ภัทรบอกอย่างที่ตนและพี่น้องคนอื่นเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนพบ ก่อนถามออกไปอีกครั้ง
“แล้วถ้าเจอตัวแล้วพี่จะจัดการยังไงต่อไปครับ”
เธียรมองตอบน้องชายแล้วบอกกลับไปว่า ทำเช่นไรกับผู้อื่นไว้ สมควรต้องได้รับการกระทำเช่นนั้นตอบกลับไม่ใช่หรือไง
“จะเอามีดไปแทงหญิงนั่นกลับอย่างนั้นหรือครับ ไม่โหดไปหน่อยหรือไงอะ” ภัทรแกล้งยกมือกอดแขนล่ำ ๆ ของตัวเองแล้วนั่งลงบนโต๊ะทำงานของพี่ชาย แต่แล้วกลับไปโดนแก้วน้ำที่รินวางไว้จนกลิ้งตกลงมาแตก
“น้องตกใจเลย เห็นไหม”
เธียรมองเศษแก้วแตกที่พื้นตรงหน้า มีคำตอบในใจอยู่แล้วว่าหากเจอหญิงผู้นั้นเขาจะทำเช่นไร แล้วออกปากสั่งน้องชายออกไปว่า “ช่วยตามแม่บ้านมาที”
หัวหน้าแม่บ้านตอบรับเสียงสุภาพก่อนวางสายลง แล้วนิ่งคิดสักครู่ก่อนว่าจะทำอย่างไรเพื่อจัดการปัญหาเรื่องนี้ดี เมื่อครู่ตนให้แม่บ้านลงไปช่วยกันที่ด้านล่างจนหมด ส่วนขนุนหนังบ่นตั้งแต่เช้าแล้วเมื่อโดนให้ไปประจำที่อีกชั้นเพียงคนเดียว ป่านนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตามตัวยากจริง ๆ เลย ส่วนปทุมมาก็ถูกแยกให้ไปประจำที่ห้องของสัตตบงกช และที่ว่าง อยู่ก็จะมีเพียงปทุมมาคนเดียวเท่านั้น
จึงตัดสินใจที่จะขอตัวแม่บ้านของสัตตบงกชสักครู่ก่อน คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ
“บัวจ้ะ”
ปทุมมาหันมาตอบรับทางคนที่เรียกตน แล้วถึงได้คำสั่งต่อจากนั้น “งานตรงนี้หยุดก่อนก็ได้บัว แล้วขึ้นไปเก็บเศษแก้วในห้องของคุณเขาหน่อยเถอะจ้ะ”
“ห้องของคุณคนไหนคะ”
“ชั้นบนเลยบัว ที่พี่เคยให้บัวขึ้นไปทำความสะอาดวันก่อนนั่นน่ะ เห็นว่ามีเศษแก้วแตกเกลื่อนพื้นเลย ระวัง ๆ หน่อยนะ เรียบร้อยแล้วก็ค่อยลงมา ถ้าคุณมิวถามถึงบัว พี่จะบอกเองว่าให้ขึ้นไปทำความสะอาดที่ชั้นบน แกคงไม่ว่าอะไรหรอก”
ปทุมมาจึงตอบรับงานก่อนแยกตัวไปยังรถเข็นเครื่องมือทำความสะอาดในนาทีต่อมาจากนั้น
ปทุมมาพารถเข็นเครื่องมือทำความสะอาดขึ้นไปเพียงคนเดียว และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกแล้วก็เข็นรถตรงไปยังห้องของผู้บริหารในทันที
“ผมไปนะ”
เสียงบอกอย่างคนอารมณ์ดีเอ่ยขึ้นตอนที่เคาะประตูห้องและได้รับอนุญาตให้เข้าไปที่ด้านในแล้ว สวนกับร่างสูงใหญ่ของภัทร เขามองเธอแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร แล้วเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ห้องกว้างของผู้บริหารมีเธอกับพี่ชายของเขาที่ข้างในนั้นเพียงลำพังสองคน
“มาเก็บเศษแก้วค่ะ”
เธอบอกแล้วก็มองเห็นเศษแก้วแตกเกลื่อนพื้นก่อนลากรถเข็นตรงไปยังตรงนั้น แล้วเสียงถามก็ดังขึ้น “ทำไมถึงมาเป็นแม่บ้าน”
“อะไรนะคะ” ปทุมมาถามกลับเพราะตั้งสติไม่ทัน ตอนนี้กำลังเพ่งกับเศษแก้วตรงพื้นว่าจะเริ่มเก็บจากตรงไหนก่อน และก็น้อยครั้งที่จะมีคนชวนคุยแบบนี้ด้วย
“เธอจบระดับปริญญาตรี สาขาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ทำไมถึงมาทำงานเป็นแม่บ้าน”
“เงินเดือนดีน่ะค่ะ” เธอตอบรับอย่างไม่ได้มีชั้นเชิงอะไร คิดเห็นอย่างไรก็ตอบไปตามนั้น เขายังคงถามต่อ
“ที่บ้านคุณอยู่กับปู่แล้วตา เท่านั้นเองน่ะหรือ”
ปทุมมาชะงักเล็กน้อยที่ได้ยินคำถามที่ราวกับไปสืบประวัติของเธอมาแล้วอย่างนั้นแหละ แต่เขาจะทำแบบนั้นไปทำไมกัน เลิกคิดแล้วตอบกลับไปง่าย ๆ แค่ว่า “ค่ะ” เพียงเท่านั้น
“ทำงานกับทางบริษัทนี้มานานหรือยัง”
“น่าจะเกือบปีแล้วมั้งคะ”
“คิดจะทำไปถึงเมื่อไร หรือคิดจะประจำที่ไหนบ้างไหม”
ถอนใจเบา ๆ อย่างไม่รู้จะตอบเขาไปว่าอย่างไรดี “ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ”
“แปลกนะ คนที่คิดล่วงหน้าเสมอ ทำไมถึงไม่ได้แพลนถึงอนาคตเรื่องงาน”
เธอก้มหน้าทำงานไปนึกแปลกใจไปพลางที่เขาเอ่ยถามอย่างนั้น โดยธรรมชาติแล้วเธอก็เป็นคนคิดเผื่ออนาคตเสมอ แต่ไม่เห็นความจำเป็นจะต้องบอกเรื่องราวของตัวเองให้ใครฟัง โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งเจอหน้ากันเพียงครั้งสองครั้งอย่างเขา
และปกติเวลาเธอเข้าไปทำงานในแผนกไหนไม่ค่อยมีใครชวนคุยด้วย หากไม่ได้จงใจใช้งานเธอก็จะไม่คุยอะไรด้วยเลย ยิ่งเรื่องส่วนตัวยิ่งไม่มีใครสนใจใครเท่าไรนักหรอก
“ผมนิยมทำความรู้จักพนักงานทุกคนในองค์กร ต่อให้เป็น Outsource ก็เถอะ เพราะอย่างน้อยก็ต้องทำงานร่วมกัน” เธียรบอกแล้วเดินไปหยิบของที่โต๊ะของเขา
“เคยเห็นของชิ้นนี้ไหม” เขาถามพร้อมกับยกหินก้อนใหญ่ก้อนเมื่อวันนั้นที่เธอหยิบขึ้นทำความสะอาดขึ้นถาม
ปทุมมามองหินในมือของเขาก็จำได้ว่าวันที่เจอเขาวันแรกเธอหยิบมันขึ้นมาจะทำความสะอาด แต่เขาสั่งให้วางลงเสียก่อน และแน่นอนว่าเธอไม่เคยเห็นมัน จึงตอบไปตามความจริงว่า
“ไม่เคยค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” เขาถามแล้วก็มองเธออย่างสำรวจอีกครั้ง ปทุมมาไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากงาน รู้สึกแปลก ๆ กับผู้ชายคนนี้มากยิ่งขึ้น ก้มหน้าก้มตาเก็บของแล้วก็ว่าจะรีบไป
“มาแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะพอดีเมื่อกี้ลงไปช่วยด้านล่างมาน่ะค่ะ” ขนุนหนังที่ตามเข้ามาบอกเสียงอ่อยแล้วรีบปิดประตูลง โชคดีที่เขาเลี่ยงไปรับสาย เธอจึงจัดการเศษน้ำที่หกและเศษแก้วจนเรียบร้อยโดยมีขนุนหนังเข้ามาช่วยทำในส่วนที่เหลือจนแล้วเสร็จดีค่อยออกมาที่ด้านนอกด้วยกันจากนั้น
“ขอบใจมากนะบัว เมื่อกี๊พี่ลงไปช่วยข้างล่างมาน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกพี่หนุน บัวว่างพอดี ช่วย ๆ กัน จะได้เสร็จไว ๆ ไง”
ปทุมมาลงไปยังชั้นเดิมทำงานจนเลิก กลับห้องทำกิจวัตรแบบเดิม จนเช้าวันใหม่มาถึงก็พบว่าส้มป่อยเรียกเธอให้เข้าไปคุยด้วยอีกครั้ง
“ซวยแล้วไหมล่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือคะ”