ตอนที่4

1442 Words
ตอนที่ 4 เหนืออินทรี บรรยากาศตอนเช้าในต่างจังหวัดนั้นแตกต่างจากกรุงเทพอย่างสิ้นเชิง ต้นไม้สีเขียวขจีเหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องฟอกอากาศทางธรรมชาติที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่น และผ่อนคลายได้เป็นอย่างดีได้ดี “อากาศดีจัง” ใบหน้าสวยแหงนรับแสงแดดยามเช้า และอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด วันนี้ยี่หวาเลือกชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าของน้องสาวมาสวมใส่ เนื่องจากเสื้อผ้าของเธอนั้น ไม่มีชุดไหนเหมาะสำหรับการไปสอนพิเศษเลย “กลับมาจะบิดหูให้ขาดเลยคอยดู” ยี่หวาคาดโทษน้องสาวของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เนื่องจากเรียนเอกภาษาญี่ปุ่นมาพร้อมกับน้องสาวของเธอแต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอจะสามารถสอนคนอื่นได้เสียหน่อย แต่ด้วยความรำคาญเสียงโอดครวญของน้องสาวยี่หวาเลยจำเป็นต้องยอมช่วยเหลือในครั้งนี้ “เตรียมไปเท่านี้คงพอมั้ง” อุปกรณ์การเรียนถูกจัดใส่กระเป๋าอย่างเป็นระเบียบตามคำแนะนำของยาหยี ยี่หวาตรวจเช็กอีกครั้งก่อนจะกดโทรออกหาน้องสาวของเธอเพื่อยืนยันบ้านของเด็กนักเรียนแต่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อติดต่อไม่ได้ ยี่หวาจึงมาเลื่อนอ่านแชตระหว่างเธอและน้องสาวเพื่อหาชื่อสถานที่ที่ยาหยีเคยส่งไว้ให้ “อันนี้รึเปล่านะ” ยี่หวาคลิกเข้าไปในโลเคชันที่ยาหยีเคยส่งไว้ให้ซึ่งสถานที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากบ้านของเธอประมาณครึ่งชั่วโมง และเป็นพื้นที่ติดเขา ไม่ได้อยู่ในเมืองอย่างที่เธอคิด “คงใช่แหละ” เมื่อได้จุดหมายที่ต้องไป ยี่หวาจึงรีบเดินไปยังรถตัวเองและไม่ลืมตรวจเช็กประตูบ้านอีกครั้งก่อนออกไป การอยู่ในวงการทำให้เธอกลายเป็นคนขี้ระแวง ไว้ใจคนยาก คอยตรวจเช็กนู่นนี่ตลอดโดยที่เธอเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ —————— สถานการณ์ที่บ้านของอินทรีตอนนี้กำลังวุ่นวายเนื่องจากมีคนบุกมาเอาตัวอนุชา คนร้ายเลือกเวลาที่อินทรีเข้าไปในไร่บุกเข้ามาอีกทั้งพวกมันยังมีพวกเยอะกว่า ลูกน้องของอินทรีที่เฝ้าโกดังอยู่เลยทำให้ฝ่ายอินทรีค่อนข้างเสียเปรียบ “บอกคนของเราให้กระจายกำลังให้ทั่วไร่ เผื่อพวกมันลอบกัดเหมือนครั้งก่อน” “ครับคุณอินทรี” สันกรามคมขบเข้ากันแน่น อินทรีโยนผ้าเช็ดมือทิ้งแล้วตรงไปยังรถจิ๊บของตัวเอง วันนี้เขาตื่นแต่เช้าเพื่อมาดูผลผลิตองุ่นสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเติบโตอย่างดี ทั้งที่ควรเป็นเช้าที่มีความสุขแต่กลับต้องมาอารมณ์เสียเพราะเรื่องแบบนี้เสียดาย เดาได้ไม่อยากเลยว่าคนที่มาเอาตัวอนุชา ไม่ได้หวังจะมาช่วยแต่อย่างใด แต่หวังมาปิดปากอนุชามากกว่าเพราะถ้าไม่มีอนุชาก็จะไม่มีคนซัดทอดไปถึงคนที่อยู่เบื้องหลังการเผาไร่ของอินทรีในครั้งนี้ กริ๊ง กริ๊ง อินทรีเหลือบตามองโทรศัพท์ตัวเองเมื่อเห็นชื่อหน้าจอเป็น เฉียง ลูกน้องคนสนิท จึงกดรับแล้วเปิดสปีกเกอร์โฟน “ว่าไง” “ผมสั่งคนวางกำลังรอบไร่แล้ว ส่วนอนุชาเรายังไม่เจอตัวเลยครับ” “แล้วคนของเราเป็นไงบ้าง” “คนของเราโดนยิงไปสองคนครับ ตอนนี้ส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว” “อือ อีกสามนาทีกูถึง” สถานการณ์เหมือนเริ่มจะบานปลาย อินทรีไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเล่นแรงและอุกอาจขนาดนี้ในถิ่นของเขา “กล้ามากนะ มาถึงถิ่นกู” ใบหน้าหล่อของอินทรีตอนนี้เต็มไปด้วยความดุดัน เขาตั้งใจจะให้เรื่องนี้จบลงแบบเงียบ ๆ แต่หมาลอบกัดพวกนั้นกลับรนหาที่ตายเอง ฉะนั้นเขาคงต้องทำให้เห็นเสียหน่อยว่าการมาเล่นกับคนอย่างเขานั้นจะเป็นอย่างไร ทางด้านยี่หวา เธอกำลังขับรถตามเส้นทางในจีพีเอสแต่ยิ่งขับดูเหมือนหนทางจะยิ่งดูแปลกไป แถวนี้ดูเหมือนเป็นไร่ขนาดใหญ่มากกว่าบ้านคนเสียอีก สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจี มีรั้วล้อมรอบสวยงาม ความสงบและสวยงามธรรมชาติทำให้หญิงสาวขับรถช้าลง ไม่เร่งรีบเหมือนตอนอยู่เมืองหลวง “เด็กที่จะมาสอน ไม่ได้เป็นลูกเจ้าของรีสอร์ตหรอกเหรอ” ยี่หวาเริ่มตั้งคำถามเนื่องจาก เธอยังมองไม่เห็นป้ายรีสอร์ตเลยสักป้าย อีกทั้งทางเข้ายังเหมือนทางเข้าที่เธอกำลังจะเลี้ยวเข้าไปตอนนี้เหมือนสวนผลไม้เสียมากกว่า GPS : อีกห้าร้อยเมตร เลี้ยวขวาแล้วจุดหมายของคุณจะอยู่ทางขวา ยี่หวาก้มลงมองจีพีเอสนำทางแล้วบอกกับตัวเอง “ลองเข้าไปดูก่อนแล้วกัน” GPS : ถึงจุดหมายแล้ว จุดหมายตามที่จีพีเอสบอก ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนบ้านคนหรือรีสอร์ตเลยสักนิด ยี่หวามองออกไปนอกกระจกพลางขมวดคิ้ว สถานที่ที่เธอจอดอยู่เป็นลานกว้าง และมีรูปปั้นนกอินทรีตั้งเด่นสง่าอยู่ตรงกลางราวกับเป็นอนุสรณ์สถาน “ใช่ที่นี่ไหมนะ” เพื่อคลายความข้องใจ ยี่หวาจึงตัดสินใจเปิดประตูรถแล้วเดินลงไป อย่างน้อยหากถามคนแถวนี้อาจจะได้เรื่องมากกว่ารอน้องสาวตัวดีติดต่อกลับก็ได้ ทันทีที่ขาเรียวสวยก้าวลงจากรถ เสียงปืนก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด ปัง ปัง ปัง! “กรี๊ด” ยี่หวาร้องออกมาด้วยความตกใจ เรียกความสนใจจากชายชุดดำที่กำลังถือปืนอยู่ ความสวยของเธอโดดเด่นทำให้กลายเป็นจุดสนใจของคนพวกนั้น พวกเขามองตรงมาทางยี่หวาแล้วหันกลับมาถามกัน “ใครวะ” “ไม่รู้ครับพี่แต่สวยมากเลยครับ” “เออกูเห็นแล้ว คนสวยแบบนั้นจะมาทำอะไรในที่แบบนี้วะ” “อาจจะเป็นผู้หญิงของไอ้อินทรี ไปจับมาดิ” “จะดีเหรอครับ” “เออสิวะ มึงอยากโดนยิงตายที่นี่รึไง” ขณะที่ยี่หวากำลังตกใจ เธอยกมือขึ้นปิดหูแล้วนั่งยองอยู่ด้านข้างรถ พยายามรวบรวมสติแล้วกลับขึ้นไปในรถของตัวเองแต่ไม่ทันที่เธอจะได้ปิดประตูรถ อยู่ ๆ มีชายชุดดำเข้ามากระชากแขนเธอลงจากรถ “กรี๊ด แกเป็นใคร ปล่อยฉันนะ” “นิ่ง ๆ ถึงจะสวยแต่กูก็กล้าตบนะเว้ย” ริมฝีปากสวยเม้มเข้าหากัน ยี่หวาเงยหน้ามองคนที่กำลังลากแขนเธออยู่ด้วยแววตาสั่นเทา ใบหน้าของพวกชายชุดดำถูกปกปิดด้วยผ้าเช็ดหน้าสีดำครึ่งหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็ยังมองเห็นว่าพวกมันไม่ใช่คนดี “ได้มาแล้วพี่ สวยฉิบหาย น่าจะเป็นเมียของไอ้อินทรี” “มึงตลกรึไง คนอย่างไอ้อินทรีเคยรักใครที่ไหน” ยี่หวามองชายชุดดำสองคนสลับกันอย่างใช้ความคิด ถึงแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์แต่ตอนนี้สิ่งหนึ่งที่ควรมีคือสติ หากเธอพยายามหนีตอนนี้ มีแต่จะทำให้เจ็บตัว ฉะนั้นเธอควรหาโอกาสและค่อยหนีออกไป ปัง ปัง! “กรี๊ด” สติของยี่หวาที่พึ่งรวบรวมกลับมาได้หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงปืน “เราหนีกันก่อนดีไหมพี่” “ลูกพี่ให้เราถ่วงเวลาไว้ก่อน อย่างน้อยต้องหาตัวไอ้อนุชาให้พบถึงจะไปได้” “แล้วเราไม่โดนยิงตายก่อนเหรอวะพี่” ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าลูกพี่ ก้มลงมองยี่หวาก่อนจะกระชากแขนยี่หวา ลากออกมาแล้วตะโกนเสียงดัง “ปล่อยพวกกูไป ไม่อย่างนั้นคนสวยนี่ตายแน่” ลูกน้องของอินทรีต่างหันมองหน้ากันด้วยความงง ไม่เคยมีใครเห็นสาวสวยคนนี้มาก่อน “ยืนงงทำเหี้ยไร วางปืนดิวะ!!” ชายชุดดำตะโกนเสียงดังพร้อมทั้งใช้ปืนจ่อศีรษะ ยี่หวา ลูกน้องของอินทรีมองหน้ากันอีกครั้งแต่ไม่ทันได้ตัดสินใจ เสียงทรงพลังก็ดังขึ้นทางด้านหลัง “ไม่ต้องวาง” “คุณอินทรี” อินทรีเดินเข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าลูกน้อง เขามองใบหน้าสวยแล้วจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่กำลังสั่นเทานิ่ง แววตาของเขานั้นนิ่งเสียจนไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ยี่หวาเองก็มองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาเช่นกัน เธอจำใบหน้าหล่อ รูปร่างกำยำของเขาได้เป็นอย่างดี “ถ้ามึงกล้า มึงก็ยิงเธอสิ” _______________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD