"แยกย้ายไปตามแผนกของตัวเองได้เลยนะคะ ออกจากห้องประชุมแล้วจะมีพนักงานรุ่นพี่รอต้อนรับ ไม่ต้องห่วงว่าจะกลัวหลงทางค่ะ พี่ขอย้ำสองเรื่องที่สำคัญมากๆ ในการทำงานที่ The Heaven อีกนิดนะคะ เรื่องแรกขอให้ทุกคนตระหนักว่าแขกที่มาเข้าพักคือตัวของเราเอง เราอยากได้รับการบริการที่ดี หรือบริการแย่ๆ จากโรงแรม? ข้อคิดสั้นๆ แค่นี้ พี่เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนสามารถทำงานออกมาได้ดีค่ะ และเรื่องที่สอง มันอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน แต่เรื่องนี้เป็นปัญหาที่สะสมมานาน โดยเฉพาะกับพนักงานผู้หญิง ตั้งใจฟังให้ดีนะคะ" พนักงานใหม่จำนวนกว่าห้าสิบคนต่างเฝ้ารอคำพูดที่กำลังจะได้ยิน
"ห้ามพนักงานทุกคน ขึ้นไปบนชั้นทำงานของคุณจัสตินโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ก็ตาม ไม่ต้องแกล้งทำเป็นหลงทาง ไม่ต้องอ้างว่ามีธุระด่วนใดๆทั้งสิ้น เพราะอาจจะโดนไล่ออกภายในห้านาที เข้าใจตามนี้นะคะ พี่ถือว่าพี่ได้เตือนน้องๆ แล้วนะคะ" สิ้นสุดคำพูดของหัวหน้าฝ่ายบุคคล พนักงานสาวๆ หลากหลายสัญชาติต่างบ่นออกมาอย่างเสียดาย ทุกคนต่างหวังที่จะได้ใกล้ชิดกับผู้บริหารรูปหล่อทั้งนั้น ยกเว้นก็แต่นันทิชา...
"ใครจะไปอยากยุ่ง โรคจิตจะตาย" นันทิชาคิดถึงตอนที่เขาจู่โจมจูบเธอที่ร้านอาหารของป้าจิต และตอนที่เขาขโมยเบอร์โทรศัพท์ของเธอไป...
"พนักงานที่ชื่อนันทิชา รอคุยกับพี่ก่อนนะคะ" หัวหน้าฝ่ายบุคคลบอกขณะที่พนักงานใหม่กำลังทยอยออกจากห้อง นันทิชาเริ่มกังวล มีเรื่องอะไรที่เธอทำผิดพลาดไปหรือเปล่านะ...
"นันทิชาใช่ไหมคะ"
"ใช่ค่ะ" นันทิชายิ้มตอบ จะได้ฟังเรื่องร้ายหรือดีก็ไม่รู้ แต่ยิ้มไว้ก่อนแล้วกัน
"พี่ขอเปลี่ยนตำแหน่งงานของหนูนะคะ"
"ทำไมล่ะคะ หนูทำอะไรผิดหรือเปล่า" นันทิชาแปลกใจ เพราะหน้าที่ที่เธอได้รับมอบหมายในตอนแรกคือหน้าที่ดูแลลูกค้าของโรงแรมที่เป็นคนไทยที่เข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้เป็นหลัก
"เป็นคำสั่งจากผู้บริหารค่ะ"
"ค่ะ" นันทิชาเลือกสงบปากสงบคำไว้ที่กว่า
"หน้าที่ใหม่ของน้องนันทิชาคือเป็นผู้ช่วยคุณจัสตินนะคะ"
"หะ!"
"ไม่ใช่น้องคนเดียวที่ตกใจค่ะ พี่ก็ตกใจเหมือนกัน"
"คุณจัสตินจะเริ่มประชุมวันนี้ตอนสิบเอ็ดโมง หนูมีเวลาอีกประมาณสี่สิบนาที ขึ้นไปที่ห้องทำงานของคุณจัสตินและเตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อมด้วยนะคะ"
"เอ่อ..." นันทิชาไม่รู้ว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง
"เดี๋ยวผู้ช่วยอีกคนของคุณจัสตินจะบรีฟให้ฟังระหว่างที่หนูเดินไปนะ ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ" หัวหน้าฝ่ายบุคคลบอกและปิดแฟ้มเอกสาร ก่อนจะเดินหนีไป นันทิชาเดินก้าวขายาวๆ ตามผู้หญิงคนเดิมที่เธอเจอเมื่อครู่ เธอมีชื่อว่าเอ็มม่า เป็นผู้ช่วยที่ทำงานกับพ่อของจัสตินมาก่อน เธอพูดเร็วและพูดยาวมาก จนเธอแทบจะฟังไม่ทัน ดีนะที่เธอเตรียมพร้อมกับการฟังภาษาอังกฤษมาอย่างดี...
"แนทเข้าใจที่พี่พูดทั้งหมดนะ" เธอถอนหายใจเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก
"คิดว่าหมดค่ะ" เธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เลย...
นันทิชาเดินออกจากลิฟต์ที่พาเธอและเอ็มม่าขึ้นมาถึงชั้นสูงสุดของโรงแรม เธอแปลกใจที่ชั้นนี้ไม่มีผนังห้อมล้อมเหมือนชั้นอื่นๆ แต่กลับเต็มไปกระจกใสที่ด้านหนึ่งมองเห็นวิวชายหาดที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่กิจกรรมทางน้ำต่างๆ บ้างก็นอนอาบแดด บ้างก็เดินเล่นริมชายหาด และเมื่อมองไปอีกด้าน ก็จะเห็นโดยรอบของโรงแรมทั้งหมด เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ได้ไม่กี่ก้าว เธอพบกับสนามกอล์ฟขนาดจำลองพร้อมอุปกรณ์ครบชุด ถัดมาก็มีเครื่องออกกำลังกายวางเรียงรายเต็มไปหมด บรรยากาศทั้งหมดในชั้นถูกตกแต่งให้เหมือนสวนสาธารณะขนาดย่อมเลยก็ว่าได้ เพราะมันเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนสวนบนดาดฟ้า นันทิชาแปลกใจว่าต้นไม้พวกนี้จะได้รับออกซิเจนจากไหน ในเมื่อมันถูกกระจกใสปิดทับที่ด้านบน แต่ความคิดทั้งหมดก็หยุดลง เมื่อเอ็มม่าพาเธอเดินมาจนสุดปลายทางเดินของชั้น เธอมองไม่เห็นอะไรด้านในห้องกระจกสีดำนั้นเลย...
"ถึงห้องทำงานคุณจัสตินแล้วจ้ะน้องแนท น้องแนทเข้าไปได้เลยนะ" เอ็มม่าชี้ให้เธอรู้ว่าประตูทางเข้าอยู่ตรงไหน เพราะนันทิชาแยกไม่ออกแน่ๆ ในเมื่อมันเป็นกระจกสีดำทั้งหมด
"ตรงนี้จ้ะ เวลาจะเปิดแตะตรงนี้นะ" เธอบอกอย่างใจดี เพราะครั้งแรกที่เธอต้องขึ้นมาที่นี่ เธอก็สับสนไม่แพ้นันทิชาเลย
"แล้วโต๊ะทำงานพี่เอ็มม่าอยู่ตรงไหนเหรอคะ" นันทิชาถามอย่างสงสัย ปกติตำแหน่งเลขาหรือผู้ช่วยผู้บริหาร ถ้าไม่นั่งอยู่หน้าห้อง ก็ต้องนั่งอยู่ข้างในด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าโต๊ะทำงานของเอ็มม่าไม่ได้อยู่ทั้งสองที่
"อยู่ข้างล่างชั้นนี้จ้ะ"
"อ้าว... แล้วเวลาจะเซ็นเอกสารอะไร ไม่เดินเหนื่อยเลยเหรอคะ"
"พี่ท่องไว้ตลอดค่ะ ว่าการเดินคือหนึ่งในการทำงานของพี่ เข้าไปเถอะ พี่ไปก่อนนะ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เอ็มม่า" เธอกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ นันทิชาหายใจเข้าลึกๆ และเข้าไปในห้องทันที
"เอ่อ... ขอโทษค่ะ" นันทิชารีบหันหน้าหนีจากภาพตรงหน้า เจ้านายใหม่ของเธอกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่บนโซฟากับสาวผมทองที่เธอคุ้นหน้าเหลือเกิน
"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!" เสียงจัสตินตะโกนห้ามนันทิชาไม่ให้ออกจากห้องไป เธอได้ยินเขากระซิบกระซาบกับผู้หญิงคนนั้นให้กลับไปก่อน เธอเดินผ่านนันทิชาและส่งยิ้มให้เธอด้วย
"Oh my god... จีจี้" เพราผู้หญิงที่เพิ่งเดินผ่านเธอไปคือนางแบบชื่อดังระดับโลกที่เธอชื่นชอบในผลงาน และวันก่อนมีภาพแอบถ่ายจากปาปารัซซี่ของเธอที่หน้าโรงแรมแห่งนี้ ก็เพราะอย่างนี้สินะ...
"จะยืนตาค้างอีกนานไหม" เสียงทุ้มต่ำและลมหายใจอุ่น ดังขึ้นที่ข้างหูของนันทิชา แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ตกใจที่เขาชอบเข้ามาใกล้โดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอขนลุกและใจสั่น เธอเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวให้ตัวห่างจากเขา ก่อนจะหันกลับมาช้าๆ
"ติดกระดุม" จัสตินยืนเท้าเอวด้วยสีหน้าภูมิใจในมัดกล้ามที่หน้าท้องของตัวเอง นันทิชาหน้าแดงเมื่อถูกเขาจับได้ว่าเธอแอบมองมัน
"ไม่ติดค่ะ" เธอโบกมือไปมาอย่างปฏิเสธ
"ติดกระดุมให้ฉัน" เขาคว้ามือนันทิชามาแนบชิดกับเสื้อเชิ๊ต
"หน้าที่ของเธอในโรงแรมนี้คืออะไร" เขาไม่รั้งมือนันทิชาที่ดึงกลับไปซ่อนไว้ด้านหลังของตัวเองแล้ว
"เป็นผู้ช่วยของคุณค่ะ" เธอตอบอย่างชัดเจน
"งั้นก็ช่วยทำตามที่ผมทำสั่งด้วย ติดกระดุมให้ผม... เดี๋ยวนี้" เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ สายตาจ้องมองนันทิชาไม่หยุด
"ค่ะ" นันทิชายื่นแขนไปจนสุดเพื่อที่จะอยู่ห่างจากเขาให้ได้มากที่สุด
"ว๊าย!" จัสตินกระชากแขนเล็กอย่างแรง จนตัวของเธอถลามาแนบชิดกับตัวของเขา เขาใช้สองมือประสานกันไว้ที่สะโพกของนันทิชา
"ติดสิ" เขาถอยหลังเล็กน้อยเพื่อให้นันทิชาติดกระดุมได้ง่ายขึ้น ร่างบางพยายามหลบสายตาและลมหายใจอุ่นๆ ของเขาที่รดอยู่ที่หน้าผากนูน เธอติดกระดุมทั้งหมดเสร็จอย่างรวดเร็ว...
"จัดปกคอเสื้อ" เขาออกคำสั่งอีกครั้ง นันทิชาทำตามเพราะรู้ตัวว่าถ้าขัดคำสั่ง เธอต้องโดนฉวยโอกาสอีกแน่ และจะหนีไปทางไหนก็ต้องเจอทุกส่วนของร่างกายเขารั้งเอาไว้
"เป็นง่อยเหรอคะ" เธอถามเขาโดยไม่สบตา ในเมื่อใช้ร่างกายสู้ไม่ได้ ก็ขอใช้คำพูดแล้วกัน
"หึ... รูดซิบ" หน้าคมคร้ามหนวดเคราสะอึกเล็กน้อยที่ได้ยินคำถาม
"เป็นง่อยจริงๆ ด้วย" นันทิชาเลื่อนมือไปที่เป้ากางเกงของเขา โดยพยายามให้มือไม่สั่น แต่เมื่อพบว่าแก่นกายชายหนุ่มมันนูนขึ้นมา เธอก็หยุดความสั่นไว้ไม่ได้ และชักมือกลับทันที
"อีกสิบห้านาทีคุณต้องเข้าประชุมแล้วค่ะ ฉันต้องเตรียมเอกสารต่างๆ ให้คุณก่อน" นันทิชาก้าวเท้ายาวๆ ไปที่โต๊ะทำงานของจัสติน เธอหยิบเอกสารต่างๆ ตามที่เอ็มม่าบอกใส่แฟ้ม โดยมีจัสตินยืนกอดอกมองดูเธออย่างไม่ละสายตา
"ทำไมยังไม่รูดซิบอีกคะ" เธอหันมาถามเมื่อเห็นว่าเขายืนนิ่งไม่จัดการตัวเอง
"เหลืออีกสิบนาทีค่ะ ไปกันเลยไหมคะ" เมื่อเขาไม่ตอบอะไร นันทิชาจึงยืนกอดแฟ้มเอกสารไว้แน่น จัสตินกลับเข้าสู่โหมดเงียบใส่นันทิชาอีกครั้ง เขาเดินตรงมายังโต๊ะทำงานและกดโทรศัพท์บนโต๊ะ
"เลื่อนประชุมวันนี้ทั้งหมดออกไปก่อน"
"เลื่อนทำไมคะ พี่เอ็มม่าบอกว่าเรื่องงบประมาณสำคัญมากนะคะ"
"ผมเป็นเจ้าของโรงแรม"
"รู้ค่ะ แต่จู่ๆ อยากจะยกเลิกประชุมโดยที่ไม่มีเหตุผลได้ยังไงคะ คนอีกซีกโลกเค้าเตรียมตัวรอคุณอยู่นะคะ อย่างที่สิงคโปร์เนี่ย เวลาก็ห่างจากที่นี่ต้องสิบกว่าชั่วโมง ที่นี่ตอนกลางวัน ที่นั่นตอนกลางคืน จะไม่ให้เค้ากลับบ้านไปพักผ่อนหน่อยเหรอคะ" นันทิชาร่ายยาวอย่างไม่เข้าใจพฤติกรรมของผู้บริหารคนนี้เลย
"งั้นก็มารูดซิบให้มันเสร็จๆ สิ จะได้ไปประชุมเรื่องสำคัญสักที" เขาเดินเข้ามาใกล้นันทิชาอีกครั้ง
"ไม่รูดค่ะ"
"ทำไมสั่งยากสั่งเย็นอย่างนี้ฮะ!" จัสตินคำรามด้วยความหงุดหงิด เขาดึงมือนันทิชามาแนบที่เป้ากางเกง จนแฟ้มเอกสารลงไปกองกับพื้น
"นี่คุณจะบ้าเหรอ! รูดเองสิ!" เธอพยายามดึงมือออกจากเป้ากางเกงที่ถูกดุนดันให้นูนขึ้นมาจากแก่นกายด้านใน
"อาห์" จัสตินพ่นลมหายใจกระหายออกมา ยิ่งนันทิชาพยายามดึงมือออกเท่าไหร่ มือใหญ่ที่ดันมือเล็กกลับเข้ามาให้สัมผัสกับเป้ากางเกงยิ่งส่งผลต่อมันยิ่งนัก
"ทำให้ฉัน!" เขาออกคำสั่งเสียงดัง
"ทำให้ฉัน? ทำอะไร… ฉันไม่ทำ!" นันทิชาถาม แม้ในใจลึกๆ จะรู้ว่าดีเขาหมายถึงอะไร เกิดมาเธอไม่เคยเจอใครโรคจิตเท่าเขามาก่อนเลย
"ทำเดี๋ยวนี้ ล้วงมันออกมา!" เขากดมือนันทิชาลงที่เป้ากางเกงหนักขึ้น
"อาห์... เอามันออกมา!" เขาปลดหัวเข็มขัดและจับมือนุ่มๆของนันทิชายัดเข้าไปในกางเกงใน
"ไม่! ช่วยตัวเองไปสิ ทำให้ต้องให้ฉันช่วย!"
"ดึงกางเกงฉันลง!"
"ไม่!"
"ขัดคำสั่งฉันทุกคำเลยนะ"
"อื้อๆ" นันทิชาเบือนหน้าหนีจากมือใหญ่ที่กอบกุมหน้าของเธออยู่ ปากหยักได้รูปจู่โจมบดขยี้ริมฝีปากที่แต้มไปด้วยลิปสติกสีแดงอ่อนๆ อย่างรุนแรง จนรอบปากของเขาและเธอกลายเป็นสีเดียวกัน
"จะทำดีๆ หรือต้องให้จูบทั้งตัวฮะ!" เขาขู่เธอเสียงดังและส่งสายปานจะกลืนกินไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
"อู้..." จัสตินครางลั่นเมื่อมือนุ่มกอบกุมแท่งร้อนไว้ในกำมือ นันทิชาไม่อยากเสียตัวไปมากกว่านี้ เธอยอมทำตามความต้องการของเขาและยืนถอยห่างออกจากเขาเล็กน้อย ก่อนจะดึงกางเกงทั้งในและนอกของเขาลง แก่นกายที่กลางหว่างขาเด้งออกมาหลังจากอยู่ในความแออัดคับแคบมาสักพัก มือเล็กของเธอกำมันไว้เกือบไม่ได้เพราะมันมีขนาดใหญ่เหลือเกิน
"อาห์..." จัสตินพอใจเมื่อเห็นนันทิชากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เธอใจเต้นรัวเหมือนกลองที่ตีโหมโรงดังสนั่นหวั่นไหว ในใจเกลียดเขาแต่ร่างกายกลับรู้สึกต้องการอยากรู้อยากเห็นสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เธอขยับนิ้วขึ้นลงช้าๆ ขึ้นจนสุด ลงจุดสุดพร้อมเกี่ยวผิวหนังที่หุ่มอยู่ที่ปลายหัวหร่นติดลงมาด้วย
"ซี๊ด... ออกแรงหน่อยถ้าอยากให้ฉันเข้าประชุมให้ทัน" เขาเอาเรื่องงานมาอ้าง
"เล่นหัวมัน" จัสตินบอกคนตรงหน้าที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย
"โอ้..." เมื่อนิ้วของนันทิชาสัมผัสลงที่ตรงกลางปลายหัว จัสตินก็เด้งสะโพกกระแทกกับมือบางอย่างแรง
"ซี๊ด..." ยิ่งลำกายสวนทางกับมือที่กอบกุมอยู่มากเท่าไหร่ เขายิ่งร้องครางดังขึ้นเท่านั้น
นันทิชามองหน้าเหยเกที่แหงนมองท้องฟ้าสีสวยผ่านกระจกใสด้านบนอย่างสับสน เสียงในหัวของเธอบอกว่าเขาช่างเซ็กซี่เหลือเกิน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราอ่อนๆ กับดวงตาสีฟ้าที่เพิ่งจะปิดลงไป ปากหยักได้รูปที่กัดเม้มอยู่นั้น ทำให้เธอรู้สึกอยากเปิดมันออกจากกัน
"อาห์... เร็วๆ" จัสตินใกล้ถึงฝั่งฝนจนแก่นกายกระตุกหงึกอย่างรอการปลดปล่อย
"อืม..." นันทิชาเผลออ่อนไหวไปตามอารมณ์ของร่างกาย เธอขยับมือแรงและเร็วอย่างไม่ยอมแพ้สะโพกของเขา
"อย่าคราง... ฉันเตือนเธอแล้วนะ" นันทิชาสะดุ้งเพราะเขาพูดเหมือนรู้ว่าร่างกายของเธอตอนนี้ต้องการอะไร
"อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ เสียวโว้ย!” จัสตินตะโกนเสียงดังจนนันทิชาตกใจ มันจะอะไรขนาดนั้นฮะ...
"เร็ว! ฉันจะแตกแล้ว โอ้... อาห์..." น้ำแห่งความใคร่สีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนเต็มมือของนันทิชา เธอมองลำกายใหญ่ยาวของเขาที่มีน้ำสีขาวเล็ดหล่นลงกองที่พื้น เขาจับมือของเธอขึ้นมาเลียทีละนิ้วทุกซอกทุกมุมเพื่อทำความสะอาด...
"อื้ม... แฉะไปหมด" จัสตินบีบมือลงที่หว่างขาของนันทิชา สายตายังคงจ้องมองต่อสู้กับดวงตาของเธอที่จ้องเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้
"กรี๊ด!” ที่แท้เขาก็หลอกล่อเธอนี่เอง นันทิชาหนีบขาเข้าหากันอย่างป้องกันตัว แต่กลับลืมไปว่ามือหนาก็อยู่ในนั้นด้วย
"แฉะจริงๆ ด้วย" เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อสัมผัสได้ถึงความชื้นที่ซึมผ่านกางเกงของเธอ
"ฉัน ขอ ลา ออก!" นันทิชาผลักอกผู้เป็นเจ้านายจนตัวเซไปด้านหลัง เธอก้มหยิบแฟ้มเอกสารที่เลอะไปด้วยกรามของเขาขึ้นมาและปาใส่เขาเข้าอย่างจัง
"ไอ้ฝรั่งโรคจิต!" เธอวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจคำสั่งของจัสติน
"หยุด! ฉันบอกให้หยุด!" จัสตินดึงกางเกงขึ้นมาใส่ลวกๆ และวิ่งตามนันทิชา
"เร็วๆ สิ เร็วๆ" นันทิชาใจร้อน เธอภาวนาให้ลิฟต์เปิดออกสักที เขาจวนจะวิ่งมาถึงเธอแล้ว
"หยุด!" จัสตินเบี่ยงตัวแทรกเข้าไปในลิฟต์ที่กำลังจะปิดลงได้ทันเวลา
"ถ้าฉันสั่งให้หยุดก็ต้องหยุด เข้าใจไหม!" เข้าจับไหล่มนกระแทกเข้ากับผนังลิฟต์โดยไม่สนใจว่าเธอจะเจ็บหรือไม่ ก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มที่แผงควบให้ลิฟต์ค้างไว้
"เข้าใจ! แต่ไม่ทำ คุณไม่ใช่เจ้านายของฉันแล้ว ฉัน ลา ออก!"
"คิดว่าจะออกได้ง่ายๆ เหรอฮะ"
"จะไปยากอะไรล่ะ ก็พูดอยู่นี่ไงว่าลาออก!"
"เธอรู้ไหมว่ามีคนเป็นหมื่นอยากทำงานกับโรงแรมนี้ ทำเป็นหยิ่งเล่นตัวไปได้"
"ฉันไม่ได้เล่นตัว!"
"หึ... เป็นผู้หญิงคนอื่นป่านนี้เค้าขึ้นคร่อมฉันไปแล้ว"
"แล้วทำไมฉันต้องทำตัวง่ายๆ เหมือนผู้หญิงคนอื่นด้วย ผู้ชายง่ายๆ อย่างคุณก็เหมาะกับผู้หญิงแบบนั้นแหละถูกแล้ว"
"ทำไมเถียงเก่งอย่างนี้ฮะ!" มือใหญ่ง้างบีบแก้มทั้งสองข้างของร่างบางจนปากของเธออ้าออกจาก
"ห้ามจูบฉัน!" นันทิชาบอกเสียงดังเมื่อจัสตินเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้
"อยากให้ฉันเข้าประชุม ก็ให้ฉันจูบสิ" เขาทำหน้าท้าทายนันทิชา เพราะเพียงได้พูดคุยไม่กี่คำก็รู้ว่าเธอเป็นคนที่จริงจังกับงานมากแค่ไหน
"ฉันไม่สนงานของคุณหรอกนะ ฉันลาออกแล้วไม่ได้ยินหรือไง" นันทิชาสะบัดตัวจนหลุดจากการเกาะกุมของเขา
"โอ๊ย!" เธอยกเข้ากระแทกเข้าเต็มเป้าของจัสตินอย่างเต็มแรง
"ฉัน! ลา! ออก! เข้าใจไหม!" นันทิชาตะโกนบอกสิ่งที่เธอต้องการอีกครั้ง ก่อนจะถีบเขาเต็มแรงที่หน้าท้อง และผลักตัวเขาที่ง้องุมด้วยความเจ็บปวดออกจากลิฟต์
"หยุด! ฉันบอกให้หยุด" นันทิชาไม่สนใจคำขอร้องจัสติน เธอกดลิฟต์และชูนิ้วกลางให้เขา ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง จัสตินโอดครวญเพราะเจ็บปวดที่หว่างขา แถมส้นรองเท้าแหลมสูงที่ทิ่มเข้าเต็มๆ หน้าท้อง ยังทำให้เข้าเจ็บตัวและยิ่งกว่านั้นคือเจ็บใจ...
"อ้าวแนท! ทำไมกลับเร็วจังล่ะลูก แนท!" ป้าจิตและลุงเบนมองตามหลานสาวที่วิ่งขึ้นห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว
"จัสติน!" สองลุงป้าต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อเจ้านายของหลานสาวเดินตามเข้ามาติดๆ
"สวัสดีครับ" จัสตินยกมือไหว้ป้าจิตและลุงเบนเร็วๆ ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดตามนันทิชาไป
"กลับไปทำงาน!"
"ไม่กลับ ไม่ไป ไม่ทำ บอกว่าลาออกแล้วไง" นันทิชาสะบัดมือใหญ่ที่จับข้อมือของเธอออก
"ฉันไม่อนุญาตให้เธอลาออก" เขาลากแขนเธอเข้าไปในห้องที่เธอยืนอยู่
"ฉันจะออก มีเจ้านายอย่างคุณฉันกลับไปงานที่บ้านฉันดีกว่า"
"กล้าดียังไงมาปฏิเสธฉันฮะ เมื่อตอนอยู่หน้าโรงแรมยังบอกว่าคิดถึงฉัน... อยากกอด อยากหอม" เขาผลักตัวนันทิชาลงบนไปกองบนเตียง และขยับหน้าเข้าไปใกล้จนลมหายใจของทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
"ใครพูด"
"เธอไง"
"ฉันไม่ได้พูดว่าฉันคิดถึงคุณ"
"พูด! ฉันได้ยินเต็มสองหู"
"ฉันบอกหมาฉันย่ะ"
"หมา?"
"ใช่! หมาฉันชื่อจัสติน จัสตินเป็นหมาที่นิสัยดี นิสัยเหมือนคน แต่คุณน่ะ นิสัยเหมือน... อ๊าย!"
"ร้องให้ดังๆ สิ ป้ากับลุงของเธอจะได้รู้ว่าฉันกำลังจูบเธออยู่ เอ๊ะ... คนไทยเค้าถือเรื่องนี้หรือเปล่านะ ได้เสียกันแล้วก็ต้องแต่งงานกันน่ะ ถ้าอยากอยู่กับฉันไปจนแก่ก็ร้องดังๆ สิ" จัสตินขู่และบดขยี้ปากของตัวเองลงบนปากสวยของนันทิชาอีกครั้ง
"อื้อๆ... ปล่อย" นันทิชาสู้แรงเขาไม่ได้เลย
"อยู่เฉยๆ แบบนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง" เขาโน้มตัวขึ้นคร่อมนันทิชาและจู่โจมจูบปากเธออีกครั้ง แก่นกายที่สงบลงเมื่อครู่ตื่นขึ้นมาจากหลับใหลเพียงครู่ เพราะเพียงแค่ได้สัมผัสความหวานในโพรงปากของนันทิชาเท่านั้น จัสตินไม่เคยรู้สึกหวาบหวิวเท่านี้มาก่อน จะผู้หญิงสวยๆ กี่คนที่เขาได้ลิ้มรสก็ไม่สามารถทำให้เขาคลั่งได้ขนาดนี้ จมูกโด่งเลื่อนไล่ไปตามสันกรามของหญิงสาวที่เขากำลังหลุ่มหลง และสูดกลิ่นดอมดมกายหอมของนันทิชาอย่างหลงใหล ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อเห็นน้ำใสๆ ที่ไหลอาบแก้ม แม้จะไม่มีเสียงร้องขอให้หยุดการกระทำเหมือนก่อนหน้า แต่แค่เห็นน้ำตาของเธอร่างกายของเขาก็หยุดกึกเหมือนเครื่องจักรที่โดนปิดสวิตช์...
"วันนี้ฉันให้เธอหยุดหนึ่งวัน พรุ่งนี้ไปทำงานด้วย ฉันจะบอกป้ากับลุงของเธอว่าเธอไม่สบาย" เขาดันตัวออกจากที่นอน และดึงเสื้อสูทให้เข้าที่ ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูห้องนอน
"หรือจะพักสองวันก็ได้ ถ้าเธอต้องการ" เขาปิดประตูลงและแนบหูฟัง จนได้ยินเสียงร้องไห้ของนันทิชาป้าจิตและลุงเบนจ้องร่างสูงที่กำลังเดินลงมาอย่างรอคำตอบ
"นันทิชาไม่ค่อยสบายนะครับ ผมให้เธอหยุดสองวัน สวัสดีครับ" จัสตินยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะเดินออกจากร้านอาหารไป