“ผมบอกพี่หรือยัง”
เธียรมองสบตาน้องชายไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำถามแต่สายตาบ่งชัดถึงเรื่องใดที่น้องชายของเขากำลังพูดถึง ภัทรยิ้มแล้วดึงพี่ชายให้นั่งลงที่เดิมก่อน พยายามไม่ยืดเยื้อให้พี่ชายต้องหงุดหงิดใจ เห็นนิ่ง ๆ แบบนี้เถอะ ใจร้อนยิ่งกว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่นในตระกูลเสียอีก
“เรื่องที่ผมพบหญิงผู้นั้นแล้ว ยังไงล่ะครับ”
เธียรมองไปยังหญิงในชุดแม่บ้านกล่าวถาม หัวใจที่เต้นเนิบช้ามากว่าพันปีขยับจังหวะแรงโลดขึ้นอีกครั้ง เสียงที่เคยเรียบเฉย เอ่ยถามด้วยอาการตื่น ๆ
“อยู่หนใด”
“บอกว่าอย่าพูดจาด้วยภาษาของเราที่นี่จะได้ไหมครับ”
ภัทรเตือนแล้วมองไปยังร่างหญิงสาวในชุดแม่บ้านก่อนดึงมือให้พี่ชายนั่งลงอย่างเดิม ลูบมือไปตามมัดแขนหนาใหญ่ที่มีมากกว่าตนอย่างอิจฉา
“ใจเย็นก่อนครับ”
สองผู้บริหารเดินกลับเข้ามาในตึก คนน้องพาไปรอที่ด้านบนของชั้น แล้วเรียกหญิงสาวที่ภัทรมั่นใจว่าใช่คนที่ตามหาไปที่ห้องชั้นบนสุดของตัวอาคารทันที
“คุณสัตตบงกชมาแล้วค่ะ”
พนักงานด้านหน้าเข้ามานำเรียนก่อนพาหญิงสาวที่ว่าเข้ามาด้านใน ภัทรทักทายก่อนอย่างคนมีอัธยาศัยดี
“สวัสดีครับคุณสัตตบงกช ได้ยินว่าเพิ่งมาทำงานที่นี่หรือครับ”
สัตตบงกชยกมือไหว้งดงามอ่อนช้อยก่อนแนะนำตัวแบบง่าย ๆ “เรียกมิวก็ได้นะคะ พอดีว่ามิวเรียนจบแล้วก็ฝึกงานที่นู่นตามคำเชิญของโปรเฟสเซอร์ แต่ใจจริงอยากกลับมาที่ไทยตั้งนานแล้วค่ะ”
“เป็นแนวรักชาติ ชาตินิยมหรอกหรือครับ” ภัทรถามเย้ายิ้ม ๆ สัตตบงกชยิ้มเก๋ตอบกลับไป “ใช่ค่ะ”
ภัทรเห็นแล้วก็ร้องว้าว ก่อนบอกเสริมไปว่า “อย่างนั้นช่วยแนะนำตัวเองให้พวกเรารู้จักมากกว่านี้อีกหน่อยได้ไหมครับ”
“ยินดีค่ะ มิวเกิดในครอบครัวของ…” สัตตบงกชบอกชื่อราชสกุลของตนอย่างภาคภูมิใจ แล้วเล่าต่อ “เรียนในโรงเรียนสตรีล้วนตั้งแต่อนุบาลจนจบมัธยมศึกษาค่ะ ตั้งใจอยากเรียนที่นี่แต่พอเข้าสอบชิงทุนได้ ที่บ้านก็อยากให้ไปเรียนต่อที่นู่นเลยดีกว่า จะได้เปิดโลก เปิดประสบการณ์ เพื่อจะได้นำกลับมาใช้ที่นี่ได้น่ะค่ะ”
หญิงสาวเล่าแล้วทิ้งช่วงเวลาอย่างที่เป็นนักเล่าชั้นดี ก่อนสาธยายเรื่องของตนเองต่อจากนั้น สายตาเจ้าหล่อนมองที่ดร.เธียรเพียงคนเดียวเท่านั้น
“มิวตั้งตารอคอยที่จะกลับมาที่ประเทศไทยด้วยใจจดจ่อเลยนะคะ เหมือนกับว่ามีคนบางคนรอคอยมิวอยู่อย่างนั้นเลยค่ะ”
“น่าสนใจมาก”
“มีตรงไหนอีก” เสียงถามจากเธียรดังขึ้นหลังทุกคนกล่าวจบแล้ว เขามองน้องชายด้วยสายตาทำนองว่า ‘มีอะไรที่ทำให้คิดว่าเป็นสาวผู้นั้น’
“เล่าเลยดีไหมครับ”
“ได้ค่ะ มิวชอบงูมาก ๆ ค่ะ ตอนเกิดมา คุณแม่คลอดมิวแล้วก็เสียค่ะ แม่สิน แม่นมที่เลี้ยงมิวน่ะค่ะ ท่านเล่าว่าเคยมีอยู่วันหนึ่งทิ้งมิวให้นอนอยู่เปล วันนั้นมีงานใหญ่ของที่บ้าน แล้วทราบไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้น”
ภัทรมองพี่ชายแล้วส่ายหัวเร็วไว สายตารอคอย ท่าทีอยากฟังอย่างที่ดูมากจนเกินจริง สัตตบงกชยกมือลูบไปกับท่อนแขนของตัวเองขณะเล่า
“มีงูยักษ์เลื้อยมาขดนอนเป็นวงตรงใต้ที่นอนของมิวค่ะ ตัวใหญ่เกือบเท่า…”
หญิงสาวมองหาของในห้องเพื่อเทียบขนาด แม้ไม่ได้เห็นกับตาของตัวเองเพราะยังแบเบาะอยู่ แต่จากที่ได้รับฟังมาหลายต่อหลายครั้งจากหลาย ๆ ปาก ก็อนุมานได้ว่า น่าจะเท่ากับขนาดของสิ่งนั้น
“เท่าขาของคุณเธียรได้มั้งคะ”
เล่าออกไปแล้วก็ได้ความเงียบกลับมาเป็นคำตอบ สัตตบงกชผิดหวังเล็กน้อยที่เห็นแววตาเรียบเฉยของชายที่ตนให้ความสนใจ เพราะคาดหวังมากที่จะได้เห็นแววตาตื่นเต้นอยากฟังเรื่องราวของเธอต่อจากนั้น แต่ก็เปล่าเลย ไม่ได้มีสายตาแบบนั้นจากเขาเลยแม้แต่นิด
ลองเล่าต่อเถอะ เผื่อเขาจะสนใจเธอมากขึ้น
“แล้วชีวิตของมิวจากนั้นนะคะก็จะพัวพันแต่กับงูตลอดเลยค่ะ มิวชอบงูมากค่ะ มิวทำสวนให้พี่ ๆ น้อง ๆ เอ่อ สัตตบงกชชะงักครู่เดียวเพื่ออธิบายคำว่า พี่ ๆ น้อง ๆ ที่พูดไปเมื่อครู่ มิวหมายถึงงูทุกสายพันธุ์เลยค่ะที่มิวมี ทั้งหมดคือพี่ ๆ น้อง ๆ ของมิวค่ะ”
“ดูอย่างรองเท้า กระเป๋าสิคะ ลายงูทั้งนั้นเลย”
ภัทรมองแล้วก็ผิวปากมองตามอย่างสนใจ
“เซ็กซี่มาก ใช้ลายงูทั้งนั้นเลยนะครับพี่เธียร”
แล้วเลื่อนสายตาไปสบกับเธียรอีกด้วย เห็นอีกฝ่ายมองนิ่งไม่พูดไม่จากไม่ซักถามอะไรก็คิดว่าเท่านี้คงพอก่อน อย่างไรแล้วเขาหาตัวหญิงที่น่าจะเป็นดวงจิตของหญิงชั่วลอบฆ่าพี่ชายของเขาในคราวนั้นเจอแล้ว พี่ชายก็จะได้เลิกคิดเรื่องนั้นแล้ว Move on ต่อไป
“ขอบคุณมากครับคุณมิว หวังว่าเราจะร่วมงานกันได้นานที่สุด พัฒนาที่นี่ไปด้วยกัน เกษียณไปพร้อมกันเลยนะครับ”
“มิวก็หวังไว้แบบนั้นค่ะ ขอความเมตตาให้มิวได้ร่วมงานที่นี่ไปนาน ๆ นะคะ” สัตตบงกชทิ้งสายตาให้ดร. เธียร อย่างมีชั้นเชิงก่อนพาร่างสูงงามระหงออกจากห้องนั้นไป
“ไงครับ ผมว่าใช่เลยนะ หน้าตาหญิงผู้นั้นก็ใช่แบบนี้เลย ผมจำได้”
“เรื่องรูปลักษณ์ภายนอกมันสร้างขึ้นได้”
“ผมว่าใช่อยู่ดีนั่นแหละ พี่ดูตระกูลของเธอ เป็นตระกูลจากพวกเทพเทวาเลยนะครับ ดูแล้วก็ยังมีท่าทีนิสัยรั้น ๆ แบบเดียวกันเป๊ะเลยด้วย ผมว่าใช่ ชัวร์แล้วล่ะคนนี้ ตามหาตัวมาตั้งนาน ในที่สุดเราก็เจอสักที”
ภัทรบอกอย่างที่ตนและพี่น้องคนอื่นเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนพบ ก่อนถามออกไปอีกครั้ง