ตอนที่6. พบกัน

1396 Words
แต่บทความชุดนี้ของยิหวาถูกหั่นสั้นนิดเดียวกลายเป็นแค่สกู๊ปเล็กๆ เพราะเด็กๆ ที่เธอสัมภาษณ์ส่วนใหญ่มีประวัติไม่ค่อยน่าปลื้มนัก   แต่สำหรับยิหวาแล้วพวกเขาน่านใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด        แต่ก็ยังดีที่เด็กๆ กลุ่มนี้เข้าใจ         แม้ว่าการสนทนากว่าสามชั่วโมงจะกลายเป็นแค่สกู๊ปครึ่งหน้ากระดาษA4 ก็ตาม “พวกเราอิ่มแล้วพี่หวาก็รีบกลับบ้านเถอะฮะ” “อะไรกันหมดประโยชน์แล้วกไล่กันเลยเหรอ”   ยิหวาแสร้งทำโวยวายแต่นาฬิกาบนหน้าจอมือถือมันก็บอกเวลากว่าตีสองเข้าไปแล้ว “ไม่ใช่ฮะ”   เอ็มรีบโบกมือปฏิเสธ   “ช่วงนี้มีเรื่องแปลกๆ มีคนหายและคนตายแปลกๆ พวกเราก็เลยเป็นห่วงพี่หวา” “เรื่องแปลกๆ ? คนตายแปลก? แบบไหนเหรอ”   ยิหวาถามอย่างสงสัย     “พี่ไม่เห็นมีข่าวในหนังสือพิมพ์เลย” “พวกเราได้ยินว่าตำรวจปิดข่าวเพราะกลัวจะเสียภาพลักษณ์เมืองท่องเที่ยวฮะ”  เด็กในกลุ่มคนหนึ่งรีบเสริม    “แต่พวกนั้นมันก็ตายประหลาดจริงๆ นะฮะ เค้าลือกันว่าโดดผีดิบดูดเลือด!” “ผีดิบดูดเลือด”    ยิหวาจ้องเขม็งที่เด็กทั้งห้าแล้วก็เผลอหัวเราะพรืดออกมา “ขอโทษ...มันจะเป็นไปได้ไง ผีดูดเลือดที่ไหนมีแต่ยุงที่ดูดเลือด” “ก็เค้าลือกันอย่างนี้นี่”   เอ็มทำเป็นงอน   “เอาเถอะยังไงพี่หวารีบกลับบ้านดีกว่า พวกเราเป็นห่วง” “พี่จะไปส่งเธอก่อน” “รถพี่ขนพวกเราไปไม่หมดหรอกฮะ” เอ็มหัวเราะ “พวกเรากลับกันเองได้แค่พี่มาประกันตัวให้พวกเราก็ขอบคุณแล้วฮะ” “งั้นก็ตามใจแต่พวกเธอก็อย่ามีเรื่องอีกละ” “ถ้าเราไม่ถูกดูถูกดูแคลนเมื่อวันนี้นะ...” ยิหวายิ้มรับแล้วเรียกพนักงานมาเก็บเงินค่าอาหาร     หลังจากที่แยกย้ายกันกลับหมดแล้วยิหวาก็อดคิดเรื่องที่เด็กๆ กลุ่มนั้นพูดไม่ได้ “ผีดิบเหรอ นี่เมืองไทยจะมีเรื่องแบบไหนได้ไง”      ยิหวายักไหล่แต่แล้วจู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงหวีดร้องของหญิงสาว     ร่างเพรียวสะดุ้งตัวเกร็งขึ้นมาทันทีมือที่กำลังไขกุญแจรถชะงักค้าง     แล้วบางสิ่งก็ผลักดันให้เธอก้าวพรวดวิ่งไปตามเสียงที่ได้ยิน ‘อย่าไป!!!’ ชายหนุ่มกระโจนออกมาจากรถเก๋งสีดำอย่างรวดเร็ว      เขาโยนแว่นกัดแดดสีชาใส่ในรถหลับตาครู่หนึ่งเพื่อปรับสายตากับแสงสลัวเบื้องหน้า   และเมื่อลืมตาอีกครั้งดวงตาของเขาก็เป็นประกายวาวโรจน์ขึ้นมา   ร่างสูงโปร่งก้าวยาวๆ จนเป็นวิ่งและกระโดดหายลับในความมืดทันที!             ภาพในสายตาของยิหวาคือชายตัวใหญ่สามคนกำลังฉุดกระชากผู้หญิงคนหนึ่งอยู่    เสื้อเกาะอกสีขาวที่ผู้หญิงคนนั้นสวมท่ามกลางแสงสลัวทำให้ภาพชัดขึ้น      ยิหวาอ้าปากค้างกับภาพที่เห็นวิ่งถลาเข้าไปหมายจะช่วยผู้หญิงด้วยกันทันที             “หยุดนะ! ไอ้คนเลว!”             ชายสามคนหยุดชะงักทันทีแต่คนตัวใหญ่สุดกลับแสยะยิ้มที่มุมปากพยักเพยิดกับเพื่อนร่วมก๊วนก่อนจะหัวเราะร่า            ชายคนหนึ่งเดินย่างสามขุมเข้ามาหายิหวาไม่เกรงกลัวคำขู่ของเธอเลยสักนิด             “แบบนี้ค่อยเข้าท่าหน่อยไม่ต้องรอคิวนาน”                         “หยุดนะ! ฉัน! ฉันโทรแจ้งตำรวจแล้ว!!”       ยิหวารีบล้วงมือไปในย่ามควานหาโทรศัพท์แต่ย่ามใบเก่งกลับถูกกระชากไปเสียก่อน                     “ไม่ต้องรีบหรอกเดี๋ยวโทรทีหลังก็ได้      ตอนนี้เรามาสนุกกันดีกว่า”                       ยิหวาผงะถอยหลังไปอย่างอัตโนมัติ           แต่เพราะไม่ทันตั้งตัวและรีบร้อนทำให้สะดุดจาตัวเองหงายหลังกำลังจะล้มลงพร้อมกับมือของคนชั่วที่ยื่นมาจะจับร่างเธอ         ทว่ากลับมีบางสิ่งซ้อนอยู่ด้านหลังพยุงเธอไว้ไม่ให้ล้ม หญิงสาวเผลอหวีดร้องออกมา         แต่ก็ยังช้ากว่าเท้ายาวๆ ที่ยื่นไปเตะผู้ชายคนนั้นจนตัวปลิว             “ไม่มีมารยาทกับผู้หญิงเลยจริงๆ”  เสียงทุ้มต่ำพูดออกมา       น้ำเสียงกังวานของเขาทรงอำนาจทำให้ชาทั้งสามขนลุกขึ้นมาทันที             “อะ...เอ็งอย่ามาสอดดีกว่า!”             ชายหนุ่มเลิกคิ้วสองแขนที่สอดเข้าใต้รักแร้ของหญิงสาวออกแรงเพียงนิดก็ยกร่างเล็กให้ลอยขึ้นจากพื้นจนเธอยืนได้ตัวเอง                ชายสามคนล้อมบุรุษร่างสูงพร้อมมีดในมือ             “นั่นเป็นคำขู่เหรอ”          เขาถามน้ำเสียงเยียบเย็น   แต่อีกฝ่ายกลับตอบด้วยการพุ่งมีดเข้าใส่ ร่างสูงเพียงเอี้ยวตัวหลบชายคนนั้นก็ถลาลงจูบดิน อีกคนจึงฉวยโอกาสเข้าล็อกร่างใหญ่อีกคนหมายจะซัดหมัดเข้าที่ท้องแต่เท้ายาวของเขากลับยันอีกฝ่ายไว้ได้และศอกกลับใส่คนที่ล็อกขนอย่างรวดเร็ว             “ฉันยังไม่ได้ออกแรงเลยจะพอแค่นี้แล้วเหรอ”    เขาหัวเราะในลำคอ     ชายสามคนยังพุ่งตัวมาซัดกับคนร่างสูงแต่ก็หมอบคลานกลับไป             “ฝากไว้ก่อนเถอะ!”             “ตามสบายครับ” ชายหนุ่มโบกมือลาชายสามคนที่วิ่งหนีตาลีตาเหลือก     เขาเดินไปดูหญิงสาวในชุดเกาะอกกระโปรงยีนสั้นที่ยังนั่งหมดเรี่ยวแรงกับพื้นอยู่        “คุณOK.ไหม”             “ขอบคุณ...ค่ะ”    ร่างบางยังสั่นน้อยๆ ยิหวาวิ่งมาทางหญิงสาวโชคร้าย                        “โชคดีที่ไม่เป็นอะไร แจ้งความไหม”             “ไม่เอา! ฉันกลัว! ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”   หญิงสาวโชคร้ายกอดกระเป๋าสะพายตัวเองแน่น      “แต่แบบนี้มันต้องแจ้งความนะ! ให้ตำรวจจับเจ้าพวกชั่วนั่น”             “บ้านคุณอยู่ไหนผมจะขับรถไปส่ง”             “เฮ้ยนาย! ทำงี้ไม่ได้ได้เราจะปล่อยคนชั่วลอยนวลไม่ได้”      ยิหวาหันมาว๊ากใส่แต่พอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเธอปากที่อ้ากว้างถึงกับลืมเปล่งเสียง     ดวงตาของเขามีราวกับเรืองแสงสีแดง                                “ผู้หญิงเหมือนกันน่าจะเข้าใจความรู้สึกดีนะ”ชายหนุ่มรู้สึกตัวว่าถูกจ้องมอง    เขาแสร้งยกมือขึ้นเสยผมให้ปรกตา             “เอ่อ...”  ยิหวามองร่างที่สั่นระริกของหญิงสาวคนนั้น           เธอถอนหายใจหนักแล้วประคองร่างเธอลุกขึ้น        “ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันฉันไปส่งดีกว่า”             “งั้นผมจะขับรถตามไปแล้วกัน”             “คุณไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้มั้งคะ”   ยิหวาเอียงคอมองเหมือนจับพิรุธ             “เกิดรถเต่าของคุณเสียกลางทางไงครับ”      เขาให้เหตุผลแต่มันยิ่งทำให้ยิหวาถอยห่างจากเขา             “คุณรู้ได้ไงว่าฉันขับรถโฟลค์”             ชายหนุ่มเลิกคิ้วก่อนหัวเราะในลำคอ          เขายกชี้นิ้วไปที่ด้านหลังของหญิงสาว         “ผมเดาเอาเพราะแถวนี้มีรถโฟลค์จอดอยู่คันเดียว”             “คุณเดาเก่ง”       ยิหวาพยุงหญิงสาวให้เดินไปขึ้นรถของเธอ  สอบถามเส้นทางซึ่งบังเอิญเป็นทางผ่านก่อนจะถึงบ้านเธอพอดี      “รถของคุณละ”             ชายหนุ่มตอบด้วยการหลิวตามองไปด้านหนึ่งทำให้ยิหวามองตามสายตาของเขา          กลับเป็นเธอที่อึ้งเสียเองเพราะรถของเขาเป็นรถสปอร์ตหรูหราสีดำมันวาวมันสวยเสียจนเธอเกือบจะผิวปากออกมาเลย ‘เป็นสาวที่ไหนก็อยากขึ้นรถแบบนั้นทั้งนั้นแหละ’             “อย่าขับเร็วนักละเดี๋ยวผมตามไม่ทัน”  ยิหวาแยกเขี้ยวใส่ รู้ทั้งรู้ว่ารถเต่าของเธอไม่วันแซงหน้ารถสปอร์ตของเขาได้แน่ๆ แต่เธอก็ขี้เกียจะโต้เถียงเขา      ยิหวาสตาร์ทรถแล้วเคลื่อนผ่ากลางคืนที่สายฝนเริ่มซ่าลงจนแทบกลายเป็นหยุด      เธอมองผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ เห็นรถของเขาขับตามมาห่างๆ ทั้งที่เป็นคนแปลกหน้าแต่ทำไมถึงได้รู้สึกอุ่นใจนักก็ไม่รู้            เพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมายยิหวาส่งหญิงสาวที่เริ่มสงบลงมากแล้ว       ยิหวาส่งนามบัตรของเธอให้หญิงสาวโชคร้ายก่อนลงจากรถ             “เกิดเปลี่ยนใจอยากแจ้งความจะให้ฉันไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ”             “ขอบคุณค่ะ”      หญิงสาวยกมือไหว้ก่อนรับนามบัตรแล้วลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว                      
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD