เขามาตั้งแต่หกโมงครึ่งเพื่ออะไรไม่รู้ที่แน่ๆคือตื่นเต้นมาก แล้วที่ตรงนี้คือสนามบอลของโรงเรียนไม่ใช่หอประชุมที่จะจัดแสดงในทีแรก สาเหตุก็เพราะไอ้ฟอร์มมันดันปากดีมั่นใจว่าเขาจะรอดจากหนูหลินได้
เป็นไงละที่นี้…แพ้ยับเยินมากๆ
“กูนึกว่ามึงตายแล้ว” พีแซวเล็กน้อยเพราะแม่งเสียอาการจนหน้าแดงตอนกลางวันเพราะเด็กมัธยมตัวท็อป แม่งโคตรเหี้ยเลยไม่สมฐานะเสือผู้หญิงสักนิด
“คนชุบชีวิตกูมีอยู่” ไอ้สัตว์พีไอ้ปากหมา แต่เขาหมายถึงหนูหลินนะคนที่ทำเขาตาย แล้วก็ฟื้นมาเพื่อตายอีกรอบ
“สัตว์! มึงแม่งไม่น่าเลย” จู๋จี๋เมียอวดเพื่อนดีกว่า
คือเพื่อนมันส่ายหัวแล้วก็หันไปกอดเมียมันแทนเหมือนตั้งใจจะเยาะเย้ยที่เขาไม่มีใคร แล้วคนเยอะแยะมันไม่อายบ้างรึไง หรือว่าหน้าด้านจนชินแล้ว! ดูสิขนาดเขามองแรงใส่มันหอมแก้มเมียโชว์อีกฟอดใหญ่
โถว่…ไอ้พวกอวดเมีย!!
แสงไฟในงานเริ่มดับลงแต่แทนที่ด้วยไฟที่ถูกจุดขึ้นเป็นทางยาว มันไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยนะถ้าไม่มีเสียงดนตรีขึ้นมา เสียงดนตรีแบบอีสานตอนล่างเขานิยมกัน เขาอยากรู้จังว่าหนูหลินจะแสดงอะไรในเมื่อเธอตัวเล็กบอบบางขนาดนั้น
“เชี้ย!” เขากำลังจะกินน้ำแต่ต้องวางลงทันทีเพราะเธอออกมาแล้ว รู้ได้เลยว่าตอนนี้อัตราการเต้นของหัวใจมันแรงขึ้นมาก
หลินรำออกมาในชุดของนางอัปสราอย่างอ่อนช้อยแต่ก็แข็งแรงในตัว คนในงานต่างต้องมนต์สะกดจนไม่มีใครละสายตาได้แม้แต่นิด หรือแม้แต่จะส่งเสียงดังกันในวุ่นวายก็แทบไม่มี การร่ายรำที่แทบจะฆ่าคนในงานให้ตายเพราะหัวใจวายกันหมด แต่เมื่อการแสดงจบเสียงปรบมือดังกระหึ่มลั่น เขาก็เลยเขียนเช็คบริจาคเงินทำบุญไปแบบไม่ดูอะไรเลย
“ขอบคุณการแสดงจากมอ.5/1 ค่ะ เรียนเชิณคุณไทม์มาร่วมถ่ายรูปกับน้องค่ะ” เสียงครูสาวที่สวมบทพิธีกรดังขึ้น
“เห้ยๆเขาเรียกมึงอะไอ้ไทม์” พีสะกิดบอก
“เรียกทำไมวะ?” เขางง
“เอ้า ก็มึงพึ่งบริจาคเงินห้าหมื่นไง นี่มึงจำไม่ได้เหรอ?” มันเหี้ยไรวะ ในเมื่อเป็นคนเขียนเช็คเองกับมือ
“กูใจบุญขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เหมือนมึงเหวอวะไอ้สัตว์ ไปได้แล้ว!”
เขาส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นไปถ่ายรูปร่วมกับหนูหลิน
เธอยืนรอคนใจดีที่บริจาคเงินให้เยอะมากๆ แต่ก็ยังไม่มีคนมาสักทีจนกระทั่งน้าคนนั้นลุกเดินออกมาจนได้
“ขอบคุณนะคะ” เธอยืนถ่ายรูปคู่และแอบขอบคุณเขาด้วย
“หนูสวยมากเลย กินอะไรรึยัง?” เห็นตัวเล็กเลยเป็นห่วง
“ยังเลยค่ะ หนูรอแสดงเสร็จก่อนค่อยไปกิน” เธอก็หิวจนตาลายแล้วไม่รู้ว่าตอนนี้ป่านจะซื้ออะไรมารอรึเปล่า เห็นว่าท้องเสียเพื่อนเลยจะกลับเลยพาย่าเธอกลับไปส่งด้วย
“เดี๋ยวเสี่ยเลี้ยงเองรอด้านหลังนะ”
“แต่ว่าน้าต้อง…”
“ถ้าไม่เรียกพี่ก็เรียกเสี่ยไทม์เถอะ หนูเรียกน้ามันแก่ไป”
อ้าว…นี่เธอเธอเรียกผิดเหรอ
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้แก่มากนะถึงอายุจะมากกว่าเธอ
“ก็ได้ค่ะเสี่ย” พอเรียกเสี่ยเขาหันมายิ้มกว้างมากให้ทันที
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วถ่ายรูปไปเยอะมาก เธอเลยออกมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนชุด แต่ว่าตอนนี้ไม่มีคนอยู่เลยคงยากหน่อยกว่าจะเปลี่ยนชุดเสร็จ
“หิวไหม?” ใครมา
“เสี่ยเองเปิดประตูหน่อยสิ ไอ้ฟอร์มมันให้เอาอาหารมาให้”
“ค่ะ”
เธอเดินไปทั้งที่ยังแต่งตัวเต็มยศเพราะเพิ่งเข้ามายังไม่ได้ถอดอะไรออกสักอย่าง พอเปิดประตูเสี่ยไทม์ก็รีบเดินเข้ามา
“อย่ามองเสี่ยอย่างนั้นสิ” หัวใจจะวายตายแล้ว
“เอามาเยอะจังเลยค่ะ หนูกินไม่หมดหรอก” อาหารเยอะมากเหมือนกินกันสิบคนยังอาจจะเหลือด้วยซ้ำ
“อย่าคิดมาก มานั่งกินด้วยกันเร็ว”
“ขอบคุณนะคะ”
เขาแทบไม่ได้กินข้าวเพราะมัวแต่มองเด็กคนนี้นี่แหละ ทำไงดีวะถึงจะได้มาครองคนเดียว จะให้ฉุดเลยคงทำไม่ลงหรอก
เขาแม่งแพ้ตั้งแต่สบตาแล้ว
“แล้วกลับยังไง?” เขาเป็นห่วงนะ เธอน่ารักมากด้วย
“ก็น่าจะให้เพื่อนไปส่งค่ะ” นี่แหละข้อเสียเธอคือขับรถไม่เป็นเลย แล้วอีกอย่างโรงเรียนห้ามขับรถมาเอง
“ไว้ใจเสี่ยไหม?”
“เออ…” เธอไม่รู้จะตอบยังไงดีเลยเพราะพึ่งรู้จักกันแค่วันเดียวเองนะ จะให้ไว้ใจก็รู้สึกแปลกๆ
“เสี่ยน่าไว้ใจกว่าแฟนคลับของหนูตั้งเยอะ เดี๋ยวเสี่ยไปส่งเอง” เขาไม่ไว้ใจใครเลยยิ่งดึกๆแบบนี้ยิ่งไม่น่าไว้ใจ
“ก็ได้ค่ะ”
“แล้วหนูมีรถขับไหม?”
“หนูขับไม่เป็นหรอกค่ะ” เธอไม่กล้าเลยคงเพราะไม่มีคนมาสอนด้วยแหละ เธอจะหันไปคุยต่อแต่ว่ามีคนโทรมาหาเขา
Rrrrrr…
‘เออมีอะไร?’
[เสี่ยแย่แล้ว! ลูกอีแก่มันกำลังจะมาค้นโกดัง]
‘เออ เดี๋ยวกูสั่งสอนมันเอง’
[ครับเสี่ย]
แทนที่จะได้มีความสุขแบบนี้นานๆสักชั่วโมงก็ไม่ได้แม่งมีเรื่องมากวนใจตลอด แล้วตอนนี้เขาตั้งใจจะไปส่งหนูหลินด้วยแต่ถ้ารอให้เปลี่ยนเสื้อผ้านานคงไม่ดีแน่
“มีธุระด่วนรึเปล่าคะ?” เธอเห็นว่าเสี่ยไทม์ดูเครียดๆ
“เมื่อกี้เสี่ยเห็นเหมือนคนอยู่ตรงนั้น” เขาอยากไปส่งก็ต้องได้ส่งเพียงแต่ปรับแผนนิดหน่อย
“จริงเหรอคะ? แล้วอย่างนี้หนูจะกล้าเปลี่ยนชุดไหมเนี่ยน่ากลัวจัง?” ถ้าเป็นจริงแล้วคนนั้นต้องการอะไร
“เสี่ยว่าหนูถอดแค่ตรงหัวออกแล้วไปเปลี่ยนชุดที่บ้านดีกว่านะ น่าจะปลอดภัยกว่าที่นี่” ลูกแกะติดกับก็ง่ายเลยสิแบบนี่
“ก็ได้ค่ะ”
เธอนั่งรถมากับเสี่ยไทม์คนใจดีที่มาส่งถึงหน้าประตูบ้าน แถมเสี่ยไทม์เป็นสุภาพบุรุษมากเอาใจใส่ตลอดเลย
“ฝันดีครับ อืม…เสี่ยขอเบอร์ได้ไหมเผื่อหลงทาง?”
เธอลังเลที่จะให้แต่ว่าเขาอุตส่าห์มาส่งนะ
“ได้ค่ะ” สุดท้ายก็กดเบอร์ให้เขาไป
“ตอนนี้เรามีเบอร์กันแล้วนะมีอะไรก็โทรมานะ”
“ขับรถดีๆนะคะเสี่ยไทม์”
เขาหันไปเจอยิ้มละลายใจอีกแล้ว จะช็อคตายไหมเนี่ย! แค่นี้ัหัวใจก็เต้นเป็นจังหวะกลองยาวแล้ว สงสัยต้องตะล่อมทีละนิดแล้วค่อยจับกินทั้งตัวไม่เหลือเผื่อใคร
หนูหลินต้องเป็นของเสี่ยคนเดียว ใครแย่งกูกระทืบ!
คืนนี้เขาจะสั่งสอนไอ้คนที่มันกล้าลองดีคิดจะค้นโกดังเก็บของงั้นเหรอ มันโง่ไปที่คิดว่าเขาจะเก็บของไม่ดีไว้ในนี้
“มีหมายศาลไหมถ้าไม่ก็กลับไปคุณตำรวจ” ก็ให้เกียรติตำรวจนิดหนึ่งถึงมันจะทำหน้ากวนตีนมากก็เถอะ
“แต่ทางเราได้รับแจ้งมาถ้าเสี่ยไทม์ไม่มีอะไรผิดกฎหมายคงไม่เป็นอะไรถ้าผมจะค้นดูสักหน่อย”
“ใครแจ้งครับในเมื่อทั้งโกดังทั้งบ้านผมอยู่ห่างจากคนขนาดนี้ แล้วนี่มันก็ดึกมากแล้วมีจุดประสงค์แอบแฝงรึเปล่าก็ไม่รู้” เขารู้ว่ายังไงมันก็ไม่จบง่ายๆหรอก แต่เดี๋ยวก่อนหลังจากนี้จะมีสั่งสอนกันแน่ว่าอะไรควรไม่ควร
“ผมใช้เวลาไม่นานหรอกแต่ถ้าเสี่ยยังยึกยัก…”
“คุณควรไปฝึกมารยาทใหม่นะแล้วก็ถ้าอยากค้นมากก็ขอหมายศาลมา นี่มันดึกแล้วผมขอตัว” เขาหันหลังกลับไปสบตากับไอ้ริวที่มันยืนอีกมุมมืดเตรียมพร้อมกับคำสั่ง
ตำรวจพวกนี้ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าทางกลับนี้จะเจออะไรขึ้นบ้างเพราะมากระตุกหนวดเสือ แถมเป็นเสือที่โหดซะด้วย
“ผมว่าเรากลับก่อนดีว่า” นายตำรวจอีกคนกระซิบบอกเพราะรู้กิตติศัพท์ของเสี่ยไทม์ดีว่าเส้นใหญ่มากแล้วยังดุมากด้วย
“งั้นวันหลังผมจะมาพร้อมหมายศาล”
“เดินทางกลับดีๆนะครับ”
หลังจากส่งตำรวจกลับไปแล้วก็เข้าบ้านแล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เสี่ยไทม์เดินออกมาอีกครั้งแล้วนั่งจิบวิสกี้ชั้นดีที่เพื่อนส่งมาจากฝรั่งเศษให้ คืนนี้ท้องฟ้ามีดาวเต็มไปหมดแต่สิ่งที่เห็นไม่ใช่ดวงดาวที่เปร่งแสงระยับหรือดวงจันทร์ที่ส่องสว่างในคืนเดือนหงายแบบนี้เลย ภาพที่เห็นมีเพียงเด็กน้อยที่เขาพ่ายแพ้ให้กับแววตาอ่อนโยนคู่นั้น
“เสี่ยครับพวกมันออกไปกันแล้ว” เอมลูกน้องอีกคนมารายงานพร้อมกับสังเกตอาการเสี่ยที่ใจเย็นโคตรผิดปรกติ
“แล้วไง ไอ้ริวมันคงจัดการให้กูเรียบร้อยอยู่ดี” เขาลุกนั่งมองลูกน้องก่อนจะยกยิ้มมุมปากตามฉบับคนร้าย
“แต่ผมว่ามันไม่น่าจะจบแค่นี้”
“กูรู้ถึงต้องสั่งสอนไง มันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากูนักหรอก ก็แค่โจรในเครื่องแบบไม่มีอะไรที่น่ากลัว” เขาให้ไอ้ริวสืบมาก่อนที่มันจะตามมาหาเรื่องแล้ว มันก็เลวระยำไม่เหมาะกับชุดสีกากีสักนิด
เขาแค่ให้มันได้สักแผลสองแผลพอถือเป็นการสั่งสอน แต่ก็คงหยอดน้ำเกลือยาวหลายวัน แล้วแถวนี้ก็ไม่มีใครอยู่หรือเส้นขับรถหนี มีเหรอที่นายตำรวจแค่สี่คนจะสู้ลูกน้องเป็นสิบได้
“เสี่ยเป็นอะไรรึทำไมวันนี้เปล่าอารมณ์ดีแปลกๆ”
“เดี๋ยวมึงก็รู้เอง อย่าเสือกให้มาก!”
“ครับเสี่ย”
เขากำลังคิดถึงหนูหลินเพลินๆเลย ช่วงเวลาอันน้อยนิดที่ได้อยู่ด้วยกันทำให้มีความสุขเพียงแค่นึกถึง ภาพเธอที่ร่ายรำยังตราตรึงใจไม่จางหายเสียจนนึกหวงขึ้นมาดื้อๆ
ว่ากันว่ากินเด็กแล้วจะเป็นอมตะใช่ไหม?
หญ้าอ่อนต้องอร่อยจนติดใจมากแน่