คุณหนูสาม
ตอนที่ 1 คุณหนูสาม
ท่ามกลางเม็ดฝนโปรยปราย ปรากฏหญิงสาวร่างบางกำลังหอบหิ้วตะกร้าผ้าเดินตรงไปยังบ่อน้ำใหญ่ นางถอนหายใจทอดมองไปยังผืนน้ำ ก่อนจะนั่งลงบนโขดหินและลงมือซักผ้าท่ามกลางสายฝน ทั้งชีวิตนางไร้บ่าวรับใช้ข้างกายเหมือนคุณหนูบ้านอื่น เพราฉะนั้นการซักผ้านั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอก
“ฮูหยิน รีบเข้าเรือนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวเสื้อผ้าพวกนี้บ่าวซักเอง”
บ่าวรับใช้วัยชราเดินถือร่มมากางให้หญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ฝนตกเช่นนี้แต่ฮูหยินของนางก็ยังออกมาซักผ้า ไม่แม้แต่จะเรียกใช้บ่าวซักคน
“ไม่เป็นไรหรอก เสื้อผ้าของข้ากับท่านพี่มีเพียงไม่กี่ตัว ข้าซักไม่นานก็เสร็จ”
นางกล่าวด้วยความเกรงใจ นางไม่อาจรับน้ำใจจากหญิงชราได้ เพราะตลอดชีวิตนางไม่เคยมีผู้ใดมาหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ จึงไม่ชินต่อการเป็นผู้รับสักเท่าไหร่นัก
ด้านหญิงชราเมื่อเห็นว่าคงไม่อาจเปลี่ยนใจหญิงสาวได้ จึงได้แต่ยืนกางร่มบังฝนให้หญิงสาวเงียบๆ รอจนอีกฝ่ายซักผ้าเสร็จจึงเดินเข้าเรือนมาพร้อมกัน
“ขอบใจท่านมาก ท่านป้า”
หญิงชราก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ฮูหยิน ยามนี้ท่านถือเป็นนายหญิงของพวกเราแล้ว ท่านสามารถเรียกใช้บ่าวทุกคนใจเรือนนี้ได้ ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอกเจ้าค่ะ”
หญิงชรากล่าวด้วยความไม่สบายใจ เหตุผลหนึ่งก็เพราะเกรงว่าพวกตนจะถูกนายท่านตำหนิที่ปล่อยให้ฮูหยินทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่อีกมุมนางก็ไม่อาจปล่อยให้สตรีที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆทำงานหนักได้ หากลูกในท้องฮูหยินเป็นอะไรขึ้นมา บ่าวทั้งเรือนต้องโดนโบยจนตายเป็นแน่
“ข้าทำเองได้ ไม่ได้หนักหนาอะไรหรอกท่านป้า”
หูหลี่นั้นรู้สึกฟูฟ่องทุกครั้งที่หญิงสาวเรียกขานตนอย่างสนิทสนมไม่ถือตัว ตลอดชีวิตนางคอยแต่รับใช้ผู้อื่น ไม่มีวาสนาได้เป็นเจ้าคนนายคน เดินไปทางใดก็หามีใครเคารพให้เกียรติ จะมีก็แต่ฮูหยินที่ไม่รังเกียจ ไม่มองนางเป็นบ่าวรับใช้ต่ำต้อย ทั้งยังเรียกขานนางราวกับญาติผู้ใหญ่
“บ่าวเกรงว่าบุตรในท้องฮูหยินจะ…”
“ขอบใจท่านป้าที่เป็นห่วง แต่ข้าดูแลตัวเองได้ ท่านป้าไปพักผ่อนเถิด”
นางไม่อาจฝืนใจใช้งานหญิงชราได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงบ่าวและมีหน้าที่รับใช้ทุกคนในเรือนแห่งนี้ แต่นางก็ไม่อาจเอ่ยปากร้องขอให้ผู้อาวุโสกว่าคอยทำทุกสิ่งให้ เสื้อผ้านางซักเองมาตั้งแต่จำความได้ อาหารก็ตระเตรียมเอง ไม่เคยมีบ่าวรับใช้ยกมาให้ ในบางคราวนางยังต้องทำอาหารเองเสียด้วย นางทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอดชีวิต นางจึงไม่ปรารถนาจะได้รับการรับใช้จากผู้ใด
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าของดื้อรั้น เจินเอ๋อร์”
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลัง ทำเอาหญิงสาวขนลุกชูชัน ใจนางสั่นระรัวก่อนจะปั้นหน้านิ่งหันไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นสามี
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ภายใต้อาภรณ์เต็มไปด้วยมัดกล้ามที่เกิดจากการทำงานหนักเมื่อครั้งอดีต เขามองหญิงสาวด้วยสายตาที่ทำให้นางตัวแข็งทื่อ แม้จะอยู่กินกันมานานนับสามเดือนแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังไม่รู้สึกใกล้ชิดหรือคุ้นเคยกับสามีเสียที แม้ภายนอกเขาจะดูสุขุมนุ่มลึก แต่ทว่านางย่อมรู้ดีว่าลับหลังสายตาผู้คนเขาดุดันร้อนแรงมากเพียงใด
“ท่านพี่หิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะไปเตรียมอาหาร…”
“ถ้าเจ้ายืนยันจะทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ข้าจะไล่บ่าวรับใช้ออกจากเรือนนี้ให้หมด เจ้าว่าดีหรือไม่”
หลี่เจินหน้าซีดเผือด ไม่ต่างจากหญิงชราที่ยามนี้คล้ายจะเป็นลมเมื่อได้ยินว่าตนจะถูกไล่ออกไปจากเรือน หญิงสาวหน้าสลดลงก่อนจะเอ่ยขึ้น
“อย่าทำเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ ข้ายอมทุกอย่างแล้ว อย่าไล่พวกเขาไปเลยนะเจ้าคะ”
ข้างนอกเรือนนั่นเต็มไปด้วยอันตราย ในยุคที่ขุนนางและเชื้อพระวงศ์ต่างพากันเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ผู้คนต่างอดอยาก สิ้นหวัง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีราคาสูงจนยากจะจับต้องได้ หากพวกเขาถูกไล่ออกไปในยามนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากการถูกไล่ไปตายเอาดาบหน้า แต่หากอยู่ในเรือนนี้ก็ยังมีข้าวกินทุกมื้อ มีที่ให้นอนหลับ มีงานให้ทำแลกข้าวแลกน้ำแลกเบี้ย
อี้เยว่ฉีรู้สึกพึงพอใจที่หญิงสาวยอมแต่โดยดี ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคัดค้านยามที่นางนั้นลงมือทำสิ่งใด แต่ยามนี้ในท้องของนางมีบุตรของเขาอยู่ เขาจึงไม่ปรารถนาที่จะเห็นนางทำงานหนักเฉกเช่นแต่ก่อน
“เจ้าไปได้แล้ว บอกบ่าวในครัวเตรียมอาหารมาให้ข้าและฮูหยิน”
หญิงชราก้มหัวก่อนจะเดินออกไปด้วยความโล่งอก ส่วนหลี่เจินนางก็เงยหน้ามองผู้เป็นสามีก่อนจะหลบตาเมื่อเห็นว่าเขาจ้องนางด้วยสายตาคมกริบ
“วันนี้บิดาเจ้ามาหาข้า”
เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะจ้องมองปฏิกิริยาของหญิงสาว เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ของนางกับบิดานั้นไม่สู้ดีนัก และการที่บิดานางที่เป็นถึงอัครเสนาบดียกนางให้พ่อค้าผู้ต่ำต้อยเช่นเขา แทนที่จะเป็นคุณชายสูงศักดิ์ย่อมทำให้นางนั้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง แม้นางไม่เคยแสดงท่าทีว่ารังเกียจเขา แต่เขาก็ย่อมรู้ดีว่านางก็อดเปรียบเทียบตนกับพี่น้องไม่ได้
คุณหนูสามตระกูลหลี่ แต่งงานกับพ่อค้าหมู ผู้คนที่ได้ยินต่างพากันหัวเราะเยาะเย้ยนาง
“ข้าร่ำรวยถึงขนาดที่ขุนนางใหญ่มาคำนับเช้าคำนับเย็น สงสัยเขาจะลืมไปแล้วว่าข้าเป็นเพียงพ่อค้าขายหมูที่เขาเคยดูถูกว่าเป็นเพียงคนไร้ค่า”
หลายปีก่อนที่เขาเริ่มค้าขาย อัครเสนาบดีหลี่ที่ในยามนั้นเป็นเพียงขุนนางเล็กๆเคยโยนเขาและท่านตาออกจากจวน เมื่อครั้งที่เขาเข้าไปส่งผักให้ตระกูลหลี่ ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าเขาและท่านตาเป็นขอทานที่จะเข้ามาขโมยของ
ความทรงจำในวันนั้นเป็นแรงผลักดันให้เขากลายมาเป็นเถ้าแก่เจ้าของโรงหมูที่ใหญ่ที่สุดในแคว้น
ที่สำคัญ เขายังได้เป็นเขยตระกูลหลี่และยังสยบพ่อตาด้วยแก้วแหวนเงินทอง แม้เขาจะไม่ใช่เชื้อพระวงศ์หรือคุณชายสูงศักดิ์ แต่ความร่ำรวยของเขาก็ทำให้ขุนนางน้อยใหญ่ต่างพากันมาประจบประแจงขอแบ่งเส้นทางการค้าไม่เว้นวัน น่ารำคาญนักพวกแมลงสกปรก
“ข้าหิวแล้ว ขอเข้าไปรอในเรือนนะเจ้าคะ”
นางไม่อยากฟังเรื่องราวของบิดา นางรู้สึกอับอายทุกครั้งที่อี้เยว่ฉีเอ่ยวาจาดูถูกบิดาที่ยามนี้ฐานะทางการเงินตกต่ำ จนแทบจะขายทุกสิ่งอย่างในจวนเพื่อนำเบี้ยมาใช้จ่าย บิดานางนั้นโง่เขลา แต่เพราะมีท่านปู่คอยช่วยเหลือจึงได้ขึ้นเป็นอัครเสนาบดี แต่ทว่าก็ไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้สักเท่าไหร่นัก ทำให้ตำแหน่งอัครเสนาบดีเป็นเพียงสิ่งไร้ค่าที่ประดับตระกูลหลี่ไม่ให้ล่มจมลงในยามนี้ก็เท่านั้น
ภายในเรือน หลี่เจินคอยตักอาหารให้สามีเงียบๆ ใบหน้าที่เครียดขรึมทำให้อี้เยว่ฉีรู้ทันทีว่านางคงคิดมากเรื่องบิดา เขาหยิบกล่องไม้แกะสลักสวยงามออกมา ก่อนจะหยิบกำไลหยกราคาแพงสวมที่ข้อมือบาง ในคราแรกเขายอมรับว่าไม่คิดรักนาง เพียงแค่อยากเหยียบย่ำศักดิ์ศรีตระกูลหลี่ถึงได้แต่งนางเป็นฮูหยิน แต่ทว่าเมื่อรับรู้ความเป็นจริงเกี่ยวกับตัวนางแล้วเขาก็ไม่อาจตั้งแง่รังเกียจหญิงสาวได้ลง
หลี่เจินมองสิ่งที่ประดับข้อมือ ของล้ำค่าราคาแพงทำให้นางนั้นไม่อยากรับไว้ แต่นางก็ไม่กล้าพอที่จะขัดใจสามี หญิงสาวกินข้าวต่อเงียบๆก่อนที่บ่าวรับใช้จะเข้ามาเก็บกวาด
“เจ้าพักผ่อนเถิด ข้าจะอ่านหนังสือเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ”
อี้เยว่ฉีแยกตัวไปอ่านหนังสือตรงมุมห้อง ส่วนหลี่เจินมานั่งถักผ้าริมหน้าต่าง นางคอยเหลือบมองสามีแทบจะตลอดเวลาพลางนึกถึงวันแรกที่นางได้เจอกับเขา ในวันนั้นนางถูกจับแต่งตัวเพื่อเตรียมเป็นเจ้า จากนั้นไม่กี่ชั่วยามก็มีเกี้ยวมารับนาง ก่อนออกมาจากจวนพี่น้องต่างหัวเราะเยาะนางที่ต้องแต่งงานกับคนขายหมู แต่เมื่อนางได้มาถึงเรือนของว่าที่สามีก็พบว่าเขาหาใช่พ่อค้าขายหมูธรรมดา แต่เป็นถึงเจ้าของโรงหมูที่ใหญ่ที่สุดในแคว้น จะว่าไปเรือนของเขายังใหญ่โตและโอ่อ่ากว่าจวนตระกูลหลี่เสียอีก
“มองสามีเช่นนั้น เจ้าคงมีความต้องการบางอย่างในตัวข้า”
หลี่เจินสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิด นางทำเข็มในมือตกลงพื้นจึงลนลานรีบหยิบด้วยความร้อนรน นั่นเป็นเหตุให้นางถูกความคมตำนิ้วจนเลือดซึม อี้เยว่ฉีส่ายหัวก่อนจะลุกขึ้นมาดูฮูหยินที่นิ่วหน้าเพราะความเจ็บ
“พอถูกข้าจับได้ว่าแอบมอง เจ้าต้องกลัวความผิดถึงขั้นลงโทษตัวเองเช่นนี้เลยหรือ”
เขาหยอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะใช้ปากละเลียดดูดเลือดที่นิ้วของนาง หลี่เจินใบหน้าแดงก่ำหลบสายตาเร่าร้อนและไม่อาจพ้น เพียงพริบตานางก็ถูกผู้เป็นสามีจับปลดอาภรณ์ ร่างบางถูกดันนอนราบลงบนเตียงกว้าง