"ใครจะไปสนุกได้ เจ้านายหื่นขนาดนั้น ขืนฉันลาออกแม่ฉันฆ่าตายแน่ เงินตั้งสองสามแสน ซื้อข้าวให้จัสตินกินได้ทั้งชาติเลยมั้ง" นันทิชาบ่นกับตัวเอง เมื่อคิดถึงหน้าของเจ้านายที่ชอบฉวยโอกาสกับเธอซะเหลือเกิน เธออยากจะปรึกษาเอ็มม่าซะจริงๆ ว่าเธอรับมือกับเรื่องนี้ยังไง ถึงได้ทำงานกับเขาได้จนถึงป่านนี้
"ดูหน้าก็รู้ ว่ากำลังด่าฉันอยู่"
"เฮ้ย!" นันทิชาร้องอย่างตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงปิดประตูรถ และคนที่ลงจากรถก็ไม่ใช่ใคร
"เลิกงานแล้วก็ไม่กลับบ้าน มัวแต่ไปกินข้าวกับผู้ชาย ทั้งๆ ที่บ้านตัวเองก็มีข้าวกิน" จัสตินยืนกอดอกกวนประสาทนันทิชา
"ฉันจะกินข้าวที่ไหน กินกับใคร มันก็ปากของฉัน เลิกงานแล้วก็ทางใครทางมันสิ คุณก็มีเวลาส่วนตัวของคุณ ฉันก็มีเวลาส่วนตัวของฉัน แต่ดูท่าทางเวลาว่างๆคุณชอบทำตัวเป็นผีนะ ชอบโผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง" นันทิชาพูดพร้อมกับเปิดประตูร้านอาหาร ซึ่งตอนนี้คนในร้านบางตาแล้ว
"ด่าฉันเป็นชุดแล้วจะเดินหนีง่ายๆ แบบนี้เหรอ" เขากระชากตัวนันทิชามาไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว เหมือนกลัวว่าเธอจะหายไปทันทีที่บานประตูปิดลง
"ทำไม! จะจับฉันโยนใส่รถอีกไหมล่ะ"
"ใช่!" เขาตามที่นันทิชาพูดจริงๆ
"จะพาไปไหนก็ไป แล้วพาฉันมาส่งก่อนห้าทุ่มด้วยแล้วกัน ไม่อยากนอนดึก" นันทิชาไม่สู้รบปรบมือกับเขา เพราะเหนื่อยเต็มทน จัสตินแปลกใจที่เธอไม่แผลงฤทธิ์เหมือนก่อน เขาขับรถออกไปเรื่อยๆ จากสองข้างทางที่เต็มไปด้วยตึกสูงก็เปลี่ยนเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยต้นไม้ เขาเปิดหลังคารถออก เพื่อให้ลมเย็นๆ พัดผ่าน นันทิชาเผลอปล่อยใจไปกับบรรยากาศโดยไม่รู้ตัวว่ามีจัสตินคอยแอบมองเธออยู่...
"เธอชอบดูบาสเก็ตบอลด้วยเหรอ" เขาเอ่ยถามเบาๆ เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศความเพลิดเพลินของเธอ
"ใช่ค่ะ มันตื่นเต้นดี หยุดดูไม่ได้สักวินาทีเลย เพราะเราอาจจะพลาดอะไรสำคัญไปก็ได้" เธอบอกโดยไม่หันมามองเขา
"แล้วทำไมถึงชอบงานโรงแรม"
"ฉันชอบเที่ยวทะเล"
"แล้ว..." จัสตินจอดรถข้างทาง เพราะอยากคุยกับเธอนานๆ นันทิชาได้ยินเสียงคลื่นและกลิ่นน้ำทะเลอยู่ไม่ห่าง
"ก็เวลาฉันไปเที่ยวทะเล ฉันมีความสุขมาก และส่วนเล็กๆ ที่ทำให้ฉันมีความสุขคือที่พัก และพนักงานของโรงแรม ฉันเลยอยากเป็นความสุขเล็กๆ ของคนที่มาเที่ยวทะเล" เธอบอกเหตุผลของเธอกับเขา เหมือนที่ทุกคนเคยถามเธอ และมันมักจะจบลงด้วยความไม่เข้าใจของคนเหล่านั้น
"แล้วทำไมไม่เป็นทะเลไปเลยล่ะ จะได้เป็นความสุขทั้งหมดของคนพวกนั้น"
"เราเป็นความสุขทั้งหมดของใครไม่ได้หรอกนะคุณ" จัสตินได้ยินคำตอบของนันทิชาก็ทำให้เขาคิดอะไรได้บางอย่าง...
"พรุ่งนี้ฉันจะให้เธอเริ่มงานในตำแหน่งเด็กยกกระเป๋า" เขาเปลี่ยนเรื่องทำลายบรรยากาศ และจ้องมองปฏิกิริยาของนันทิชาอย่างตั้งใจ
"จริงเหรอคะ! ขอบคุณค่ะ คุณรู้ไหมว่าฉันอยากทำหน้าที่นี้ขนาดไหน" จัสตินพิจารณาท่าทางดีใจของนันทิชาอย่างสงสัย ไม่มีใครอยากทำงานในตำแหน่งนี้เลย นอกจากพวกคนที่หางานทำไม่ได้จริงๆ
"ถ้าเธออยากมีความฝันที่จะเป็นเจ้าของรีสอร์ทจริงๆ เธอต้องเข้าใจงานในทุกๆ ขั้นตอนอย่างถ่องแท้ ต้องลงมือทำเองในทุกหน้าที่ เริ่มต้นจากการทำงานเป็นเด็กยกกระเป๋าก่อน หลังจากนั้นฉันจะให้เธอทำงานในครัว แผนกซักรีด ดูแลสระว่ายน้ำ จัดสวน ทำความสะอาด เป็นพนักงานต้อนรับ จนถึงงานบริหารต่างๆ ที่คุณควรจะรู้และนำไปใช้งานได้จริงในอนาคต"
"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ ฉันจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เลยค่ะ ทำงานเหนื่อยกาย ยังดีกว่าอยู่ในห้องกับคุณซะอีก" นันทิชาจับมือใหญ่ของเขาเขย่าไปมา เธอดีใจที่จะได้เรียนรู้ระบบการทำงานของโรงแรมระดับโลกแบบนี้ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนเธอก็จะไม่ท้อ จัสตินพยายามรักษามาดให้นิ่งและขรึมเข้าไว้ แม้ในใจจะเต้นรัวที่มือบางแสนนุ่มเกาะกุมมือของเขาอยู่
"...เมื่อกี๊ว่าไงนะ" จัสตินเสียงเขียวเมื่อนึกถึงประโยคสุดท้ายที่เธอเผลอพูดออกมา
"แป๊บนึงนะคะ" นันทิชายกมือขอโทษเขา เมื่อโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
"ถึงบ้านแล้วเหรอ... วันหลังส่งข้อความมาก็ได้นะเจค ไม่ต้องโทร... นี่คุณ!" จัสตินแย่งโทรศัพท์มือถือจากมือของนันทิชาเมื่อได้ยินคำว่า "เจค" เขากดวางสายทันที
"จะคุยอะไรกันมากมายฮะ!" เขาอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณฮะ ปากก็ปากฉัน ฉันไม่ได้ยืมปากคุณมาคุยสักหน่อย จะเดือนร้อนทำไม ปล่อยนะ" วันนี้เธอพูดคำนี้กี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ เมื่อเขาใช้สองมือจับไหล่ของเธอไว้
"ห้ามทำอะไรฉันเด็ดขาด!" นันทิชาออกคำสั่งด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความสั่นเครือ แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ จัสตินซุกหน้าลงบนซอกคอที่มีกลิ่นหอมจางๆ ของน้ำหอม เขาฝังปากหยักบดขยี้ไหปลาร้าไล่มาจนถึงลำหอระหงส์ ก่อนจะกระชากผ้าพันคอที่เป็นหนึ่งในเครื่องแบบของพนักงานและปลดกระดุมคอเสื้อเม็ดสุดของนันทิชาออกอย่างชำนาญการ เธอดิ้นรนให้ตัวเองหลุดพ้นจากการกระทำอันแสนบุ่มบ่ามและนึกขยะแขยงในมือใหญ่ที่ดึงผ้าพันคอที่มัดไว้อย่างดีออกได้อย่างรวดเร็ว คงเป็นเพราะเขาแกะมันบ่อยจนชินมือสินะ...
"หยุดได้แล้ว! เอามือสกปรกออกไปจากตัวฉัน!" เธอร้องห้ามเมื่อมือใหญ่เลื่อนต่ำลงมาอยู่ใต้หน้าอกของเธอ จัสตินไม่ได้ยินเสียงขอร้องใดๆจากปากของนันทิชา เขาลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับเนื้อนิ่มที่นูนเต่งขึ้นมาภายใต้เสื้อ สองมือไม่รีรอบีบขยำมันเหมือนไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน นันทิชาทำให้เขาร้อนเป็นไฟเหมือนเด็กหนุ่มที่ไม่ประสีประสาเรื่องพวกนี้
"ไม่! กรี๊ด!" นันทิชาหวีดร้องเสียงหลง เมื่อมือใหญ่ทั้งสองมือกระชากเสื้อของเธอออกไปด้านข้าง จนกระดุมเสื้อกระเด็นอย่างไร้ทิศทาง และเผยให้เห็นหน้าอกใหญ่ จัสตินหยุดชื่นชมสองเต้าเหมือนมันเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่พระเจ้าได้รังสรรค์มาเพื่อให้เขาได้เชยชม เขาจับมือของนันทิชาที่พยายามปิดมัน รวบไว้ที่ต้นขาของเธอ ก่อนใช้อีกมือที่ว่างเปล่าปลดตะขอเสื้อชั้นในจากด้านหลัง ให้มันหล่นร่วงมาอยู่ที่เอวคอดกิ่ว
"หวังว่าฉันจำทำให้เธอร้องครางดังกว่าไอ้นักบาสนั่นนะ" เขาส่งยิ้มน่ากลัวให้นันทิชาจนเธอรู้สึกว่าเขาเหมือนปีศาจที่พร้อมจะพรากชีวิตเธอไป
"อย่าทำนะ!" เธอบอกด้วยความหวาดกลัว สายตาหื่นกระหายของเขาที่มองมายังหน้าอกของเธอนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนใจเลย
"หยุด! พอแล้ว!" นันทิชาร้องห้ามเมื่อลิ้นสากที่ชุ่มไปด้วยน้ำลายเคลื่อนตัวผ่านยอดอกของเธอ
"อื้ม... อร่อยกว่าที่คิดไว้เยอะ" เขาปาดลิ้นผ่านยอดถันอีกข้าง
"อ๊ะ" นันทิชากระตุกด้วยความรู้สึกที่เธอบอกไม่ถูกจริงๆ ว่ามันคืออะไร
"ครางแค่นี้เหรอ" จัสตินถามด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันและดูถูก
"ฉันไม่ได้คราง!" เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
"หึ..." จัสตินพ่นลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาละเลงลิ้นกดวนรอบฐานสลับกับดูดดื่มหัวนมเหมือนเด็กทารกที่หิวโหยน้ำนมจากมารดา อกใหญ่ชุ่มเหนียวไปด้วยคราบน้ำลายของเจ้านายผู้หื่นกระหาย
"อาห์... ใหญ่จริงๆ เว้ย" เขาชื่นชมสองเต้าอีกครั้ง คำพูดที่ออกมาจากปากเขาทำให้นันทิชารู้สึกว่ามันคือคำที่หยาบคายที่สุดในโลกเท่าที่เคยได้ยินมา เธอใช้มือที่หลุดจากการพันธนาการ ทุบตีหลังของเขาเพื่อให้เขาหยุดการกระทำอันป่าเถื่อน แต่ก็ไม่เป็นผล...
"พอเถอะ ฉันขอร้อง" นันทิชาพยายามบอกด้วยเสียงเข้มแข็ง แต่เสียงลมหายใจกลับดังกว่าด้วยซ้ำ จัสตินไม่มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่ในตัว เขาหน้ามืดตามัวไปกับร่างกายอันงดงามของนันทิชา เขาปุ่มกดปิดหลังคารถ และปรับเบาะของนันทิชาให้เอนลง ก่อนจะพาตัวเองขึ้นคร่อมตัวของเธอเอาไว้ เขาดันสองขาเรียวให้ตั้งชันขึ้น และถลกกระโปรงของเธอขึ้นมาไว้ที่เอว ก่อนจะปลดเข็มขัดของตัวเองและรูดซิบลงจุดสุด พร้อมกับดึงลำกายที่ขยายใหญ่ให้โผล่พ้นออกมาจากกางเกงชั้นใน นันทิชาพยายามขอร้องให้เขาหยุดและต่อสู้ด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่อันน้อยนิด...
"หยุด... อย่าทำกับฉันแบบนี้... ฉันขอร้อง..." น้ำใสๆ เอ่อล้นลงมาจากหัวตาอาบสองแก้ม จัสตินยกตัวเองขึ้นสูง ก่อนจะดึงกางเกงชั้นในของเธอลงต่ำ เขาจ่อปลายหัวของแก่นกายที่มีน้ำสีขาวขุ่นเล็ดออกมาเข้าไปที่โพรงสวาทช้าๆ
"อย่านะ..." นันทิชาแทบขาดใจ เมื่อคำขอร้องของเธอไม่เป็นผล
"ไม่!" เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขากระแทกมันเข้าเต็มๆ ที่จุดอ่อนไหว เธอเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก น้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนไม่ได้ออกมาจากดวงตา หากแต่เป็นสายธาราที่พัดแรงจากที่สูงอย่างไม่มีวันหมด
"อ๊ะ!" จัสตินหน้าตาเหยเกบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน เขาคิดว่าอะไรๆ มันจะง่ายดายเหมือนที่เขาคิดไว้ แต่มันกลับแตกต่างกันโอยสิ้นเชิง ปากทางเข้าโพรงสวาทนั้นเล็กมากเหลือเกิน แถมมันยังแห้งแล้งไม่มีความชุ่มชื้นใดๆ ทำให้ปลายหัวของเขาเจ็บปวดระคนทรมาน เขากระแทกมันเข้าไปอีกครั้ง...
"อู้..."
อีกครั้ง
"อืม..."
อีกครั้ง
"อาห์..."
"หยุด... ฉันขอร้อง..." นันทิชาสะอื้นใจแทบขาด พื้นที่แคบๆ ในรถ ไม่ได้ช่วยทำให้เขารู้สึกลำบากในการขืนใจเธอเลยแม้แต่น้อย เขากระแทกแท่งร้อนที่ลุกเป็นไฟไม่ยั้ง จนตัวของเขากระตุกหงึกเพราะแก่นกายแข็งเกร็งพ่นน้ำสีขุ่นออกมาจนหมด นันทิชารู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลผ่านช่องรักของเธอ จัสตินหงุดหงิดตัวเองที่มันออกมาเร็วเกินไป เหมือนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามีเซ็กส์กับผู้หญิงเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่นที่อยากรู้อยากลอง
"อาห์..." เขาใช้สองมือเขย่าน้ำที่เล็ดออกมาจนมันหยดลงที่เบาะกลางหว่างขาของนันทิชา
"จะพาฉันกลับบ้านได้หรือยัง" นันทิชาปาดน้ำตาและเบือนหน้าหันไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นเขาแม้แต่ปลายเส้นผม จัสตินยังคงทำหน้าไร้ความรู้สึก ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำขอโทษกับคนตรงหน้า เขาจัดการใส่กางเกงของตัวเองและกลับไปที่ที่นั่งของตัวเองและหักพวกมาลัยกลับรถอย่างรวดเร็ว นันทิชาดึงกางเกงชั้นในขึ้นมาใส่ ก่อนจะขยับตัวดึงกระโปรงให้อยู่ถูกที่ถูกทาง และใส่เสื้อชั้นในไว้ดังเดิม มือสั่นเทาเอื้อมมือไปหยิบเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มที่วางอยู่ที่เบาะหลังของเขามาคลุมช่วงบนของตัวเธอเองไว้...
"ฉันขอลาออก ส่วนค่าเสียหายเรื่องสัญญา พรุ่งนี้ฉันจะจัดการให้" เธอบอกพร้อมกับก้าวลงจากรถอย่างทรมาน เธอยืนแทบไม่ไหว จัสตินไม่พูดอะไร เมื่อเสียงปิดประตูดังขึ้น เขาก็เหยียบคันเร่งพารถคันหรูออกไปจากหน้าบ้านเธอทันที...
"เอกสารต่างๆ เรียบร้อยแล้วนะคะ" เจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารการลาออกให้คุณนันทิชา เธออ่านทบทวนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโรงแรมแห่งนี้อีกแล้ว นันทิชาเดินออกจากโรงแรมในช่วงบ่าย และตัดสินใจไปพักผ่อนที่บ้านต่อ ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเธอเอาแต่ร้องไห้ แม้จะบอกตัวเองให้หยุดเท่าไหร่ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่ฟังคำสั่ง สายตาแห่งความโหดร้ายที่เขามองเธอยังคงฝังอยู่ในหัว ภาพความเจ็บปวดฉายซ้ำไปซ้ำมาเป็นรอบที่ล้าน จนร่างกายที่อ่อนเพลียหลับใหลไปโดยไม่รู้ตัว...
"หวัดดีเจค" นันทิชารับสายของเขา
"แนท เย็นนี้เราจะเข้าไปกินข้าวที่ร้านของป้าแนทนะ" วันนี้เขาหมดภารกิจการฟิตซ้อมสำหรับเกมการแข่งขันแล้ว
"อ๋อ... มาสิ"
"เจอกันนะ" เขาบอกอย่างอารมณ์ดีเมื่อรู้อีกไม่กี่ชั่วโมงจะได้เจอนันทิชา
"นักกีฬาจะกินอะไรก็ได้เหรอ ถูกหลักโภชนาการหรือเปล่า" นันทิชาถามขณะที่รอรับออเดอร์จากเขาและเพื่อนร่วมทีมอีกสองคน เธอรู้สึกดีใจที่ได้เจอนักกีฬาที่เธอชื่นชอบมาตลอดหลายปี
"กินได้สิ ปรึกษาเทรนเนอร์แล้ว" เจค็อบตอบไปยิ้มไป
"รับรองว่าอาหารไทยร้านป้าเราอร่อยที่สุดในเมือง จนต้องกลับมากินอีกแน่ๆ" นันทิชาบอกอย่างภูมิใจ หลังจากเธอรับออเดอร์และเสิร์ฟอาหารให้เจค็อบและเพื่อนๆ ของเขา เธอนั่งร่วมโต๊ะตามคำเชิญชวน ทั้งสี่คนพูดคุยกันอย่างออกรส โดยเฉพาะนันทิชาที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังวงการบาสเก็ตบาสที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน แขกในร้านต่างพากันพุ่งสายตามาที่บรรดานักกีฬาทีมโปรดประจำเมือง นันทิชารู้สึกอึดอัดในตอนแรก แต่เมื่อพวกเขาแนะนำว่าให้ทำตัวตามสบาย อย่าไปใส่ใจอะไรมาก เธอก็ผ่อนคลายขึ้น แต่แล้วความเพลิดเพลินของเธอก็ถูกขัดจังหวะ เมื่ออดีตเจ้านายของเธอเดินเข้ามาในร้าน สายคาคมสบตากับเธอทันที เหมือนเขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
"อ้าว! คุณจัสติน นั่งด้วยกันไหมครับ" หนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของเจค็อบร้องทัก เมื่อเห็นจัสตินกำลังเดินผ่าน
"ขอยืมตัวผู้ช่วยผมสักครู่ได้ไหมครับ" จัสตินตอบคำถามด้วยคำถาม นันทิชามองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ เขายังต้องการอะไรจากเธออีก
"เดี๋ยวแนทมานะ" นันทิชาหันไปบอกเจค็อบ ก่อนจะเดินตามจัสตินออกไป เธอเห็นเขายืนรอไม่ไกลจากร้าน เธอเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะหยุดเดินอยู่ห่างจากเขาไม่กี่เมตร เธอพิจารณาผมของเขาที่ถูกเซ็ตลวกๆ ก่อนจะย่อตัวถอดรองเท้าและหยิบมันขึ้นมา...
"โอ๊ย!" จัสตินร้องเสียงหลง เมื่อโดนอะไรบ้างอย่างกระทบที่ศีรษะ และเมื่อเขาหันมาตามทิศทางของวัตถุ นันทิชาก็ปารองเท้าอีกข้างเข้าเต็มๆ หน้า
"เธอ!" เขาล้วงผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อสูทมาเช็ดลวกๆ ก่อนจะรีบก้าวยาวๆตามนันทิชาเข้าไปในร้าน เขาเห็นหลังของเธอวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็ว จึงรีบมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าทางปลอดโปร่ง จัสตินก็รีบวิ่งตามเธอไปทันที
"หลบหน้าฉันทำไม" เขาแทรกตัวเข้าไปในห้องก่อนที่ประตูจะปิดลง นันทิชาไม่พูดไม่จา ทำเหมือนเขาเป็นอากาศ
"ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง" เขากระชากแขนเล็กและดึงตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน
"จะพูดดีๆ หรือต้องให้ฉันเปิดปากให้พูด" เขาโน้มหน้าลงไปใกล้หวังว่าจะขู่นันทิชา แต่เธอกลับนิ่งเฉย
"ตราบใดที่ฉันไม่ได้เซ็นอนุมัติใบลาออก เธอยังคงเป็นลูกจ้างของฉันอยู่ และนายจ้าง ก็มีสิทธิ์ที่จะสั่งงานเธอยังไงก็ได้" นันทิชา
"แนท... มีอะไรหรือเปล่า" เสียงของเจค็อบดังขึ้น จัสตินหันไปมองที่ประตูและปล่อยมือออกจากตัวนันทิชาทันที เจค็อบเดินตามขึ้นมาเพราะเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ทั้งหมด
"ไม่มีอะไรหรอกเจค" เธอเดินผ่านเขาไปหาเจค็อบ ทั้งคู่เดินลงบันไดไปโดยไม่สนใจจัสตินที่ยืนกำมือของตัวเองไว้แน่น เขาหงุดหงิดตัวเองที่ตั้งใจจะมาขอโทษเธอ แต่พอเห็นเธออยู่กับเจค็อบ ความรู้สึกผิดในใจก็หายไปทันที
"ขอบคุณที่แวะมานะ... ทุกคนเลย" นันทิชาพูดต่อท้าย เพราะกลัวว่าเจค็อบจะเข้าความหมายของเธอผิดไป
"อ่ะ" เขายื่นกระดาษอะไรบางอย่างให้นันทิชา เธอรับมันมาอย่างตื่นเต้นเพราะพอจะเอาออกว่ามันคืออะไร เธออ่านรายละเอียดบนตั๋วสำหรับเข้าชมเกมบาสเก็ตบอลที่เขาหามาให้
"โห! วีไอพีเลยเหรอเจค มันแพงนะ เราจ่ายไม่ไหวหรอก มีที่นั่งธรรมดาๆ ไหม" นันทิชารีบส่งคืนเขาทันที ตั๋ววีไอพีติดขอบสนามแบบนี้ตีเป็นเงินไทยก็ไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นบาทเลยนะ
"เราหาได้แค่นี้แหละ ไม่ต้องคิดมากนะแนท เราได้มาฟรีอยู่แล้ว" เขาจับมือของนันทิชาหงายขึ้นและวางตั๋วลงในมือของเธอ ก่อนจะดันปลายนิ้วทั้งห้าของเธอให้กำมันไว้
"เรารับไว้ไม่ได้หรอก"
"อย่าคิดมากสิแนท เราอยากให้แนทไป โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ ติดขอบสนามจนแทบจะเห็นขนจมูกนักบาสเลยนะ" เขาหาเหตุผลสารพัดมาสนับสนุนการตัดสินใจของนันทิชา
"ให้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายนะ" เธอตัดสินใจรับมันไว้
"เจอกันที่สนามวันอาทิตย์นะ" เขาบอกลาเธอด้วยการหอมแก้ม...
"ขับรถดีๆ" นันทิชาส่งยิ้มให้เขาและพยายามบอกตัวเองให้ชินกับการทักทายและร่ำลาแบบนี้เสียที
"มานี่!" ทันทีที่รถของเจค็อบและเพื่อนๆ แล่นออกไป จัสตินก็ดึงร่างบางมาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง เขาหยิบถุงกระดาษเล็กๆ ในกระเป๋าส่งให้นันทิชา และปล่อยเธอให้เป็นอิสระก่อนจะเดินจากไป นันทิชางุนงงกับพฤติกรรมของเขา และทิ้งมันลงถังขยะที่อยู่ใกล้ๆ แต่เมื่อได้ยินเสียงรถของเขาดังไกลออกไป เธอก็หยิบมันขึ้นมาคืน ตกดึกนันทิชานั่งมองถุงกระดาษของจัสติน และลังเลว่าจะเปิดมันดีหรือไม่ เธอนั่งครุ่นคิดอยู่หลายสิบนาที จนสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับอคติของตัวเอง
'ยาแก้ปวด'
'ยาคลายกล้ามเนื้อ'
'ยาสำหรับลดอาการบวม'
'เจลสำหรับทาคลายกล้ามเนื้อ'
นันทิชาอ่านชื่อยาแต่ละชนิดในถุงกระดาษที่จัสตินให้เธอ เธอไม่เข้าใจว่าเขาเอามาให้เธอทำไมกันแน่ จนกระทั่งได้อ่านฉลากยาตัวสุดท้าย
'เจลสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สำหรับใช้ในจุดซ่อนเร้น'
"จะเอายาร้อยอย่างมาฆ่ามันก็ไม่ตายหรอก บีบใส่ปากนายให้ตายๆ ไปซะยังดีกว่า" นันทิชากร่นด่าเขาด้วยความไม่พอใจ
ด้านจัสตินเมื่อขับรถออกมาได้เพียงเล็กน้อย เขาก็จอดรถข้างทางเพราะไม่มีสมาธิที่จะจดจ่อกับท้องถนน ในหัวเขาไม่พอใจที่นันทิชาทิ้งถุงกระดาษลงถังขยะโดยไม่เปิดดูมันเลย เขาไม่เข้าใจว่าความเจ็บปวดที่เขาทำต่อเธอมันรุนแรงแค่ไหน และก็ไม่รู้จะรักษามันให้ดีขึ้นยังไง จึงซื้อยาอะไรก็ตามที่มันอาจจะช่วยให้เธอดีขึ้น เธออาจจะปวดไปทั้งตัว หรืออาจจะแสบ หรืออะไรก็แล้วแต่ และถ้าเธอได้อ่านกระดาษแผ่นนั้น เธอจะหายโกรธเขาบ้างไหม...
"อะไรอีกเนี่ย" เธอหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ตกลงบนโต๊ะ
'Natt, I am so sorry... Justin'
"พูดเองมันจะตายไหมฮะ" นันทิชาใส่อารมณ์กับเจ้าของลายมือบนกระดาษ ความโกรธที่มีอยู่จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามันหายไปเพราะคำไม่กี่คำ เธอเก็บยาต่างๆ รวมทั้งกระดาษแผ่นนั้นใส่ถุง ก่อนจะเก็บมันไว้ในลิ้นชัก และเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อตอบกลับอีเมลยืนยันการสัมภาษณ์งานที่โรงแรมแห่งใหม่ในวันพรุ่งนี้...