"โอ๊ยๆ ทิ้ง! ทิ้ง! ทิ้ง!" นันทิชาใช้สองมือจับหัวตัวเองเพื่อโยนความคิดเกี่ยวกับจัสตินลงถังขยะด้านหลังร้าน แต่ก็ต้องชะงักกับการกระทำของตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงใครสักคนดังขึ้นมาจากมุมถนน เธอหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาแต่ก็ไม่พบ
"ว๊าย!"
"คุณ!" จัสตินจับตัวนันทิชาให้ยืนตรงๆ และเก็บมือไว้ในกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำยาวเข้ารูปทั้งสองข้าง
"อย่าเข้ามานะ..." จัสตินค่อยๆ เดินตรงเข้าหาร่างบาง ที่ถอยห่างจากเขาเรื่อยๆ จนตัวเกือบติดถังขยะ แต่ก็ถูกเขาลากตัวมาให้หลังชิดติดกำแพงเสียก่อน
"อย่าคิดจะทำอะไรแย่ๆ กับฉันอีกนะ" นันทิชาชี้นิ้วห้ามจัสติน ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไรอยู่ในตอนนี้ มันต้องไม่เป็นผลดีกับเธอแน่
"เฮ้ย! เอามาคืนนะ" เธอพยายามจะแย่งโทรศัพท์มือถือที่เขาล้วงออกจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน
"ทำบ้าอะไรเนี่ย!" นันทิชาสะบัดมือหนีเมื่อจัสตินจับมือของเธอ เขาจับนิ้วโป้งของเธอขึ้นมาเพื่อปลดล็อคโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะพิมพ์เบอร์โทรศัพท์ของตัวเองและกดโทรออก นันทิชาได้ยินเสียงครูดคราดของโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขา พร้อมๆ กับที่จัสตินหย่อนโทรศัพท์ลงในผ้ากันเปื้อนคืนให้เธอ
ฟอด!
เขาแนบปากลงบนแก้มนุ่มๆ ของนันทิชาและสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด
"เฮ้ย! อีกแล้วนะ ไอ้ทุเรศ! ไอ้ฝรั่งหื่น!" เธอทำอะไรไม่ได้นอกชี้นิ้วด่าเขาตามหลัง เพราะชายหนุ่มที่ทำตัวเหมือนคนบ้าและคนใบ้ เดินขึ้นรถและขับมันออกไปอย่างรวดเร็ว
"เสียงดังเอะอะเแนท มีอะไรหรือเปล่า" ป้าจิตชะโงกหน้ามาถามจากประตู
"ก็... ก็... ก็แนทเจอแมลงสาปค่ะป้า มันวิ่งผ่านหน้าแนท แล้วก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้" นันทิชาตัดสินใจเก็บเรื่องที่เกิดขึ้นไว้เป็นความลับก่อน
"งั้นก็เข้าร้านได้แล้วลูก ป้าก็เป็นห่วง คิดว่าโจรมันจี้ซะแล้ว ช่วงนี้เศรษฐกิจยิ่งไม่ค่อยดีอยู่" ป้าจิตโบกมือเรียกให้นันทิชาเข้าร้าน
"ป้าจิตคะ ลูกค้าที่ป้าจิตคุยด้วยวันนี้ใครเหรอคะ"
"คนไหนล่ะลูก ป้าก็คุยตั้งหลายโต๊ะ"
"ก็คนที่หน้าตาฝรั่งๆ แต่พูดไทยได้ไงคะ" นันทิชาหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลปริศนาที่บังอาจมาขโมยจูบแรกของเธอ
"อ๋อ จัสตินกับคริส"
"ทำไมเค้าพูดภาษาไทยชัดจังเลยคะ หน้าตาก็ออกจะฝรั๊งฝรั่ง"
"สองคนนี้เค้ามีแม่นมเป็นคนไทย พ่อเค้ามีโรงแรมอยู่ทั่วโลกเลยนะ ที่บ้านเราก็มีที่ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎ์ เชียงใหม่ก็มี โรงแรมหกดาวทั้งนั้น แต่คนพ่อน่ะ เกษียณตัวเองแล้ว อยากพักผ่อน เลยยกธุรกิจให้จัสตินดูแลแทน เขาก็ไปๆ กลับๆ หลายประเทศเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะดูแลที่นี่แหละ"
"อ๋อ... มิน่าล่ะ"
"มิน่าอะไรลูก"
"มิน่าล่ะ ทำไมถึงพูดภาษาไทยได้ค่ะ"
"แนทโชคดีมากเลยนะที่ได้ทำงานที่นี่ ใครๆ ก็อยากทำงานกันทั้งนั้น ได้โอกาสแล้วก็ทำให้เต็มที่นะลูก อย่าขัดใจจัสตินเค้า เค้าเข้มงวด สั่งอะไรต้องได้ตามที่สั่งเป๊ะๆ มีคนโดนไล่ออกมานักต่อนักแล้ว"
"ขนาดนั้นเลยเหรอคะ" นันทิชารู้สึกกังวลขึ้นมาทันที แต่อีกใจก็ไม่อยากกังวล เพราะผู้บริหารอย่างเขาคงไม่ได้คลุกคลีกับตำแหน่งงานที่ไม่ได้หรูหราอะไรอย่างเธอ
"ขนาดนี้เลยแหละลูก หลายคนตกงานจนต้องมาของานทำที่ร้านป้า เมืองนี้มันอยู่ยากลูก ค่าครองชีพก็สูง นู่นนี่นั่นก็แพง คนก็เยอะ ถ้าไม่มีงานทำก็อยู่ลำบาก หนูต้องตั้งใจทำงานนะแนท"
"ค่ะป้าจิต แนทจะตั้งใจทำงานเต็มที่เลย วันนี้แนทไปนอนก่อนนะคะ" เธอหอมแก้มผู้เป็นป้าฟอดใหญ่ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป
จัสตินและคริส เป็นพี่น้องที่อายุต่างกันแปดปี เขาทั้งสองคนเกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่ง ครอบครัวของเขามีโรงแรมในเครือ The Heaven กว่าร้อยโรงแรมทั่วโลก จัสตินผู้ชื่นชอบในธุรกิจจึงได้รับหน้าที่ดูแล The Heaven ที่แอลเอ ซึ่งเป็นที่ที่มีลูกค้ามากที่สุด ทำเงินมากที่สุด และเป็นโรงแรมแห่งแรกของครอบครัว สองพี่น้องเติบโตโดยมีแม่นมเป็นคนไทยนามว่านมอุ่น และด้วยเหตุที่พ่อของเขาทั้งสองชื่นชอบประเทศไทย เมื่อว่างจากงาน จึงพาสองหนุ่มไปดูแลโรงแรมที่หลายจังหวัดในภาคใต้บ่อยครั้ง และถือโอกาสพักผ่อนไปในตัว ทำให้ทั้งจัสตินและคริส ซึมซับความเป็นไทยมาตั้งแต่เด็กๆ
สองอาทิตย์ผ่านไป
"แม่ แนทขอกำลังใจหน่อยสิ" นันทิชาตื่นเต้น เพราะเธอยืนอยู่หน้าโรงแรม The Heaven เธอต้องการกำลังใจในการเริ่มงานวันแรกจากคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต เธอพยายามยิ้มกว้างเพื่อกลบความกังวลไม่ให้แม่ของเธอจับได้ ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่อยู่ในจอโทรศัพท์พิจารณาดวงตาของลูกสาวอย่างค้นหา
"แม่รักแนทนะลูก แม่เอาใจช่วยหนูทุกเวลาเลยนะ วันนี้ต้องเป็นการเริ่มงานที่ดีของหนู ขอให้หนูเจอเพื่อนร่วมงานที่ดีและเจ้านายที่ดีนะลูก อดทนไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน โอกาสดีๆ แบบนี้หนูหาไม่ได้อีกแล้วนะ"
"ขอบคุณนะคะแม่ แนทจะทำให้เต็มที่เลยค่ะ สู้!" เธอชูกำปั้นขึ้นมาอย่างให้กำลังใจตัวเอง
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง
"จัสติน!" นันทิชากระโดดโลดเต้นทักทายเจ้าหมาที่โผล่หน้าและส่งเสียงดังออกจากหน้าจอโทรศัพท์ โดยไม่รู้ว่าบางคนที่กำลังจะเดินเข้าไปในโรงแรมหยุดชะงักเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เขามองซ้ายมองขวา จนเห็นร่างสูงและผิวสีแทนของใครบางคนที่กำลังยืนหันหลังให้เขาก็ยิ้มกว้างออกมา เขาพิจารณาหญิงสาวที่มีส่วนสูงเกินมาตรฐานหญิงไทย เสื้อคอปกสีขาวกับผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนที่เป็นสีประจำของโรงแรม และกางเกงสแล็คสีดำเข้ารูปกับเรียวขายาวเรียวสวย ช่างไปในทิศทางเดียวกันกับผิวสีแทนของเธอเหลือเกิน ผู้บริหารหนุ่มหล่อเจ้าของโรงแรมหันไปบอกให้บอดี้การ์ดทั้งสองคนเข้าด้านในก่อน พร้อมกับยกมือห้ามพนักงานต้อนรับสาวสวยผมบรอนซ์ที่ปรี่เข้าต้อนรับเขาอย่างเอาอกเอาใจ และเดินตรงไปหานันทิชา...
"จัสติน คิดถึงพี่แนทไหม"
โฮ่ง โฮ่ง
"แนทคิดถึงจัสตินจัง อยากกอด อยากหอมจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" นันทิชาบอกรักเจ้าหมาด้วยความคิดถึง เธอส่งยิ้มให้ทั้งแม่และสุนัขของตัวเอง ก่อนจะวางสายไป แต่คนที่เดินตรงเข้ามาจากด้านหลังของเธอกลับยิ้มกริ่มภูมิใจในตัวเอง...
"เฮ้ย!" นันทิชาตกใจเมื่อหันหลังมาเจอร่างสูงในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม เขายืนพิงกำแพง มือสองข้างล้วงกระเป๋า เท้าข้างหนึ่งยกมันขึ้นยันกับผนัง ส่วนอีกข้างก็ปล่อยตรงสบายๆ ไหล่ที่งุ้มมาข้างหน้าเล็กน้อยทำให้เขาดูดีเป็นบ้า นันทิชานับหนึ่งถึงสามในใจ ก่อนจะรีบพุ่งตัวออกจากเขาทันที ตั้งแต่วันที่เขาขโมยหอมแก้มเธอวันนั้น เธอก็ไม่ได้เจอเขาอีก แล้ววันนี้เขาก็โผล่แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีกจนได้
"ปล่อย!" นันทิชาสะบัดแขนตัวเองให้พ้นจากการเกาะกุมของมือใหญ่ที่รั้งแขนเธอไว้ ส่วนเขาก็ไม่พูดจาอะไรเหมือนทุกครั้ง
"บอกให้ปล่อย ฉันจะไปทำงาน" นันทิชาก้มมองนาฬิกา อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัดหมายแล้ว เธอไม่อยากไปสายตั้งแต่เริ่มงานวันแรก การไปก่อนเวลานัดสิบห้านาที คือสิ่งที่นันทิชาทำเป็นประจำ จัสตินก้มมองเวลาที่นาฬิกาของตนและปล่อยมือของตัวเองออกจากแขนเล็ก ก่อนจะจับไหล่มนและหมุนตัวเธอมาประชันหน้ากับเขา และขยับผ้าพันคอที่ผูกอยู่ที่ปกเสื้อให้เข้าที่เข้าทางตามระเบียบที่ถูกต้องของโรงแรม เขายักคิ้วข้างเดียวและยิ้มมุมปากให้นันทิชา ก่อนจะผายมือเพื่อให้เธอเดินไปตามที่เธอต้องการ
"ขอบคุณ!" นันทิชาก้มมองผ้าพันคอที่ถูกจัดใหม่อย่างสวยงาม และเดินออกมาโดยไม่สนใจเจ้าของโรงแรม
"ตายแล้ว!" นันทิชาเอามือป้องปากอย่างตกใจ
"เค้าเป็นเจ้าของโรงแรม... แล้วฉันพูดจาไม่มีหางเสียงกับเค้านี่นะ" นันทิชาเริ่มสติแตก ณ ที่ที่เธอยืนอยู่ตอนนี้คือโรงแรมของเขา หากทำให้เขาไม่พอใจเธออาจจะถูกไล่ออกก็เป็นไป เพราะตลอดเวลาก่อนเริ่มงาน เธอมีโอกาสได้พูดคุยกับพนักงานโรงแรมที่นี่ว่าเจ้าของโรงแรมคนนี้โหดและจริงจังมากแค่ไหน ถึงแม้ในใจของเธอจะยังขุ่นเคืองที่เขาฉวยโอกาสก็เถอะ
"ไปขอโทษดีไหมวะ" นันทิชาหยุดเดินด้วยความสับสน
"ว๊าย!" หน้าเธอเกือบคว่ำไปข้างหน้า แต่ก็มีแขนล่ำภายใต้เสื้อสูท คล้องเอวเธอจากด้านหลังไว้ก่อน นันทิชาหมุนตัวออกจากอ้อมแขนนั้นอย่างรวดเร็ว
"ขอ... ขอ... ขอโทษค่ะ" เธอสรุปได้ว่าเขาต้องเดินตามมาติดๆ แน่ๆ ไม่อย่างงั้นเขาไม่มีทางเดินชนและช่วยเธอไว้ทันแบบนี้ แล้วที่ตั้งเยอะตั้งแยะจะมาเดินตามเธอทำไมกันนะ
"คุณจัสตินคะ วันนี้ตอนสิบเอ็ดโมงมีประชุมเรื่องงบประมาณจากสาขาสิงคโปร์นะคะ บ่ายโมงประชุมเรื่องเดียวกันจากดูไบค่ะ และตอนบ่ายสองท่านประธานาธิบดีต้องการคำตอบจากคุณจัสตินเรื่องห้องพักสำหรับผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะเข้าประชุมเรื่องพลังงานปลายเดือนหน้าค่ะ" ผู้หญิงในชุดกระโปรงสีทองอ่อนและมีผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนแบบเดียวกับนันทิชา วิ่งเข้ามาหาจัสตินและพูดอย่างลืมหายใจ ก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารให้เขาเซ็น จัสตินฟังทุกอย่างทันหรือไม่ นันทิชาก็ไม่แน่ใจ เพราะสายตาเขาจ้องอยู่ที่เธอตาไม่กระพริบ
"คุณจัสตินคะ" ผู้หญิงที่น่าจะเป็นเลขาของเขา เรียกเขาเบาๆ อีกครั้ง จัสตินรับแฟ้มโดยที่ไม่มองหน้าเธอ และละสายตาจากนันทิชา ก่อนจะก้มอ่านข้อมูลในแฟ้มเอกสาร
"ไปให้ฝ่ายการเงินเช็คราคามาใหม่ แค่ล้างสระว่ายน้ำทำไมต้องแพงขนาดนี้" เขาเก็บปากกาไว้ด้านในเสื้อสูทและยื่นแฟ้มคืนให้เธอ
"ค่ะ"
"แล้วเรื่องท่านประธานาธิบดี ผมไม่คุยแล้ว บอกไปว่าโรงแรมเรามีแขกเข้าพักจนเต็มถึงสิ้นปี ถ้าอยากจะให้ผู้นำจากสารพัดประเทศเข้าพักก็จองไว้ตั้งแต่ปีนี้ แล้วค่อยเข้าพักปีหน้า"
"ค่ะ" เธอพยักหน้าตอบรับอย่างไม่กล้าสบตา
"บอกหัวหน้าฝ่ายบุคคลให้มาพบผมตอนเก้าโมงด้วย"
"เอ่อ คุณเจนมีบรีฟงานพนักงานใหม่วันนี้ตอนเก้าโมงค่ะ"
"งั้นให้มาพบผมก่อนจะลงไปคุยกับพนักงานใหม่"
"ได้ค่ะ" เธอหันหลังกลับทันทีที่ได้รับคำสั่ง
"แล้วคุณล่ะ คุณเป็นพนักงานใหม่หรือเปล่า จะยืนมองหน้าผมอีกนานไหม" จัสตินยืนกอดอกถามนันทิชา เธอไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอมองเขาตอนไหน ในหัวสมองเธอมัวแต่ประมวลผลการบริหารงานของจัสติน ท่าทางของเขาช่างดูเป็นคนฉลาด ทันคน คิดวิเคราะห์อะไรได้อย่างรวดเร็ว แต่ที่เธอตกใจสุดๆ คือการที่เขากล้าปฏิเสธคำขอของท่านประธานาธิบดีของประเทศนี่แหละ
"ทำงานสายตั้งแต่วันแรก เจ้านายคงไม่ประทับใจเท่าไหร่นะ" เขาบอกเธออีกครั้ง
"ค่ะ" เธอได้สติและวิ่งไปยังห้องประชุมตามป้ายอย่างรวดเร็ว การได้ยินจัสตินพูดยาวเป็นหางว่าวทำให้เธอได้ข้อสรุปว่าเขาไม่ได้เป็นใบ้ และเขาก็พูดกับเธอด้วย... แล้วทำไมก่อนหน้านั้นไม่พูดล่ะ? นันทิชาไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ