ตอนที่ 5 เมื่อสามีหึงหวง

1834 Words
ตอนที่ 5 เมื่อสามีหึงหวง หลี่เจินตื่นแต่เช้าและเดินทางมายังร้านของตนตั้งแต่ตะวันยังเปล่งแสงไม่ทั่วผืนฟ้า ในวันนี้ระหว่างที่นางนั้นกำลังขายอาภรณ์สำเร็จรูปให้กับลูกค้า จู่ๆก็มีชายหนุ่มรูปงามโผล่มาพร้อมกับดาบในมือ เขามองนางด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดาก่อนจะเดินขึ้นไปยังภัตตาคารชั้นสอง หญิงสาวงุนงงกับพฤติกรรมชายหนุ่มแปลกหน้า แต่นางก็หาได้ใส่ใจ เมื่อลูกค้าจากไปนางจึงมานั่งเย็บผ้าต่อ “แม่นาง นายข้าให้นำสิ่งนี้มาให้” กล่องไม้แกะสลักลวดลายสวยงามดูดีมีราคา หลี่เจินไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะปฏิเสธผู้ใด นางรับมาพร้อมเอ่ยขอบคุณ โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นการกระทำที่ทำให้เจ้าของกล่องไม้เข้าใจผิดคิดว่านางรับไมตรีจากเขา ชายหนุ่มรูปงามที่แอบมองอยู่อีกฝากของถนนรีบเดินเข้ามาในร้านขายอาภรณ์ สายตาจ้องมองเป้าหมายไม่ละไปไหน “งามใช่หรือไม่ ข้าคิดว่าสิ่งนี้เหมาะสมกับเจ้ายิ่งนัก” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะสะบัดมือไล่บ่าวให้ไปยืนไกลๆ หลี่เจินมองปิ่นในกล่องไม้ นางยอมรับว่ามันช่างสวยงามนักจึงได้หยิบขึ้นมาดูใกล้ๆ “ท่านเป็นคนให้ข้าหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะมองปิ่นหยกในมือด้วยสายตาเป็นประกาย นางไม่รู้ว่าเขาให้นางทำไมแต่นางก็ชื่นชอบสิ่งที่อยู่ในมือไม่น้อย “ข้าให้เจ้า และข้าหวังว่าเจ้าจะชอบ” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ สตรีผู้นี้งดงามนัก ทั้งยังดูไร้เล่ห์เหลี่ยม เสียดายที่ยามนี้เขามีฮูหยินแล้ว แต่หากนางยินยอมเป็นอนุ เขาก็จะดูแลนางให้สุขสบายไม่แพ้ฮูหยินเลยทีเดียว “นางคงไม่ชอบของที่ท่านให้หรอก ข้าคิดว่าท่านควรเก็บของสิ่งนี้ไปให้ฮูหยินของท่านมากกว่านะ คุณชายหวัง” ชายหนุ่มแปลกหน้าเมื่อครู่ เดินลงมาจากชั้นสองของตึก ก่อนจะหยุดยืนข้างกายหญิงสาว เขาหยิบปิ่นหยกในมือนางเก็บใส่กล่องและสอดลงในสาบเสื้อของคุณชายหวัง หนุ่มเจ้าสำราญมากรักเมื่อเห็นว่าหลี่เจินมองเขาด้วยสายตาแปลกๆจึงได้แต่ผิดหวังและล่าถอยกลับไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนงงอยู่กับชายหนุ่มแปลกหน้าท่าทางไม่เป็นมิตร “ปกติเจ้ารับของผู้อื่นพร่ำเพรื่อเช่นนี้อยู่แล้วหรือ” เขาไม่อยากจะคิด หากมีใครนำอาหารเคลือบยาพิษมาให้ นางก็คงรับและกินจนเกลี่ยงแล้วกระมัง ช่างเป็นสตรีที่โง่งมอะไรเช่นนี้ “หากข้าไม่รับเท่ากับว่าข้าเสียมารยาท” นางปฏิเสธคนไม่เป็น ครั้งแรกที่นางเอ่ยปฏิเสธก็คือครั้งที่หลี่จินจินขอกำไลหยก สุดท้ายนางก็ต้องเจ็บตัว อีกทั้งนางยังเห็นว่าคนผู้นั้นไม่ได้มีเจตนาร้าย “เจ้าโง่หรืออย่างไร บุรุษที่มอบสิ่งของให้หญิงสาวแปลกหน้าก็เพราะว่ามีเจตนาแอบแฝง เจ้าไม่รู้เหรอ” ไม่เคยมีผู้ใดสอนนางเกี่ยวกับเรื่องราวของบุรุษและสตรี นางไม่รู้หรอกว่าการที่ชายหนุ่มมอบสิ่งของให้แปลว่าเขาชื่นชอบในตัวนาง แต่ยามนี้นางรู้แล้ว และนางจะไม่รับของจากบุรุษแปลกหน้าอีก “เป็นสตรีที่น่าหงุดหงิดเสียจริง” จ้าวซือจงสวมหมวกก่อนเดินออกไป มือปราบหนุ่มไม่เข้าใจว่าเหตุใดดวงตากลมใสนั่นถึงทำให้เขาหงุดหงิดนัก สตรีโง่งม เลิกทำหน้าตาโง่เง่าเสียทีได้หรือไม่ เขาหันไปมองนางอีกครั้งก่อนจะเห็นว่ามีบุรุษผู้หนึ่งกำลังยืนคุยกับนาง “เจ้าเป็นดอกไม้หรืออย่างไร ถึงได้มีแมลงมาตามดมทั้งวัน” เขาพึมพำไม่เข้าใจเหตุใดต้องหงุดหงิดถึงเพียงนี้ ด้านอี้เยว่ฉีหน้าตึงเมื่อเห็นว่ามีบุรุษมาเกาะแกะภรรยาถึงสองคน แต่ที่น่าโมโหยิ่งกว่าคือภรรยาของเขาที่ช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน หลี่เจินรินน้ำชาให้สามีที่นั่งตีหน้ายักษ์ พอเห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดีนางจึงถอยมานั่งที่มุมของตน พลางเหลือบมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “ข้าจะหาคนมาช่วยเจ้าทำงาน” อี้เยว่ฉีคิดหาทางออก หากมีหญิงสาวมาช่วยหลี่เจินทำงานหลายๆคน พวกบุรุษที่เดินผ่านไปมาจะได้ไม่ต้องมุ่งตรงมาที่ภรรยาเขาเพียงผู้เดียว อย่างน้อยหากมีสาวงามที่นี่อีกสักสองสามคน หลี่เจินก็จะไม่กลายเป็นเป้าหมายของพวกแมลงน่ารำคาญ “อันที่จริง ข้าทำคนเดียวได้เจ้าค่ะ” นางกลัวว่าจะเป็นการสร้างรายจ่ายให้กับสามีมากจนเกินไป หากต้องจ้างคนก็ต้องเสียเงินไม่น้อย หลี่เจินจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก “ข้าจะประกาศหาผู้ช่วยให้เจ้า อย่าขัดคำสั่งข้าเจินเอ๋อร์” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าจะค้าน เขาก็รีบเอ่ยขึ้นทันที หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เดี๋ยวก็มีบุรุษมาล่อลวงภรรยาโง่งมของเขาอีก ยิ่งยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์จึงดูมีน้ำมีนวล หน้าอกนูนเด่นสะโพกผาย ช่างดูน่ายั่วยวนใจ ขนาดเขาเองยังอดไม่ได้ที่จะแอบมองนางบ่อยครั้ง อี้เยว่ฉีนั่งเฝ้าภรรยาจนบ่ายคล้อยจึงได้ชวนนางกลับเรือน หลี่เจินนั่งเคียงคู่สามีบนรถม้า นางสัมผัสได้ว่าตั้งแต่เช้าชายหนุ่มอารมณ์ไม่ดี จนกระทั่งยามนี้เขาก็ยังคงมีสีหน้าน่ากลัวอยู่ “หากเจ้ายังแอบมองข้าไม่หยุด ข้าจะเปลื้องผ้าเจ้าและต่อแขนต่อขาให้ลูกเสียตรงนี้” หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็หน้าตาตื่น ใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย สามีนางช่างพูดจาน่าไม่อายนัก พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดินเขาก็คิดเรื่องพรรค์นั้นแล้วหรือ อี้เยว่ฉีกระตุกยิ้มพลางมองภรรยาที่ก้มหน้างุด เห็นทีคืนนี้เขาคงต้องตอกย้ำความเป็นสามีให้แก่นางเสียแล้ว นางจะได้ไม่ไปเที่ยวไปโปรยเสน่ห์ให้บุรุษอื่นอีก “ท่านพี่ เบาหน่อยเถิด” หลี่เจินหอบหายใจพลางเหลียวมองสามีที่กระแทกกระทั้นนางอยู่ด้านหลัง หญิงสาวอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ผิวขาวแดงระเรื่อ เหงื่อท่วมกายแม้อากาศหนาวเย็น อี้เยว่ฉีขยำสะโพกผาย หากเปรียบเขาเป็นสัตว์ป่าหิวกระหาย หลี่เจินก็เป็นแกะน้อยน่าสงสาร ที่กำลังโดนสัตว์ร้ายขย้ำจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก นางไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปอดยากมาจากไหนถึงได้หื่นกระหายเช่นนี้ หลังกลับมาถึงเรือน อี้เยว่ฉีก็จับนางเปลื้องผ้า จนบัดนี้เวลาเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว เขายังไม่หยุดรังแกนางเสียที “ท่านพี่ หยุดพักสักครู่เถิด” นางทนรับแรงรักจากเขาอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว หากชายหนุ่มไม่หยุดตอนนี้นางต้องขาดใจตายเป็นแน่ อี้เยว่ฉีหาได้ใส่ใจในคำร้องขอของภรรยา เขาพลิกนางให้นอนหงายก่อนกดมังกรยักษ์เข้าถ้ำที่เปียกชุ่ม “เจ้าจำได้หรือยังว่ามีข้าเป็นสามี” “ขะ ข้าไม่เคยลืมว่ามีท่านเป็นสามี” ไม่เคยลืมแต่ก็ยังไปส่งยิ้มให้บุรุษอื่น ไม่เคยลืมแต่ก็รับไมตรีจากบุรุษอื่น ไม่เคยลืมแต่ก็ยังโปรยเสน่ห์จนมีบุรุษมาติดพันถึงสองคน ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจนเผลอกระแทกนางแรงเกินไป หลี่เจินถึงกับนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ นางน้ำตาซึมไม่เข้าใจเหตุใดสามีถึงได้รุนแรงนัก อี้เยว่ฉีเมื่อเห็นภรรยาสีหน้าก็เริ่มมีสติ เขาหยุดขยับก่อนช้อนร่างนางนั่งลงบนตัก หญิงสาวซบอกสามีและร่ำไห้ นางไม่ชอบเลยที่เขาไม่อ่อนโยนกับนาง “ไม่ต้องร้อง ข้าขอโทษ” เขาลูบศรีษะนางอย่างอ่อนโยน ไม่เข้าใจตัวเองเหตุใดต้องโถมความโกรธใส่นางถึงเพียงนี้ หากพิจารณาดูดีๆก็หาใช่ความผิดนางไม่ เป็นบุรุษน่าตายสองคนนั้นต่างหากที่ควรได้รับโทษ ที่บังอาจมายุ่มย่ามกับสตรีที่มีสามีแล้ว “ท่านโกรธอะไรข้าหรือเจ้าคะ” หลี่เจินถามเสียงแผ่วเบา นางคงโง่เขลาจนไม่รู้ว่าตนทำอะไรผิดไป อี้เยว่ฉีถึงได้ไม่พอใจและลงโทษนางเช่นนี้ ชายหนุ่มรู้สึกผิดยิ่งนัก ทั้งกับผู้เป็นภรรยาและบุตรในท้อง หากเขาไม่ยับยั้งอารมณ์ ป่านนี้นางคงแท้งลูกไปแล้ว เขาช่างชั่วช้าเสียจริง เจ้าคนน่าตาย “ข้าไม่ได้โกรธเจ้าหรอก แต่ข้าโกรธผู้อื่นต่างหาก” โกรธผู้อื่นแต่มาลงที่นางงั้นหรือ หลี่เจินคิดพลันรู้สึกจุกอก เขาเห็นนางเป็นที่ระบายอารมณ์เท่านั้นหรือ หญิงสาวเก็บความเสียใจไว้ไม่อยู่ น้ำตานางไหลเป็นสายน้ำ ไม่รู้ว่าเหตุใดหมู่นี้นางถึงได้อารมณ์อ่อนไหวนัก หรือเป็นเพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์ นางถึงได้อ่อนแอเช่นนี้ อี้เยว่ฉีถอนหายใจ เขาไม่รู้จะปลอบใจภรรยาเช่นไรไม่ให้นางคิดมาก จึงได้แต่นั่งกอดนางอยู่เงียบๆจนหญิงสาวหลับไป วันต่อมาบรรยากาศระหว่างสามีภรรยาช่างอึมครึม หลี่เจินนั่งก้มหน้ากินข้าวเงียบๆไม่ต่างจากอี้เยว่ฉี แม้กระทั่งตลอดทางที่นั่งอยู่ในรถม้า ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกัน ต่างฝ่ายต่างหันมองออกนอนหน้าต่าง เมื่อส่งภรรยาที่ร้านของนางแล้ว เขาก็เลยไปยังโรงเชือด คนงานนับสิบต่างพากันคำนับนายใหญ่ก่อนลงมือทำงานอย่างขยันขันแข็ง มู่อวิ้นเมื่อเห็นอี้เยว่ฉีดูไม่สบอารมณ์ก็ไม่กล้าเข้าไปเอ่ยปากเรื่องของบุตรสาว จึงได้แต่มองตามหลังเขาไปเงียบๆจนลับสายตา ชายวัยกลางคนถอนหายใจยาว บุตรสาวเขาเอาแต่ขังตัวอยู่ในห้อง ข้าวก็ไม่ยอมกินแม้แต่คำเดียว ช่างเป็นเรื่องที่น่าหนักใจยิ่งนัก อย่างไรเขาต้องหาทางเอ่ยปากเรื่องบุตรสาวต่อนายท่านให้ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD