ตอนที่1. ตื่นจากฝัน

1625 Words
เสียงนาฬิกาปลุกทำให้ดวงตากลมโตเบิกโพลงทันทีและร่างบางก็ผวาตื่น    หญิงสาวรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นถี่ผิดปกติและเหงื่อที่ชื้นเต็มตัว      มือเรียวสั่นระริกขณะที่ยกมันแตะริมฝีปากของตนเอง       เธอรีบผุดลุกไปส่องกระจกหาความเปลี่ยนแปลงหรือร่องรอยที่ยังเหลืออยู่  ทว่าสิ่งที่เห็นคือใบหน้าของใบหน้าหญิงสาวอายุ 22 ปี             “ฝันซ้ำๆ มาสามปีแล้วนะ”           ‘ยิหวา’ พึมพำกับตัวเองเหมือนทุกครั้งที่สะดุ้งตื่นกับฝันประหลาด      สามปีแล้วที่เธอฝันแปลกๆ แบบนี้มันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เธอถามกับตัวเองขณะพาร่างเพรียวที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอเข้าห้องเพื่ออาบน้ำมือเล็กหมุนปุ่มให้น้ำอุ่นจากฝักบัวไหลรินรดร่างเปลือยเปล่า     น่าจะเป็นสามปีที่แล้วคืนนั้นพ่อกับแม่ทะเลาะกันเสียงดังจนเธอต้องหนอนเอาหมอนปิดหูแต่ใจหนึ่งก็เป็นห่วงว่าแม่จะเป็นอันตราย        ครอบครัวที่เคยอบอุ่นมาตลอดแต่จู่ๆ วันหนึ่งก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมาแสดงตัวกับแม่ว่าเป็นภรรยาน้อยของพ่อ     ครอบครัวที่เคยอบอุ่นแตกสลายในพริบตา  เธอหลบขึ้นมาอยู่บนห้องตามคำสั่งของแม่  คืนนั้นฝนกระหน่ำลงอย่างหนักและฟ้าก็แลบแปลบปลาบจนเธอต้องลุกขึ้นมาเพื่อดึงม่านหน้าต่าง      ทว่าภาพที่เห็นจากหน้าต่างห้องนอนคือชายหนุ่มสองคนทะเลาะวิวาทและมีคนหนึ่งทรุดลงไปกองกับพื้น       ในแสงสลัวของโคมไฟหน้าบ้านทำให้เธอเห็นเหมือนเลือดไหลนองพื้น  แล้วจู่ๆ บุรุษลึกลับก็เข้ามาในห้องเธอ นั่นเป็นภาพในความฝันที่หลอกหลอนเธอมาตลอดสามปีที่ผ่านมา      เมื่อเธอลืมตาในเช้าวันรุ่นขึ้นเธอก็พบตัวเองนอนหลับสนิทมีผ้าห่มคลี่คลุมอย่างเรียบร้อย      เธอลุกขึ้นไปยืนดูที่หน้าต่างก็ไม่เห็นมีสิ่งใดผิดปกติผู้คนยังคนเดินผ่านหน้าบ้านเช่นทุกวันที่เคยเป็นมา    แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือถ้อยคำของแม่ที่บอกเล่าเรื่องการจากไปของพ่อกับผู้หญิงคนนั้น    เรื่องราวของพ่อกับแม่ทำให้เธอไม่ปริปากพูดเรื่องที่เห็นแม้ว่ารอยอบอุ่นยังคงทิ้งไว้ที่ริมฝีปาก    ‘จุมพิตแรก’ ยิหวาออกมาจากห้องอาบน้ำแล้วผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดเก่งคือเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวและกางเกงยีนสีซีด            ผมยาวหยักศกถูกรวบขึ้นเป็นหางม้าด้วยยางสีดำ           ใบหน้าหวานตบแต่งบางๆ เหมือนเช่นทุกวันเธอหยิบย่ามใบโปรดที่ได้มาจากเชียงรายของฝากจากหมู่บ้านกะเหรี่ยง   น้ำอุ่นทำให้เธอสดชื่นจนทำให้หญิงสาวผิวปากเป็นเพลงเดินลงมาจากชั้นบน   ยังไม่ทันพ้นบันไดขั้นสุดท้ายเสียงหัวเราะเบาๆ กับกลิ่นอาหารหอมๆ ก็ทักทายเธอเข้าให้แล้ว “ผิวปากแบบนี้ไม่ดีเลยนะยิหวา”    คุณช่อแก้ว-มารดาของยิหวาทักเมื่อเห็นลูกสาวคนเดียวเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารแล้ว                        “ก็คนอารมณ์ดีนี่คะแม่”    เธอยิ้มทะเล้นแล้วหยิบขนมปังปิ้งในจานกินหน้าตาเฉย “นั่นของปลายรุ้งนะลูก”   ช่อแก้วดุลูกสาวแต่ยิหวากลับไม่สนใจยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มอีกด้วย “อร่อยไหม”       หญิงสาววัยเดียวกับยิหวาเอ่ยถามปนหัวเราะน้อยๆ แล้วยกชามข้าวต้มวางตรงหน้าคุณช่อแก้ว    “วันนี้เป็นข้าวต้มกุ้งค่ะ” “อะไรที่ปลายทำก็อร่อยทั้งนั้นแหละ”    ยิหวายิ้มแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา    “ถ้าไม่เกรงใจจะใส่ถุงห่อไปกินที่ทำงานด้วย” “ก็เอาซิ ทำไว้ตั้งเยอะแหนะ”        ปลายรุ้งทำท่าจริงจังจนยิหวาหัวเราะออกมา “ตอนเช้าหวากินแค่นี้ก็เยอะแล้ว”   ยิหวาเอ่ยพอดีกับภาพข่าวในโทรทัศน์กำลังออกข่าวดาราสาวเจ้าบทบาทอยู่ ‘ภาพนั่นเป็นภาพตัดต่อค่ะ  ไม่ใช่จีจี้เลย...จีจี้ไม่เคยไปสถานที่แบบนั้นเลยค่ะยกเว้นงานโชว์ตัวซึ่งจีจี้มีผู้จัดการไปด้วยตลอดค่ะ’ “แหวะ! ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาละซิถึงจะยอมรับผิด”       ยิหวาเบ้ปาก “แล้วมันจริงไหมละลูก...หนูจีจี้นี่ไปปาร์ตี้ยาอีอะไรจริงเหรอ”      คุณช่อแก้วอดถามไม่ได้ “โธ่แม่! ยัยจีจี้นี่จอมสตอเบอรี่มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว...เคยทิ้งนิสัยเดิมที่ไหนอ่ะไม่เชื่อถามปลายดูก็ได้”เธอหันไปทางเพื่อนสาวที่เพิ่งจะนั่งลงจัดการอาหารเช้าของตัวเอง “อันนี้ปลายไม่รู้ค่ะ ปลายไม่ใช่นักข่าวเหมือนหวา” “อ้าวยัยปลาย! หล่อนเพื่อนฉันนะยะต้องเข้าข้างฉันซิ”         ยิหวาทำหน้างอนจนปลายรุ้งหัวเราะออกมา “แต่ตามหลักแล้วเราต้องเชื่อหลักฐานไม่ใช่เหรอจ๊ะแม่นักข่าวสาวคนเก่ง”       ปลายรุ้งยิ้มกว้างแล้วหันไปถามคุณช่อแก้ว “รับเพิ่มอีกไหมคะคุณแม่” “ไม่แล้วจ๊ะ ปลายรุ้งนี่เป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆ น่ารักแบบนี้แม่อยากให้เป็นลูกสาวแม่จริงๆเลย” “แม่พูดแบบนี้หวาน้อยใจนะคะ” ยิหวาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกอดคอปลายรุ้ง “ตั้งแต่ปลายมาอยู่บ้านเรา หวาก็คิดว่าเค้าเป็นสมาชิกคนหนึ่งในบ้านแล้วละคะ” “สำหรับแม่...ปลายก็เหมือนลุกสาวแม่คนหนึ่ง” คุณช่อแก้วยิ้ม “แต่แม่อยากให้หวาทำตัวเรียบร้อยน่ารักเหมือนปลายบ้างต่างหากละ” “แม่ขออะไรที่หวาทำได้หน่อยไม่ดีกว่าเหรอ”   ยิหวาหัวเราะแล้วหยิบย่ามคล้องไหล่ “เอาเป็นว่าหวาจะเข้มแข็งปกป้องสาวๆ ในบ้านนี้เองค่ะ” ยิหวาลาคุณช่อแก้วและปลายรุ้งแล้วจึงเดินออกมาขึ้นรถโฟลค์สีเขียวอ่อนของตัวเอง     มันเป็นรถเต่าเก่าแก่อายุมากกว่าเธอสักยี่สิบปีเห็นจะได้     แต่สภาพเครื่องยนต์ที่เจ้าของดูแลอย่างดีทำให้มันขับเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์กว่าสภาพภายนอกที่เห็น ยิหวาทำงานเป็นนักข่าวสายบันเทิงให้หนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง   ในความเป็นจริงเธออยากทำงานสายข่าวการเมืองมากกว่า แต่ไม่รู้ยังไงทำไมถึงจับเธอให้มาทำงานสายบันเทิง  ทีแรกเธอก็ไม่คิดอะไรมากจบมาสมัครงานแล้วได้งานที่อยากทำเลยเธอก็รีบคว้าไว้ก่อน     แต่ไปๆ มาๆ สองปีมานี่เธอก็ไม่มีวี่แววจะได้ย้ายไปทำโต๊ะข่าวการเมืองเลย     รถเต่าสีเขียวใบไม้เปิดเพลงบรรเลงเบาๆ เข้ามาทำงานแถบประชานิเวศน์       ถ้าแม่ไม่มีปลายรุ้งอยู่เป็นเพื่อนก็คงเหงาไม่น้อยทีเดียว     สามปีมานี่ชีวิตมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างจนแทบตั้งรับไม่ไหว วันที่เธอรู้ว่าพ่อเลือกจากไปพร้อมหญิงสาวอีกคนนั้น     เธอไม่มีน้ำตาเลยสักหยดทั้งที่เจ็บร้าวในใจนัก    เธอรู้เพียงว่าต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นเสาหลักให้กับแม่   นับว่าตอนนั้นยังโชคดีครอบครัวเธอไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองและพ่อยกบ้านหลังนี้ให้เธอกับแม่อยู่    และเธอยังมี ‘ปลายรุ้ง’ เพื่อนสาวที่แสนดีคอยให้กำลังใจ           ยิหวาหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงวันที่เธอไปหาปลายรุ้งที่บ้าน   บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างพ่อกับแม่ของเธอ คนที่ร้องไห้กลับเป็นปลายรุ้งแทนที่จะเป็นเธอ         ปลายรุ้งกอดเธอแน่นแล้วร้องไห้เสียงดังจนป้าของปลายรุ้งต้องเข้ามาดูพวกเธอ    ปลายรุ้งเป็นเด็กกำพร้าและเป็นเพื่อนเธอมาตั้งแต่ประถมเพราะเรียนห้องเดียวกันจึงทำให้สนิทสนมกัน      แต่เมื่อขึ้นมัธยมปลายรุ้งก็ไปเรียนต่อที่อื่นแต่ทั้งคู่ก็ยังติดต่อกันเรื่อยมาจนกระทั้งปลายรุ้งสอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับยิหวา      มิตรภาพก็ทำให้ทั้งคู่ผูกพันกันมากขึ้นและเมื่อเกิดเหตุการณ์พ่อกับแม่แยกทางกันเธอจึงชวนปลายรุ้งมาอยู่ที่บ้านเธอด้วยกัน   อย่างน้อยแม่ก็มีเพื่อนและปลายรุ้งไม่ต้องเสียค่าเช่าหอพัก ไม่นานนักรถโฟลค์เต่าสีเขียวอ่อนก็แล่นเข้ามาจอดในที่ทำงานของเธอ   แล้วร่างบางก็เดินเข้ามาที่ทำงานปกติเช่นทุกวันที่เคยเป็นมา     ชีวิตที่แสนจะวุ่นวายทำให้เธอลืมคิดเรื่องฝันร้ายเมื่อเช้าตรู่     ฝันเช้าที่ใครหลายคนทำนายว่ามันจะเป็นจริง “หวา! บก.เรียก” “เรียกแต่เช้าเลยเหรอ”      ยิหวาทำท่าโอดครวญเธอยังเดินไม่ถึงโต๊ะทำงานด้วยซ้ำแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องอะไร   หญิงสาวเดินหน้าบึงตึงเข้าไปในห้องทำงานของคุณชิงชัย หัวหน้าของเธอซึ่งนั่งหน้าเครียดยิ่งกว่ากาแฟดำในแก้วของเธอเสียอีก “พี่ชิงเรียกหวาเหรอคะ” “ถ้าแกเรียกชื่อฉันเต็มๆ ไม่ได้ก็เรียกคำหลังได้ไหมอย่าเรียกคำหน้าคำเดียว”     คุณชิงชัยเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้าแต่งงานมาแล้วสองครั้งและคาดว่าจะมีครั้งที่สามเร็วๆ นี้      “ค่ะพี่ชิง....ชัย”    ยิหวาลากเสียงยียวนแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามกับหัวหน้า “เมื่อวานต้นสังกัดของจีจี้มาคุยกับพี่....” “ให้ทำข่าวคาวๆ เป็นข่าวขาวๆ หรือคะ”     ยิหวาดักคออย่างรู้ทัน “ก็แล้วแต่พี่ชิงนะคะ แต่หวายืนยันหว่าคลิปมือถือนั่นของจริงเพราะหวาถ่ายเองกะมือแล้วหวาก็อยู่ในงานนั่นด้วย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD