๒
ครืด~ ครืด~
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงยีนส์ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาก้มมองต่ำ เสียงถอนหายใจดังออกมาเบาๆ พร้อมกับการสอดมือเข้าไปล้วงหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง
เบอร์โทรของพี่ชายสุดที่รักคือเหตุผลที่ชายหนุ่มเจ้าของใบคมคายไม่ปฏิเสธการรับสาย
"ครับพี่..."
[ เสียงเหนื่อยๆ น้องไม่สวย? ] คำถามหยอกเย้าของคนในสายทำรชานนท์ถอนหายใจพรืดใหญ่ สันมือทุบลงที่พวงมาลัยรถเป็นการระบายความหงุดหงิดออกมา
"ผมไม่ได้กลัวแค่นั้นนะพี่ แต่ดูสิ่งที่คุณย่าขอสิ ผมว่ามันแปลกนะ แปลกมากๆ เลยแหละ ที่ผ่านมาคุณย่าพยายามกีดกันผมกับมัท ก็เข้าใจเหตุผลแหละว่ามัทเป็นฝ่ายทิ้งผมก่อน แต่คุณย่าไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหน แล้วเหตุผลอะไรคุณย่าถึงต้องมาหาแฟนให้ผมด้วยตัวเอง"
[ ใจเย็นๆ ไอ้น้องชาย พูดแบบนี้หมายความว่ายังไม่เจอกันสินะ ]
"หงุดหงิดเป็นบ้า เบอร์ที่คุณย่าให้มา ผมโทรแล้วแต่ไม่มีคนรับสาย คิดดูเถอะ ผมมารอสิบห้านาทีเห็นจะได้" น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่โอเคของผู้ที่เป็นน้องชายส่งผลให้คนที่นั่งทำงานที่หน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ระบายรอยยิ้มออกมา
มีเสียงสัญญาณการเคาะประตูดังที่หน้าห้อง ไม่นานนักเลขาคนสนิทของธนินก็เดินเข้ามา
"เรียบร้อยครับ" การรายงานด้วยประโยคสั้นๆ ส่งผลให้ธนินพยักหน้า ไม่นานนักเลขาคนสนิทก็วางซองเอกสารสีน้ำตาลลงบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไป
เสียงโอดครวญที่หลุดระบายออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ต่อเนื่องของผู้เป็นน้อง เป็นเวลาเดียวกับที่เขาเปิดดูบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในซอง
ดวงตาคมสะดุดตากับรูปถ่ายขนาดกลางที่ปรากฏภาพของหญิงสาววัยสดใส สวย สะดุดตา บุคลิกและทรวดทรงหาตัวจับได้ยาก ชื่อนามสกุลตรงตามข้อมูลที่เขาให้เลขาไปทุกอย่าง ไม่นานนักธนินก็หลุดเสียงตามสายออกไป
"หงุดหงิดในตอนที่ยังไม่ได้พบหน้า หวังว่าหลังจากที่พบกันแล้วจะไม่เปลี่ยนใจนะ"
[ เหอะ ผมไม่ได้ใจง่ายขนาดนั้น อย่างผมหากอยากมีใครสักคนผมหาของผมเองได้ ที่ผมยอมมารับยัยกระต่ายอะไรนั่น มันเป็นไปตามความต้องการของคุณย่าทุกอย่าง คอยดูเถอะ ผมจะปั่นจนยัยนั่นถอดใจไม่อยากคบกับผมให้ดู ]
"หึ..." ธนินยกยิ้มที่มุมปาก มือหนากดปุ่มวางสาย สายตากลับมาจับจ้องที่ภาพถ่ายใบนั้นอีกครั้ง
เพราะความที่คุณย่าของพวกเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมากเป็นพิเศษ ผู้หญิงที่ชื่อกระต่ายคนนี้จึงสมควรถูกจับตามอง
สิ่งที่เขาต้องหาคำตอบ เพราะอะไรคุณย่าของพวกเขาถึงชอบเธอ และต้องชอบเบอร์ไหนถึงยัดเยียดหลานชายแสนหวงให้ได้
@อีกด้าน
สายตาของสาวๆ ภายในมหาวิทยาลัยที่มองมาที่เขาซึ่งยืนพิงรถอยู่แม้ในยามที่สีหน้าของเขาหลุดความหงุดหงิดส่งผลให้มุมปากหนามีรอยยิ้ม
คนอย่างรชานนท์ ไม่เคยสนใจใครง่ายๆ อย่างที่เคยพูด คนอย่างเขาอยากคบใครเขามีปัญญาหาเองได้
แต่ที่ครั้งนี้เขาไม่ปฏิเสธ ทำเหมือนว่าง่าย เพราะที่ผ่านมาเขาทำตัวเป็นหลานชายสุดที่รัก หลานชายที่แสนดีมาโดยตลอด คนอย่างเขาไม่เคยขัดใจคุณย่า แม้สิ่งที่ผู้เป็นย่าขอจะค่อนข้างขัดใจ แต่เขาจะจบเรื่องนี้ด้วยการไม่ขัดใจ แต่จะทำให้อีกฝ่ายถอดใจไปเอง
"บ้าเอ้ย คิดว่าตัวเองเป็นนางฟ้าหรือไงฉันถึงต้องมารอรับนานถึงยี่สิบนาที" ริมฝีปากบางขยับพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดหลังจากที่มองเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง
และก่อนที่เขาจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูก็มีสายโทรกลับจากคนที่เขาพยายามโทรหาก่อนหน้านี้พอดี
ติ๊ด~
[ ใครอ่ะ... ] คนฟังกัดฟันกรอดในยามที่คนทางปลายสายตอบกลับมาด้วยถ้อยคำแบบนั้น มีไม่กี่คนและมีไม่กี่เบอร์ที่คนอย่างเขาโทรหา เขาแน่ใจด้วยว่า เขาไม่ได้กดเบอร์ผิดไป
"นั่นใช่กระต่ายหรือเปล่า?"
[ คะ?... ]
"ผมถามว่าใช่เบอร์โทรของกระต่ายหรือเปล่า ถ้าใช่ ผมจอดรถรอคุณที่หน้าคณะที่คุณเรียน หวังว่าคุณจะไม่ปล่อยให้ผมรอนานมากไปกว่านี้!" สิ้นคำที่ชัดเจนและเด็ดขาด รชานนท์กดวางสายทันที
ลิ้นร้อนดันเข้าหากระพุ้งแก้ม ถ้าให้เดา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะงงกับการที่เขาโทรหาเธอ
ก่อนที่คุณย่าจะมาจับคู่ตัวเขากับผู้หญิงที่เขาไม่เคยพบหน้า เดาว่า ยัยกระต่ายอะไรนี่ รู้อยู่แก่ใจว่าเธออาจจะใช้กลอุบาย หรือไม่ก็หลอกล่อคุณย่าของเขาเอาไว้อย่างแน่นอน
"...ขอโทษที่ปล่อยให้รอนะคะ พี่นนท์" เสียงจากทิศทางด้านข้างส่งผลให้ใบหน้าคมคายที่ปะปนความรู้สึกไม่สบอารมณ์เอาไว้หันขวับ
ดวงตากลมโตที่สบประสานเข้ากันพอดีนิ่งเฉย จมูกนิด ปากหน่อย แก้มขาวผ่องเข้ากับโครงหน้า ผมหน้าม้าที่ปรกหน้าผาก หากไม่เห็นขนตางอนยาวที่เคลื่อนไหวอยู่ เขาก็คงจะคิดว่าเธอคือตุ๊กตา
แวบหนึ่งที่รชานนท์ชะงักไป และเขาก็ยังเป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมา
"กระต่าย?"
"ค่ะ หนูชื่อกระต่าย"
"หนู?" คนตัวโตที่ทวนถ้อยคำสั้นๆ ของอีกฝ่ายซ้ำชะงักไป
"อ่า ขอโทษค่ะ หนูชิน เอ่อ ฉันชินกับการแทนตัวเองแบบนี้" การพูดผิดพูดถูกในเรื่องของการแทนตัวเองทำให้คิ้วหนาเข้มขมวดเข้าหากัน
นี่ผิวคนหรือว่ากระดาษ ทั้งฉีดและกินวิตามินทั้งที่ผิวขาวอยู่แล้วหรือไง
"พอดีว่าต่ายเคลียร์งานที่ต้องส่งอาจารย์พรุ่งนี้อยู่ค่ะเลยลงมาช้า ไม่รู้ด้วยว่าพี่นนท์จะมารับ"
"เรียกชื่อผมได้สนิทสนมดีนะครับ เหมือนว่าเราจะมีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน" ท่าทางไม่เป็นมิตรของอีกฝ่ายส่งผลให้หญิงสาวกัดปากตัวเองเบาๆ ดวงตากลมสวยกระพริบช้าๆ บ่งบอกว่าในหัวกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง ทว่ากลับกัน อีกฝ่ายกลับชักสีหน้าหงุดหงิดให้กับท่าทีของเธอ
ร่างสูงโปร่งในชุดไปรเวทสีดำเดินไปกระชากประตูที่ด้านข้างคนขับ แวบหนึ่งที่ดวงตาคมกริบตวัดกลับไปจ้องมอง คนถูกจ้องกลบเกลือนความรู้สึกอึดอัดโดยการก้าวขาเข้าไปนั่งบนรถยนต์คันหรูแต่โดยดี
@ภายในรถ
"ผมอยากรู้ว่าคุณสนิทสนมกับคุณย่าของผมแค่ไหน?" คำถามแบบตรงไปตรงมาส่งผลให้แขนเรียวกระชับกอดหนังสือที่แนบอกเอาไว้แน่น
กลิ่นน้ำหอมในรถยนต์ผสมกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพงบนลำตัวของอีกฝ่ายทำคนที่นั่งตัวตรงเกร็งขึ้นมาเสียง่ายๆ
"คุณย่าของต่ายเป็นเพื่อนกับย่าวิค่ะ ท่านสนิทกันมาก"
"ก็เลยอยากให้เราได้กัน?"
"คบกันค่ะ คุณย่าอยากให้เราลองคบกัน" หญิงสาวรีบอธิบาย คำพูดหยาบโลนตรงไปตรงมาทำหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ
"คุณเลยตกลงง่ายๆ งั้นเหรอ คุณเคยเจอผมมาก่อนเหรอ เพราะเหตุผลอะไรคุณถึงยอมตกลงแบบง่ายๆ ทั้งที่ผมแน่ใจว่าเราไม่เคยพบกันมาก่อน"
"คุณย่าอาบน้ำร้อนมาก่อน ท่านมักมองคนไม่ผิด"
เอี๊ยดดดดดด!
"อ๊ายยยยยย!" การเหยียบเบรคกะทันหันส่งผลให้คนที่ไม่ทันระวังตัวร้องลั่น หน้าผากมนโขกเข้ากับคอนโซลรถยนต์ หากเธอไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเธออาจจะได้เจ็บตัวแน่
"คุณ!"
"ผมไม่ได้ใจดีแบบที่คุณคิด" ชายหนุ่มเอ่ยจริงจัง ทว่ายัยกระต่ายนั่นกลับยกมือลูบหน้าผากป้อยๆ ซ้ำยังมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองจากนั้นก็ต่อว่าแบบตรงไปตรงมา
"มันเจ็บนะ..."
"ต่อให้คุณจะยังเรียนอยู่ แต่คุณก็ไม่ได้เด็กจนไม่รู้หรอกนะว่าคุณย่าของผมและย่าของคุณต้องการอะไร..."
"..."
"ถ้าจะคบกับผม สำเหนียกไว้ว่าคุณต้องเสียหลายอย่าง..."
"ขู่ให้ต่ายเป็นฝ่ายถอยงั้นเหรอคะ"
"ไม่ถอยก็ได้นะ แต่คบกับผม อย่าหวังว่าผมจะแค่จับมือ"