ตอนที่2. ทำงาน

1735 Words
“เออพี่รู้ว่าของแกมันของจริงหมดนั้นแหละ”     ชิงชัยถอนหายใจหนักๆ เสยผมยุ่งๆ อย่างไม่รู้จะทำอะไร “แต่แกก็ต้องเข้าใจพี่ด้วยนะ”  “เข้าใจค่ะ หวาทำงานที่นี่มาตั้งสองปีแล้วทำไมจะไม่เข้าใจ”   เธอยักไหล่เก๋ “พี่ชิงน่าจะย้ายหวาไปทำงานโต๊ะข่าวสายการเมืองหรือไม่ก็อาชญากรรมให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยหวาจะได้ไม่มาสร้างเรื่องให้พี่ชิงปวดหัวแบบนี้” “แล้วอีกอย่าง...ถ้าตรวจสอบไปๆ มาๆ มันมีคนศอกกลับย้อนถามว่าแกไปปาร์ตี้นั่นด้วยหรือเปล่าจะทำไง” “ก็หวาไปจริงๆ นี่แต่หวาไปเก็บข้อมูลมาเขียนสารคดีของหวาต่างหาก    ที่นี่ไม่ห้ามที่พนักงานจะทำฟรีแลนซ์ไม่ใช่เหรอคะ” “เออ...แต่มันไม่เหมาะเว้ยยย”    ชิงชัยชักเริ่มจะรำคาญรุ่นน้องคนนี้เต็มที “เอาเป็นว่าแกปล่อยๆ ยัยจีจี้นี่ไปเถอะ            อย่าไปจิกกัดยัยคนนี้บ่อยนักเลย” “ก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกคะแต่มันอดเอาเรื่องจริงมาตีแผ่ไม่ได้” “นี่สาบานนะว่าไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”    ชิงชัยยกกาแฟร้อนขึ้นจิบ  “เรียนจบที่เดียวกับจีจี้ไม่ใช่เหรอ” “หน้าอย่างหวาจะไปอิจฉาใครเค้าเป็น”       เธอทำท่าแหวะแล้วลุกขึ้นยืน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วหวาไปทำงานนะคะ มีนัดสัมภาษณ์ผู้กำกับละครค่ะ” “เออไปเถอะ ถามเค้าแต่ประเด็นเรื่องงานนะเว้ย อย่าไปคุ้ยเรื่องเมียน้อยเค้าหละ” “เจ้าคะ” ยิหวาย่อตัวถอนสายบัว    “แต่ถามเป็นการส่วนตัวได้ใช่ไหมเจ้าคะ” “ถ้าแกจะถามเรื่องแบบนั้น พี่ว่าถามเรื่องที่เค้าปั้นกิ๊กมาเป็นนางเอกใหม่ดีกว่า” ชิงชัยโบกมือไล่ “ไปไกลๆ ได้แล้วพี่ไม่อยากเห็นหน้าแกนานนักหรอก เดี๋ยวกาแฟมันจะเหม็นบูดเอา” ยิหวาหัวเราะเบาๆ แล้วเดินออกมาเพื่อไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง      เมื่อจัดการเก็บอุปกรณ์ที่จะใช้สัมภาษณ์เธอก็เดินไปหาพี่หนึ่ง-ช่างภาพที่จะออกไปทำงานด้วยกัน                  “ขอห้านาที พี่โหลดรูปอยู่” “ให้สิบก็ได้”       ยิหวายิ้มแล้วนั่งที่เก้าอี้ว่างรอช่างภาพคีย์ข้อมูลบางอย่าง เธอชะโงกหน้าดูรูปที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์   ภาพนางแบบสาวโพสท่าเซ็กซี่ในไร่องุ่นทำให้เธอรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด “ที่ไหนพี่สวยจังเลย” “นางแบบหรือองุ่น”     ชายหนุ่มหัวเราะปากว้าง “ใกล้ๆ นี่เองนครปฐม อยากไปเหรอ” “เปล่าค่ะ...แค่รู้สึกเหมือนกับว่าเคยไปเที่ยวไร่องุ่นที่ไหนสักแห่งแต่นานจนจำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน....” “แก่แล้วนี่เรา...แค่นี้ก็หลงๆ ลืมๆ ซะแล้ว” “เหอะ!” ยิหวาทำเสียงขึ้นจมูก “อย่าคิดว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองซิ” “บอกตัวเองหรือบอกพี่ละ”     ช่างภาพหนุ่มหัวเราะ “ได้ยินว่าโดนพี่ชิงชัยเรียกไปดุอีกแล้วเหรอ” “ก็เรื่องเดิมนั้นแหละ”      ยิหวายักไหล่ “ไปยุ่งกับเด็กเสี่ยมากๆ ระวังจะถูกย้ายที่ทำงานใหม่นะ”       หนึ่งเตือนอย่างหวังดี        “จะเด็กใครก็ช่าง            แต่ทำอะไรไว้ก็ต้องกล้าทำกล้ารับซิ” แววตากลมโตฉายแววเด็ดเดี่ยวอย่างที่เจ้าตัวไม่รู้สึกตัว          ช่างภาพหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจเขาเป็นรุ่นพี่ยิหวาหลายปีรู้เรื่องวงในมากกว่ายิหวาหลายเท่านั้น            บางเรื่องราวก็ไม่มีอยู่ในตำราเรียนต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ในชีวิตจริง      ..............................               ‘จีระนันท์’ ดาราสาวก้าวออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าในชุดราตรีสีดำเป็นมันวาวเน้นสัดส่วนและเปิดเผยเรือนร่างจนคนที่เงยหน้ามองตกใจจนยกมือทาบอก    หญิงสาวยักไหล่แล้วโพสท่าเซ็กซี่ยั่วยวนแต่ผู้จัดการโบกไม้โบกมือไปมา             “ไม่ไหวหรอกยัยจีจี้  เอาชุดที่มันเรียบๆ กว่านี้ไม่ได้เหรอ”    ‘อามี่’หรืออดีต ‘อาร์ม’ ชายหนุ่มหัวใจสีรุ้งกุมขมับ “พี่ว่าให้พี่เลือกชุดให้จีจี้ใส่ไปงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเองดีกว่าจ๊ะ”             “ไม่เอาหรอก”    จีจี้หรือจีระนันท์เบ้ปาก เธอดูเงาตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ฉายภาพเธอได้เต็มตัว “พี่อามี่เลือกอะไรให้จีจี้ใส่ดูแอ๊บแบ๊วยังไงไม่รู้    จีจี้อยากเปลี่ยนลุกค์ตัวเองเป็นสาวเซ็กซี่”             “แต่พี่ว่ามันไม่เหมาะกับจีจี้หรอก” อามี่พยายามโน้มน้าวใจดาราสาวในสังกัด ทั้งเธอเองก็นึกรำคาญจนอยากตบหัวสักผัวะ! สองผัวะ! เหมือนกัน       “เอางี้จีจี้ใส่ชุดเกาะอกก็ได้แต่พี่ขอสีหวานๆ ฉ่ำๆ ได้ไหมคะ”             “แล้วจีจี้จะไม่กลายเป็นลูกกวาดเหรอคะ”    เธอยังคงเสียดายชุดดำมันวาวเข้ารูปที่สวมอยู่นี้มากกว่า             “ทนๆ เอาหน่อยเถอะจ๊ะ ข่างคาวๆ มันจะได้เงียบๆ หน่อยไง”           อามี่เดินไปเลือกชุดราตรีอีกชุดออกมาทาบตัวดาราสาว             “แหม! ก็จีจี้เครียดก็ต้องไปหาที่พักผ่อนบ้างนี่คะ”     ยังพูดไม่จบผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวก็รีบตะครุบปากน้อยๆ ของจีจี้ไว้             “เดี๋ยวใครก็ได้ยินหรอก! พี่หมดเงินไปกับการแก้ข่าวนี้มามากพอแล้วนะ”        อามี่อยากบีบคอขาวๆ ของจีจี้นัก “ถ้าว่างนักก็เอาเวลาไปซ้อมร้องเพลงเตรียมออกอัลบัมได้แล้วยะ”             “อย่างจีจี้ไม่ต้องซ้อมก็ได้แค่โปรยยิ้มหวานๆ ก็โอเคแล้วนี่”   เธอพูดจาไม่สนใจกับหน้าตาดุๆ ของผู้จัดการนัก “แต่เอาเถอะ คราวนี้จีจี้จะยอมใส่ชุดที่พี่อามี่เลือกก็ได้”             อามี่ถอนหายใจโล่งอกแล้วส่งชุดราตรีสีชมพูไข่มุกให้จีระนันท์         “ไปลองซะจะได้ดูว่าพอดีไหม พี่ขอไปดูดบุหรี่ข้างนอกก่อนนะ”             จีจี้พยักหน้ารับแต่พอเห็นผู้จัดการส่วนตัวเดินออกไปแล้วเธอก็ทำหน้าเลี่ยนๆ “แหวะ! ทีตัวเองยังสูบบุหรี่แล้วยังจะมาว่าคนอื่นอีก”             จีระนันท์ผลุบหายเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้ง           นึกเจ็บใจที่ถูกมือดีแอบถ่ายภาพตัวเองในงานปาร์ตี้คืนนั้นไม่ได้            และเดาได้ไม่ยากนักหรอกสำหรับแม่สาวขี้อิจฉาอย่างยิหวาที่จะเป็นต้นตอของข่าวนี้เพราะมีเพียงหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวที่ลงภาพเธอได้ชัดแจ่มขนาดนั้น             จีระนันท์เชื่อมาตลอดตั้งแต่เรียนปีหนึ่งว่ายิหวาอิจฉาในความสวยและน่ารักของเธอ     มีกิจกรรมหลายอย่างที่ทั้งสองเคยทำร่วมกันแต่เธอได้เป็นดาวเด่นเสมอและเป็นดาวประจำคณะ                   รุ่นพี่หนุ่มๆ หลายคนแวะเวียนมาจีบเธอและเป็นรุ่นพี่ที่จีระนัทน์มารู้ที่หลังว่ายิหวาก็แอบชอบอยู่       แต่ทำไงได้ละ! ก็คนมันสวยนี่       สวยเลือกได้น่าจะรู้อยู่แล้ว             หญิงสาวเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ปีสอง         สวยใสสไตล์เกาหลีอย่างจีจี้เป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มๆ จากนางเอกMV ก็ก้าวมาเป็นนางเอกละครโทรทัศน์ในปีถัดมา      เพราะร่าเริงในแวดวงบันเทิงจนทำให้เกือบเรียนไม่จบช้าไปหนึ่งเทอม            แต่ก็ช่างเถอะ! ไม่ค่อยมีใส่ใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว  ถึงเรียนจบเร็วก็ต้องมาเตร่หางานทำเหมือนยิหวากับปลายรุ้งอยู่ดี        แต่ไม่รู้ยังไงยิหวาถึงได้มาทำงานเป็นนักข่าวบันเทิงคงจะอิจฉาเธอมากๆ และจะได้หาทางกลั้นแกล้งเธออีก  ส่วนยัยปลายหรือปลายรุ้งนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอเลยสักนิด           เพราะทั้งเฉิ่มและดูเหมือนจะเอ๋อหน่อยๆ ไม่มีพิษภัยอะไรกับเธอนักแม้จะเห็นว่าเป็นเพื่อนรักของยิหวาก็ตาม             จีระนันท์ออกมาจากห้องลองชุดก็ไม่เห็นผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวของตน         เธอจึงเดินออกมาด้านนอกเรียกพนักงานคนหนึ่งของห้องเสื้อมาดูเพราะรู้สึกว่าเอวมันจะคับไปหน่อย             “ได้ค่ะ...ทางร้านจะแก้ให้พอดีกับเอวของคุณจีจี้”                 “เอาให้ทันนะจีจี้จะใส่ไปงานประกาศผลฯ ”  จีระนันท์อดสั่งไม่ได้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ายังไงทางร้านต้องจัดการให้เธอได้ทันเวลาแน่ๆ             “ไม่มีปัญหาค่ะ   สำหรับคุณจีจี้ทางร้านเราจัดการให้พิเศษสุดๆ อยู่แล้ว”         จีบปากจีบคอพูดไปอย่างนั้นแต่ก็รู้สึกหมั่นไส้นางเอกแอ๊บแบ๊วคนนี้เหมือนกัน “แล้วเครื่องประดับละคะ”             ยังไม่ทันที่จีจี้จะพูดอะไรออกมาประตูร้านของห้องเสื้อก็ถูกเปิดออก               ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผิวขาวสวมแว่นกันแดดสีชาเดินเข้ามาในร้านมองด้วยหางตาก็รู้ว่าไม่ใช่คนไทย ‘หล่อยังกะพระเอกเกาหลี’             “พี่กาอินมาหรือยังครับ”   ‘กังยู’หนุ่มลูกครึ่งเกาหลีที่พูดสำเนียงไทยได้ชัดเอ่ยถามกับพนักงานสาวที่กำลังดูแลจีจี้อยู่            เขาหันไปเห็นจีระนันท์เข้าพอดีก็ยิ้มให้เล็กน้อยตามมารยาท               “คุณอินมาแล้วค่ะแต่เมื่อครู่เดินไปร้านดอกไม้ข้างๆ คงอีกสักครู่ก็เข้ามา หรือจะให้ดิฉันโทรตามให้คะ”พนักงานสาวรีบโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งสะเทือนนัก               “ขอบคุณครับแต่ไม่เป็นไร”           เขาชี้นิ้วไปที่โซฟารับแขก “ผมนั่งรอตรงนี้ได้ใช่ไหม”             “เชิญตามสบายค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะยกน้ำมาให้”             “ไม่เป็นไรครับเชิญทำงานตามสบายเลยดีกว่าครับ”  กังยูเอ่ยยิ้มๆ และเมื่อเห็นหญิงสาวที่รู้สึกคุ้นๆ หน้าจ้องมองมาทางเขา        ชายหนุ่มจึงก้มศีรษะให้เล็กน้อยตามมารยาทและเดินไปนั่งที่โซฟา             “ใครนะเด็กคุณอินเหรอ”  จีระนันท์อดกระซิบถามพนักงานคนเดิมไม่ได้             “คุณกังยูน้องชายคุณอินไงคะ”      ‘ติดใจความหล่อเข้าแล้วละซิ’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD