบ ไม่ใช่แค่มันหรอกแต่เพื่อน ๆ ก็เริ่มหยุดเต้นแล้วหันมามองฉันกับมาร์กี้เยอะแล้ว
“ไม่มีไร กูว่ามาร์กี้เมาฝากพวกมึงดูด้วยแล้วกันกูจะออกไปข้างนอกสักพัก” ฉันบอกเพื่อนเพราะไม่อยากให้คนอื่นหมดสนุกก่อนจะเดินไปข้างนอกทันที
นับหนึ่งให้ถึงร้อยนะปีใหม่ ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งพาตัวเองกลับเข้าไปกระชากหัวอีมาร์กี้มาตบ! อย่าทำแบบนั้นเพราะพี่เซนส์ยังอยู่ อย่าทำให้พี่เขาเห็นคราบมารร้ายในตัว!
ฉันเดินออกมาสงบสติอารมณ์ตัวเองเงียบ ๆ ที่ลานจอด มันยากมากนะที่จะสงบจิตสงบใจตัวเองให้ได้โดยที่ไม่ได้ระบายอะไรออกมาเลยแต่ต้องทำให้ได้ทั้งที่ความจริงโมโหแทบตาย!
“เป็นไรเรา”
“พี่เซนส์?” ฉันหันไปตามเสียงก่อนจะเอ่ยชื่อคนที่เรียกฉันด้วยความแปลกใจ
“โทษทีนะพี่มองดู...เหมือนจะมีปัญหาอะไรกันเลยตามออกมา ไม่รู้เสียมารยาทรึเปล่า”
“...ไม่หรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ” คิดว่าเขาชอบบาร์เทนเดอร์คนนั้นแต่พอได้ยินเขาบอกว่ามองดูก็อดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
ไม่รู้มองฉันหรือมาร์กี้แต่เดินตามฉันออกมาแบบนี้ก็ต้องเป็นฉันไหมวะ
“โอเครึเปล่า”
“โมโหมากเหมือนกันค่ะเลยเดินมาสงบสติอารมณ์ ส่วนเรื่องโอเคไหม โอเคมากค่ะพี่เซนส์เพราะกับมาร์กี้ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ ไม่ได้คิดมากอะไร” ฉันยิ้มแบบไม่ใส่ใจ
“ดีแล้วที่เดินมาสงบสติอารมณ์ ดีกว่าไปทะเลาะกัน”
“ค่ะ ยัยนั่นเมาเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์” เอาล่ะปีใหม่ถึงช่วงเวลากอบโกยคะแนนแล้วนะ ตอนนี้เขาคิดอะไรกับแกไหมไม่รู้แต่ที่รู้ ๆ ต้องทำให้เขาคิดว่าแกเป็นคนที่ดีในระดับหนึ่งถึงแม้ว่าความจริงแกจะดีบ้างไม่ดีบ้างปะปนกันไปก็ตาม
“อื้ม แล้วจะกลับเข้าไปข้างในไหม”
“...คงไม่แล้วล่ะค่ะ นั่งเล่นข้างนอกรอเพื่อนมันกลับดีกว่า” ฉันหยุดคิดนิดหน่อยไม่อยากเข้าไปเพราะหมดสนุกอีกอย่างก็...ถือโอกาสอ่อยด้วย
“อีกชั่วโมงกว่า ๆ เลยนะกว่าผับจะปิด”
“ค่ะ ไม่เป็นไรหรอกปีนั่งเล่นโทรศัพท์แถวนี้แหละ เข้าไปก็ไม่สนุกแล้ว”
“ไม่ค้างบ้านไอ้ฟลุ๊คเหรอ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ไม่อยากกวนเฮียกับเจ้น่าจะนอนกันแล้ว ไม่มีเสื้อผ้ามาด้วยกลับไปนอนหอดีกว่า”
เฮียกับเจ้กลับไปก่อนได้พักใหญ่แล้ว ฉันแทบไม่ได้ดื่มเลยไม่คิดจะค้างที่บ้านเฮียกับเจ้เพราะยังไงไอ้ฟิวส์ก็ไปส่งอยู่แล้วในเมื่อหอฉันถึงก่อนหอมัน
“เอาแบบนั้นเหรอ” พี่เขาดูไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ที่ฉันจะอยู่ข้างนอกคนเดียว น่ารักจัง ไม่เห็นจะดูเป็นคนไม่ดีตรงไหนเลยเนอะ
“สบายมากค่ะพี่เซนส์ พี่เซนส์ไปดื่มต่อเถอะค่ะ แค่โทรศัพท์มีแบตปีก็อยู่ได้แล้ว” ฉันยิ้มสดใสแต่ภายในใจภาวนาว่าอย่าไปนะ แหะ ๆ ^_^!
“แน่ใจ?”
“ค่ะ” ฉันยังพยักหน้ารับแต่เริ่มใจเสียแล้ว กลัวถูกปล่อยให้อยู่ข้างนอกคนเดียวจริง ๆ
อย่านะคะ อย่านะคะ อย่านะค้า~
“จะไม่เข้าไปเลยใช่ไหม”
“ค่ะ เดี๋ยวรอเพื่อนกลับทีเดียวเลย เข้าไปเดี๋ยวมีปัญหาอีก”
“...”
“พี่เซนส์ตามสบายเลยค่ะ ปีชิล ๆ สบายมาก” ฉันผายมือให้เขานิดหน่อยพี่เซนส์ก็เลยหันหน้ามองเข้าไปในผับ
เอาแล้วปีใหม่ พี่เขาน่าจะกลับไปหาบาร์เทนเดอร์คนสวยคนนั้นแน่ ๆ เฮ้อ!
ทำไงล่ะ ทำใจไง ทำใจซะเถอะ คิดซะว่าวันนี้ไม่ได้ วันหน้า...ไม่แน่ วันนี้ก็ทำใจไปก่อนนะปีเอ้ย
“ปีใหม่”
“คะ” จะไปแล้วใช่ไหมคะ T^T
“พี่ว่า...พี่ไปส่งเราตอนนี้เลยดีกว่า”