“เยว่ชิง…กิจการของเราถึงคราต้องล่มจมแล้ว” น้ำเสียงที่เคร่งเครียดกับสีหน้าบึ้งตึงของพี่ชายทั้งสองและเผิงจง ทำให้เยว่ชิงรับรู้ได้ทันทีว่าต้องมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับกิจการเป็นแน่
“เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ เรื่องใหญ่โตถึงเพียงนั้นเลยหรือ” เยว่ชิงเริ่มหน้าเสีย
“เรื่องใหญ่ทีเดียว ร้านซิ่งฟู่ของเรากำลังมีคู่แข่ง ทั้งพวกเขายังลอกเลียนแบบการละเล่นของพวกเราไปจนหมด” ลี่อินเอ่ยอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้น้องสาวได้ฟัง ใบหน้าเศร้าสร้อยของลี่อินยิ่งทำให้เยว่ชิงใจเสียขึ้นไปอีก
“ทั้งหมดเลยหรือ!!! แล้วลูกค้าของเราลดลงหรือไม่” เยว่ชิงเอ่ยถามเสียงเครียด
“ลูกค้าของเราลดลงจากเดิมกว่าครึ่ง ช่วงแรกพี่มิรู้สาเหตุว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่มาวันนี้มีลูกค้าประจำของเราเอ่ยเล่าให้พี่ฟังถึงเรื่องร้านคู่แข่ง” หมิงยู่ยกมือทุบโต๊ะอย่างหัวเสีย ไม่ต่างกับเยว่ชิงที่บัดนี้กำลังคิดหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้
รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
“ร้านที่ว่าอยู่ที่ใดหรือเจ้าคะ ข้าจะลองไปสืบความดูเสียหน่อยว่าพวกเขามีจุดขายอันใดบ้าง พี่รองกับพี่สามอยู่ดูแลร้านเถิด ข้าจะไปกับเสี่ยวจูเอง” เยว่ชิงยื่นมือไปรับแผนที่ร้านคู่แข่งจากหมิงยู่ เดิมทีหมิงยู่คิดจะไปอยู่แล้วจึงได้ขอให้ลูกค้าประจำผู้นั้นช่วยวาดแผนที่ให้
“เห็นเขาว่า ร้านคู่แข่งของเรามักมีผู้คนเข้าไปใช้บริการในช่วงเย็นมากกว่าในช่วงเช้าและตอนกลางวัน พี่ว่าเจ้าไปเย็นๆ หน่อยอาจจะได้ข้อมูลมากกว่า” ลี่อินรีบเอ่ยข้อมูลที่ตนเองได้มาให้น้องสาวฟัง
“ข้าจะไปตั้งแต่ตอนนี้เลยเจ้าค่ะ จะไปซุ่มอยู่แถวนั้นดูจำนวนและประเภทลูกค้าที่ไปใช้บริการที่ร้านนั้นก่อน แล้วตอนเย็นข้าจะลองเข้าไปด้านในร้านดู” เยว่ชิงเอ่ยแผนการที่ตนเองคิดไว้ในหัวให้พี่ชายทั้งสอง เผิงจง และเผิงจูฟัง
“เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย แต่อย่าได้ใจร้อนจนนำภัยมาสู่ตนเองเล่า” หมิงยู่และลี่อินตะโกนตามหลังน้องสาวที่เร่งรีบออกจากร้านไป น้องสาวผู้นี้แม้ว่าจะมีความคิดความอ่านดั่งผู้ใหญ่ ทว่าบางเรื่องนางกลับทำตนเช่นเด็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องใจร้อน มิยอมคนของนาง
“คุณหนูมีสิ่งใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือเจ้าคะ” หญิงสาวรูปร่างเย้ายวนเอ่ยทักทายลูกค้า เยว่ชิงมาซุ่มดูที่ร้านคู่แข่งตั้งแต่เช้า ก็เป็นดังที่พี่สามว่า ในช่วงเช้าและตอนกลางวันมีผู้คนเข้าไปในร้านน้อยกว่าร้านซิ่งฟู่มาก แต่พอเข้าช่วงเย็นก็มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในร้านมากขึ้นเรื่อยๆ
“เอ่อ ข้าอยากได้ห้องส่วนตัว ที่นี่พอจะมีหรือไม่” เยว่ชิงเอ่ยถามพร้อมกับกวาดตาสำรวจการตกแต่งและจุดเด่นของร้านคู่แข่ง จากที่ลองสำรวจดูแล้ว การตกแต่งมิได้มีสิ่งใดสวยหรู แต่เน้นการนำของมีค่ามาวางตกแต่งมากมายจนดูรกหูรกตาไปหมด
“บัดนี้ห้องส่วนตัวของร้านเราเต็มหมดแล้วเจ้าค่ะ แต่โต๊ะด้านล่างยังว่างอยู่ คุณหนูสนใจหรือไม่เจ้าคะ”
“เช่นนั้นเอาโต๊ะด้านล่าง นำของขึ้นชื่อของที่นี่มาให้ข้าทั้งหมด” เยว่ชิงยื่นถุงเงินให้หญิงสาวผู้นั้นแล้วจึงไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ เยว่ชิงและเสี่ยวจูรอไม่นานก็มีชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีนำอาหารขึ้นชื่อและสุรามาจัดวางไว้ที่โต๊ะ
นี่ นี่คือจุดขายของที่นี่หรือ ดี ดียิ่ง!!!
ทั้งเยว่ชิงและเผิงจูต่างอ้าปากค้าง จะมิให้เด็กหญิงทั้งสองตกตะลึงได้อย่างไร ก็เสี่ยวเอ้อของร้านนี้มีรูปร่างหน้าตาดี ทั้งยังสวมใส่เพียงอาภรณ์ตัวนอก เชือกคาดเอวก็ถูกผูกไว้หลวมๆ จนอาภรณ์เปิดออก เผยให้เห็นแผงอกแกร่งอย่างชัดเจน
อึก!!!เยว่ชิงและเผิงจูรีบเบนหน้าหนี เมื่อเสี่ยวเอ้อผู้นั้นส่งยิ้มกริ่มให้พวกนาง
“ขะ ขอบใจมาก”
“ยินดีขอรับ หากคุณหนูต้องการสิ่งใด เรียกใช้ข้าน้อยได้ตามสะดวก ข้าน้อยทำได้ทุกสิ่งที่ท่านขอ” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานหยดให้เยว่ชิง แล้วจึงเดินออกไป
“คะ คุณหนูเจ้าคะ-”
“อืม ดูเหมือนว่าจุดขายของที่นี่คงจะเป็นเสี่ยวเอ้อทั้งหลาย” เยว่ชิงสอดส่องสายตาไปทั่วก็พบว่า เสี่ยวเอ้อของที่นี่มีทั้งหญิงและชาย ทุกคนล้วนมีหน้าตางดงาม ทั้งยังแต่งกายด้วยอาภรณ์น้อยชิ้น ชายสวมใส่เพียงอาภรณ์ตัวนอก หญิงใส่อาภรณ์คว้านอกลึกจนเผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่ม
“พวกเขามิหนาวกันหรือเจ้าคะ ใส่เพียงอาภรณ์ตัวนอกเช่นนั้น” เยว่ชิงมองตามสายตาของคนสนิทก็เห็นว่าเสี่ยวจูของนางกำลังจดจ้องแผงอกแกร่งของเสี่ยวเอ้อเหล่านั้นมิวางตา
“อะแฮ่ม! ข้าเข้าใจว่ามันน่ามอง แต่อย่าได้จดจ้องนานถึงเพียงนั้น” เยว่ชิงกระแอมไอ พลางเอ่ยเตือนคนสนิทเสียงเบา
“แหะๆ คุณหนูลองชิมอาหารพวกนี้ดูดีหรือไม่เจ้าคะ บ่าวตักให้” เผิงจูที่ถูกนายของตนจับได้ก็รีบเอาอกเอาใจเพื่อเบี่ยงประเด็นทันที
“เทียบเท่าร้านซิ่งฟู่ของเรามิได้แม้แต่น้อย อาหารพวกนี้พอกินให้หายอยากได้ แต่รสชาติมิได้ดีเลิศเลอ” เผิงจูเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเยว่ชิง ถึงว่าช่วงเช้าและช่วงกลางวันมิค่อยมีคนเข้ามาทานอาหารในร้านสักเท่าใด ที่นี่คงจะมุ่งเป้าไปที่ลูกค้าที่ต้องการมาร่ำสุราและชมสิ่งสวยงามไปด้วยเท่านั้น เยว่ชิงและเผิงจูลองชิมอาหารจนครบทุกจานแล้ว เยว่ชิงจึงทดลองดื่มสุราที่ขึ้นชื่อของร้าน แม้ว่าเผิงจูจะเอ่ยห้ามสักเท่าใดเยว่ชิงก็ยังยืนยันว่าจะต้องลองดื่มให้ได้
“แหวะ เฝื่อนคอเกินไป ขอน้ำๆ” เยว่ชิงดื่มสุราเข้าไปเพียงแค่หนึ่งจอกก็รีบดื่มน้ำตามลงไปทันที สุราร้านนี้ทั้งเฝื่อนคอและมีกลิ่นค่อนข้างแรง แต่ทว่าทุกโต๊ะล้วนแล้วแต่สั่งสุรามาดื่ม
หรือว่าผู้คนเขาชมชอบสุราที่มีรสเฝื่อนกันนะ
“พอเถิดเจ้าค่ะคุณหนู บ่าวว่าเราไปดูการละเล่นที่ลอกเลียนแบบมาจากร้านเราดีหรือไม่เจ้าคะ” เผิงจูรีบเสนอความคิดขึ้น เพราะกลัวว่านายของตนจะยกสุราอีกจอกขึ้นมาดื่ม
“อืม ดีเช่นกัน เสี่ยวเอ้อ!”
“ขอรับคุณหนู”
“เห็นว่าที่นี่มีการละเล่นมากมาย หากข้าอยากเล่นต้องทำอย่างไรหรือ”
“เอ่อ คือว่า-” เยว่ชิงเห็นว่าเสี่ยวเอ้อมัวแต่อ้ำๆ อึ้งๆ จึงได้เอ่ยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“อันใดกัน! อ้ำอึ้งเช่นนี้หมายความว่าข้าเล่นมิได้หรือ”
“มิใช่ขอรับ คุณหนูอย่าได้ขุ่นเคืองข้อน้อยเลยขอรับ การละเล่นเหล่านั้นจะต้องใช้เงินทองในการลงเล่น ทั้งภายในห้องการละเล่นล้วนมีแต่ผู้ใหญ่เท่านั้นที่เข้าไปได้ จะเอ่ยว่าเป็นการละเล่นของผู้ใหญ่ก็คงจะไม่แปลกอันใด” เสี่ยวเอ้อที่ดูแลโต๊ะของเยว่ชิงกระซิบบอก เด็กสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ตาโตขึ้นทันที
การพนันงั้นหรือ แต่การพนันในยุคนี้ยังเป็นสิ่งต้องห้ามมิใช่หรือ เหตุใดทางการจึงปล่อยไว้เช่นนี้เล่า!
“งั้นหรือ แล้วในห้องส่วนตัวจะมีการละเล่นพวกนั้นอยู่หรือไม่”
“มีขอรับ ในห้องส่วนตัวจะมีการละเล่นทุกอย่างเหมือนกับในห้องการละเล่น แต่ในห้องส่วนตัวจะใช้เงินเดิมพันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับผู้คนในห้องส่วนตัวตกลงกันเองขอรับ” เยว่ชิงและเผิงจูได้ยินดังนั้นก็สบตากันนิ่ง แน่นอนว่าเผิงจูเข้าใจทันทีว่าผู้เป็นนายต้องการสิ่งใด
“เช่นนั้นหรือ แล้วห้องสุขาที่นี่มีหรือไม่”
“มีขอรับ อยู่ชั้นบน เดี๋ยวข้าน้อยจะนำทางคุณหนูเองขอรับ”
“มิต้องๆ เพียงบอกทางข้าก็พอ ขอบใจเจ้ามาก” เยว่ชิงโบกมือปฏิเสธมิให้เสี่ยวเอ้อนำทาง เสี่ยวเอ้อจึงได้บอกทางไปห้องสุขาให้กับนางอย่างละเอียด
“เสี่ยวจูเจ้าเฝ้าอยู่ที่นี่ มิต้องตามข้าไปจะ ได้มิมีผู้ใดสงสัยหากข้าหายไปนาน” ยังไม่ทันที่เผิงจูจะเอ่ยคัดค้าน เยว่ชิงก็รีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที ร่างบางค่อยๆ เดินเลียบทางเดินไปเรื่อยๆ ด้านบนมีห้องส่วนตัวราวหกถึงเจ็ดห้องได้ แต่ละห้องมิได้กว้างขวางมากเท่าใด มิรู้ว่าด้านในมีการละเล่นใดอยู่บ้าง หากอยากรู้ว่าร้านแห่งนี้ลอกเลียนแบบการละเล่นจากร้านซิ่งฟู่มาจริงหรือไม่ คงต้องหาทางเข้าไปในห้องส่วนตัว เพราะดูแล้วเยว่ชิงคงมิอาจเข้าไปในห้องการละเล่นที่ใช้เงินเดิมพันได้เป็นแน่
เยว่ชิงเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนพบเข้ากับห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ ตากลมแอบสอดส่องเข้าไปในห้อง ก็พบว่ามิมีผู้ใดอยู่ในห้องแม้แต่คนเดียว นางจึงรีบใช้โอกาสนี้แอบย่องเข้าไปดูในห้องอย่างรวดเร็ว จนมิทันได้สังเกตุเห็นว่ามีสายตาถึงสองคู่ที่จับจ้องนางอยู่
“โห นี่มันเหมือนกับที่ร้านซิ่งฟู่หมดเลยมิใช่หรือ” เยว่ชิงเดินสำรวจการละเล่นต่างๆ ที่ถูกจัดไว้ในห้องด้วยใบหน้าเคร่งขรึม แม้กลุ่มเป้าหมายของร้านทั้งสองร้านจะแตกต่างกัน แต่การลอกเลียนแบบการละเล่นของร้านซิ่งฟู่มาทั้งหมดแบบนี้ ย่อมกระทบกับกิจการของครอบครัวสกุลลู่ไม่น้อย เยว่ชิงที่กำลังหยิบการละเล่นเหล่านั้นขึ้นมาเล่นก็ต้องชะงักมือ
“หยุดอยู่เพียงเท่านั้น! เจ้าคิดจะขโมยของงั้นหรือ” เสียงทุ้มใหญ่ของชายหนุ่มดังขึ้น ทำให้เยว่ชิงต้องรีบปล่อยมือออกจากของ แล้วหันไปมองต้นเสียงทันที
“ระ รองแม่ทัพอู๋” เยว่ชิงตกใจจนเผลออ้าปากค้าง ใครจะคิดว่าต้องมาเจอกับคนที่รู้จักนาง
“อ่าว เป็นคุณหนูลู่หรอกหรือ ต้องขออภัยที่ข้ากล่าวล่วงเกินเจ้าไปเช่นนั้น”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เยว่ชิงก้มคำนับแล้วจึงรีบขยับตัวหมายจะรีบออกจากห้องนี้ หากมีผู้อื่นเห็นว่านางอยู่ในห้องกับอู๋จางหมิ่นตามลำพัง ชื่อเสียงนางได้ป่นปี้จนต้องยอมแต่งเข้าไปเป็นอนุของเขาเป็นแน่ แต่ยังมิทันที่ร่างบางจะได้ก้าวเดินออกจากห้อง ก็ถูกอู๋จางหมิ่นเดินเข้ามาขวางตรงหน้า
“อยู่สนทนากับข้าสักครู่เถิดคุณหนูลู่ ข้ามีหลายเรื่องอยากพูดคุยกับเจ้า”
“ไว้โอกาสหน้าดีหรือไม่เจ้าคะ”
“เหตุใดเล่า ข้าทำสิ่งใดให้เจ้าต้องขุ่นเคืองหรือ เจ้าจึงได้เอ่ยปัดข้าเช่นนี้”
เยว่ชิงก้มหน้าลงต่ำทันที เพราะกลัวว่าจะเผลอใช้สายตาจิกกัดคนตรงหน้า
หึ เพราะข้ารังเกียจบุรุษเช่นเจ้าอย่างไรเล่า ชาตินี้ต่อให้ต้องตายก็จะมิยอมแต่งเข้าสกุลของเจ้า
“จะมีเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร เพียงแต่วันนี้ข้านัดหมายกับผู้อื่นไว้แล้ว เกรงว่าเขาจะรอนาน” เยว่ชิงเอ่ยออกไปอย่างสุภาพ ทั้งที่ในใจเอาแต่กร่นด่าชายหนุ่มตรงหน้าที่ทำให้แผนการของนางที่วางเอาไว้พังไม่เป็นท่า แม้จะรู้ว่าการละเล่นของร้านนี้เหมือนกับร้านซิ่งฟู่ แต่นางยังมิได้ลองเล่นสักครา แล้วนางจะเปรียบเทียบคุณภาพของเครื่องมือการละเล่นต่างๆ ได้อย่างไรเล่า
“ท่านนัดหมายผู้ใดไว้งั้นหรือ พอจะบอกได้หรือไม่ เผื่อว่าข้าจะรู้จัก”
“เอ่อ…” ผู้ใดดี จะอ้างชื่อผู้ใดดีเล่า ฮื่อออออ
“นางนัดหมายกับข้า รองแม่ทัพอู๋มีปัญหาอันใดหรือไม่” ประโยคดังกล่าวมิได้ทำให้เยว่ชิงหายใจหายคอคล่องเลยแม้แต่น้อย เพราะเจ้าของเสียงนั้นก็คือ…
“คารวะท่านอ๋อง กระหม่อมมิได้มีปัญหาอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนี้ข้าและเยว่ชิงต้องขอตัวก่อน ข้ามีกิจธุระที่ยังต้องพูดคุยกับนาง”
เยว่ชิงถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเข้มของท่านอ๋อง ประกอบกับสายตาที่แข็งกร้าวราวกับอยากใช้ดาบในมือฟาดฟันนางให้ตกตายไป
“พ่ะย่ะค่ะ คุณหนูลู่พบกันคราหน้าหวังว่าท่านจะให้เกียรติข้าได้สนทนากับท่านสักเล็กน้อย” เยว่ชิงมิได้ตอบกลับสิ่งใดไป เพียงแค่ค่อมตัวคำนับอู๋จางหมิ่นแล้วเดินคอตกตามหลังหลิวหยางไป
“รองแม่ทัพอู๋ ข้าบังเอิญพบคุณหนูลู่ ผู้ที่ท่านหมายตากำลังเดินขึ้นรถม้าไปกับชินอ๋อง หรือว่าท่านอ๋องจะสนใจคุณหนูลู่เช่นกัน”
“ข้าเองก็มิแน่ใจในเรื่องนี้” อู๋จางหมิ่นยกจอกสุราเข้าปากอย่างหงุดหงิด คราแล้วที่ลานพิธีก็เป็นชินอ๋องที่มาขัดจังหวะเขาและคุณหนูลู่
“เช่นนั้นข้าว่าท่านถอยออกมาเถิด หากคู่แข่งเป็นท่านอ๋อง ท่านคงหมดหวังแล้ว”
“หึ ยิ่งมีคู่แข่งเป็นถึงชินอ๋อง ข้าก็ยิ่งอยากได้นางมาเป็นอนุ” จางหมิ่นยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ยิ่งเป็นท่านอ๋อง เขายิ่งอยากเอาชนะ
หากคุณหนูลู่เลือกเขา ท่านอ๋องคงจะเสียหน้ามิน้อย หึ!