ตอนที่3.ดาราสาว

1663 Words
“เหรอ...”จีระนันท์เผลอยิ้มเจ้าเล่ห์   “เธอไปทำอะไรก็ทำก่อนไป ฉันจะเลือกดูชุดอื่นอีกสักชุดสองชุด”      พนักงานสาวทำหน้างงๆ แต่เมื่อถูกไล่จึงต้องแสร้งเดินไปทางอื่น   จีระนันท์เดินเข้ามานั่งข้างๆ กังยูที่เปิดนิตยสารดูฆ่าเวลา             “คุณเป็นน้องชายพี่อินเหรอคะ”     จีระนันท์เอ่ยถามพลางส่งสายตาหวานเชื่อมให้             “ครับ...แต่ส่วนใหญ่ผมจะอยู่เกาหลีกับคุณพ่อไม่ค่อยได้มาเมืองไทยนัก”     เขายิ้มที่มุมปาก ‘อิน’ คือชื่อไทยของพี่สาวของเขาแต่ชื่อจริงคือ ‘กาอิน’ แต่พี่สาวเขาก็ชอบให้เรียกว่า ‘อิน’มากกว่า             “จีจี้เป็นลูกค้าประจำของพี่อินแต่ไม่ยักรู้ว่าพี่อินมีน้องชาย ‘หล่อ’ ขนาดนี้”                 กังยูเลิกคิ้วเล็กน้อยไม่คิดว่าจะถูกชมต่อหน้าแบบนี้เขายิ้มน้อยๆ แบบเขินๆ                 หลังจากสูดมะเร็งเข้าไปหลายอึกอามี่ก็ถอนหายใจหนักๆ นี่เขาพยายามเลิกบุหรี่หลายครั้งแล้วแต่เพราะยังต้องทำงานกับยัยจีจี้อยู่นี่แหละ   ยิ่งเครียดก็ยิ่งสูบสงสัยต้องเลิกทำงานกับจีจี้แล้วนั้นแหละเขาถึงจะเลิกบุหรี่ได้สำเร็จ      แต่ก็ต้องยอมรับว่าจีจี้เป็นดาราหน้าใสที่เรียกเงินเข้ากระเป๋าเขาจนตุง   ถ้าไม่นับนิสัยขี้เอาใจคิดอะไรเข้าข้างตัวเองแถมยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนขี้อิจฉาด้วยละก็     จีระนันท์หรือจีจี้ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง     เอ...หรือนับไปนับมาข้อเสียจะเยอะกว่าข้อดีหว่า?             ขณะที่หมุนตัวก้าวออกมาจากซอกตึกสายตาของผู้จัดการหนุ่มหัวใจสาวก็แลเห็นร่างเพรียวลมของนักข่าวสาวเดินสะพายย่ามสีแดงเดินตรงมาทางร้าน      ยิหวาเงยหน้าจากทางเดินก็เห็นร่างที่คุ้นตาเธอกระตุกยิ้มที่มุมปากทันที             “พี่อามี่มาทำอะไรแถวนี้ละคะ”     ‘โลกมันแคบหรือโลกมันกลมดีละเนี่ย ถ้าเจอยัยอามี่ที่ไหนก็ต้องเจอจีจี้ที่นั่น’   หญิงสาวบ่นอุบอิบในใจแต่ก็ยกมือไหว้ตามมารยาท             “ฉันน่าจะเป็นคนถามหล่อนมากกว่านะยะ”                        “หวานัดเพื่อนไว้ที่นี่คะ”   ยิหวาเชิดหน้าตอบ    คงคิดว่าคนอย่างเธอคงไม่มีปัญญาซื้อชุดหรูหราของร้านพี่อินแน่ๆ             แต่ก็ช่างเถอะ! เธอไม่อยากสนใจเรื่องไร้สาระแบบนี้เท่าไหร่หรอก             “นี่ยิหวา! ฉันขอเตือนหล่อนนะยะว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับจีจี้นักอีกแค่เดือนเศษๆ จีจี้ก็จะเป็นนักร้องแล้วฉันไม่อยากให้มีข่าวเสื่อมเสียอีก”             “พี่อามี่น่าจะไปบอกเด็กพี่มากกว่ามาบอกหวานะคะ”     เธอส่ายหน้าระอาใจ “ถ้าคนเราทำอะไรดีๆ ก็ไม่มีเรื่องไม่ดีให้ขุดคุ้ยหรอกคะ”             “ยัยยิหวา!!!”                  “ขอตัวนะคะ”     ยิหวาผลักบานประตูเข้ามาก็เห็นชายหนุ่มทำหน้าเลียนๆ นั่งอยู่ที่โซฟา ข้างๆ กันมีดาราสาวหน้าใสเบียดกระแซะจนเขาแทบจะตกโซฟาอยู่แล้ว             “กังยู”             “ยิหวา”  กังยูดีใจยิ้มกว้างออกมาแล้วรีบลุกขึ้นยืนจนทำให้ร่างบางเซถลาลงซบโซฟาแต่ก็รีบยันตัวลุกขึ้นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น       “มาแล้วเหรอ”             “รถติดนะแล้วกังยูมานานหรือยัง” ยิหวาถามพลางปรายตามองมาทางจีระนันท์     “สวัสดีคะคุณจีจี้มาเลือกชุดไปออกงิ้วเอ๊ย!ออกงานหรือคะ”             “รู้อยู่แล้วอย่ามาแกล้งไม่รู้หน่อยเลยคะคุณยิหวา”     จีจี้จีบปากจีบคอแสร้งทำพูดดีเพราะว่าอยู่ต่อหน้าหนุ่มหล่อหรอกนะ                    “จีจี้เสร็จหรือยัง เราต้องไปถ่ายMV เพลงโปรโมตอีกนะจ๊ะ”  อามี่รีบเข้ามาขวางเพราะไม่อยากให้ดาราในสังกัดมีเรื่องกับนักข่าวปากร้ายนี่อีก             “เสร็จก็ได้ค่ะ”     เธอเชิดหน้าขึ้น “จีจี้ไม่อยากให้ทุกคนต้องรอ จีจี้เป็นมืออาชีพจะทำอะไรต้องมีความรับผิดชอบและสามัญสำนึกที่ดีค่ะ”                     จีระนันท์แขวะยิหวาเสร็จก็หันไปโปรยยิ้มหวานให้กังยูอีกครั้ง “แล้วอย่าลืมเมล์หาจีจี้นะคะ”             “คะ...ครับ”         กังยูถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นจีระนันท์เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกครั้งและออกมาอีกทีก็ยิ้มส่งสายตาหวานให้เขาอีก      เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูเปิดออกพร้อมร่างของกาอินและปลายรุ้งที่หอบช่อดอกไม้เข้ามาพร้อมกัน             “อ้าวจีจี้! กลับแล้วจ๊ะ”      ‘นึกว่ากลับไปตั้งนานแล้ว’ กาอินทักตามมารยาท             “ค่ะ จีจี้มางานที่อื่นไว้คราวหน้าจะแวะมาใหม่   ฝากดูแลชุดให้จีจี้ด้วยนะคะ”             “ไม่มีปัญหาจ๊ะ”              เมื่อจีระนันท์กับผู้จัดการก้าวออกไปขึ้นรถยนต์ของตนเรียบร้อยแล้ว   ทุกคนในร้านจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเกือบจะพร้อมกัน            ทำให้กังยูหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วรับดอกกุหลาบช่อใหญ่จากปลายรุ้งมาช่วยถือ             “ไปเหมาดอกไม้มาอีกแล้วหรือครับพี่กาอิน”     กังยูทักอย่างเข้าใจพี่สาว    เวลาเครียดๆ เธอจะชอบจัดดอกไม้            ในห้องเสื้อนี้จึงอบอวลด้วยดอกไม้สดส่งกลิ่นหอมฟุ้งตลอดเวลา                    “ปลายไปเจอพี่กาอินที่ไหนอ่ะถึงได้เข้ามาพร้อมกันได้”        ยิหวาทักแล้วรินน้ำส่งให้เจ้าของห้องเสื้อและเพื่อนสาว             “ใกล้ๆ นี่แหละ ปลายเดินเล่นคิดอะไรมาเรื่อยเปื่อยเจอพี่กาอินทักเข้าพอดีก็เลยช่วยกันเลือกดอกไม้มาจ๊ะ”           ปลายรุ้งยิ้มบางๆ “กังยูสบายดีนะ ไม่ได้เจอกันหลายเดือนแล้ว”             “งานที่โซลยุ่งๆ เลยไม่ได้มาที่นี่เลย”          เขายิ้มตอบแต่สายตาจับจ้องที่ยิหวามากกว่า             “กังยูไม่อยู่หนูปลายเค้าเขียนเพลงรักไว้รอตั้งเป็นสิบๆ เพลง”           ยิหวาแซวออกมาเล่นเอาปลายรุ้งหน้าแดง                “จริงเหรอ”         ชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่มหัวเราะร่า ไม่ได้ใส่ใจหรือจริงจังกับคำพูดล้อเล่นของยิหวานัก             “ไม่ได้แค่เขียนเพลงรักน่ะเขียนนิยายจบเป็นเล่มๆ พี่อ่านแล้วเห็นหน้าพระเอกเป็นกังยูเลยล่ะ”  คราวนี้กาอินเสริมทัพบ้างทำให้เอาปลายรุ้งแดงไปทั้งตัวจนต้องแสร้งลุกขอตัวไปเข้าห้องน้ำ “ใครจะไปเหมือนหวาล่ะมีแต่เรื่องทุกวี่วัน”             “มาลงที่หวาอีกจนได้”      ยิหวาหัวเราะ             “ก็พี่เป็นห่วงเลยอยากเตือนไว้วงการนี้มันฉาบฉวยไม่เหมาะกับหวานักหรอก”             คราวนี้น้ำเสียงกาอินเคร่งเครียดจนยิหวารู้สึกได้               “หวาเข้าใจ...หวาก็ว่าจะหาสมัครงานที่อื่นอยู่เหมือนกันค่ะ”             “งานสายอื่นไม่ใช่งานที่อื่น...หวาเป็นคนมีความสามารถน่าจะหางานที่ตรงตามบุคลิกของหวาได้”          กาอินแนะนำ “ดูอย่างปลายซิ! บุคลิกเค้าเรียบร้อยก็ทำงานด้านหนังสือเป็นนักแปล,นักเขียนแล้วก็แต่งเพลงอีก”             “อย่างปลายเค้าเรียกพรสวรรค์ค่ะพี่กาอิน”   ยิหวาหันไปทางกังยู         “ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วกวาดรางวัลเพียบเลย แล้วถ้าไม่มีปลาย-หวาคงไม่ได้เจอกังยูกับพี่กาอินหรอกคะ”             “เกินไปแล้วจ๊ะหวา”        ปลายรุ้งได้ยินที่ยิหวาพูดพอดีที่เธอเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง             “ก็มันจริงนี่”       ยิหวายื่นหน้ามาทางเพื่อนรัก “ก็เธอได้ทุนไปเรียนภาษาที่เกาหลีตั้งหกเดือนถึงได้เจอกังยูแล้วพวกเราทั้งหมดถึงได้เป็นเพื่อนกันไง”             “จริงด้วยซินะ”    กังยูหัวเราะเบาๆ “นานๆ เจอกันพร้อมหน้าแบบนี้ต้องฉลองแล้วละ”             “นั้นซิ! แบบนี้ต้องฉลอง!”            ยิหวาดีดนิ้ว “เอาร้านไหนดีที่มีทั้งเนื้อย่างเกาหลีกับส้มตำรสแซ่บๆ บ้างละ”             ข้อเสนอของยิหวาทำเอาทุกคนหัวเราะร่าออกมา กาอินโบกมือห้ามทัพก่อนที่เมนูประหลาดๆ จะหลุดออกมาจากปากของยิหวาอีก             “วันศุกร์ต้นเดือนแบบนี้ออกไปร้านไหนก็คนแน่น   ไปกินข้าวบ้านหวาไม่ดีกว่าเหรอคะ”          ปลายรุ้งเสนอ “เราแวะซูปเปอร์ฯ ซื้ออะไรเข้าไปทำกินกันจะได้นั่งคุยสบายๆ ไม่ต้องกังวลอะไรด้วย”             “ความคิดของปลายนี่แจ่มมากเลยจ๊ะ”         กาอินเห็นด้วยแล้วหลิวตามาทางยิหวา “ดูเหมือนลูกสาวเจ้าของบ้านจะลืมไปว่าคุณช่อแก้วทำอาหารได้อร่อยเด็ดกว่าร้านไหนนะเนี่ย”             “ไอ้เรื่องหญิงๆ อย่าเอามาพูดกับหวาได้ไหมคะ”      ยิหวากอดอกทำหน้างอน “ใครจะไปน่ารักเท่าปลายรุ้งได้เล่า”             “ยอมรับความจริงก็ดีแล้วนี่”          กาอินหัวเราะแล้วเรียกพนักงานมาเก็บดอกไม้แช่ในตู้เย็นไว้ก่อน  “เดี๋ยวเรามูฟกันเลยดีกว่านะ พี่ไม่ละคิดถึงคุณช่อแก้วจริงๆ”             “นี่ๆ รู้สึกไหมว่าทุกคนพูดเหมือนแม่ของหวาเป็นแม่ของทุกคนอ่ะคะ”             “อ้าว!หวาไม่รู้เหรอว่าเราน่ะเด็กเก็บมาเลี้ยงแต่พวกพี่นี่ลูกแท้ๆ เลยนะ”             “พี่กาอิน!!!”             เสียงหัวเราะแห่งความสุขดังประสานขึ้นในห้องเสื้อสุดหรูกลางกรุง   สายตาของกังยูพราวระยับเมื่อมองที่ใบหน้าสดใสของยิหวาโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาอีกคู่ที่เฝ้ามองอย่างอ่อนหวาน  แม้จะเจ็บปวดยามที่เห็นคนที่ตัวเองรักมองหญิงอื่นก็ตามที          ปลายรุ้งได้แต่ยกมือทาบที่หน้าอกบอกใจไม่ให้เจ็บเพราะทั้งสองคนคือเพื่อนรักของเธอ คำว่า”เพื่อน”จะไม่ต้องไม่มีวันเปลี่ยนแปลง             
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD