CHAPTER 6

1817 Words
CHAPTER 6 “นายคิดเอามาใช้กับฉันงั้นเหรอ!” ขณะพูดฉันก็ขยับหมอนใบหน้าที่คว้ามาบังร่างกายเอาไว้ในตอนแรกให้ชิดติดหนึบกับร่างกายมากขึ้น เพิ่มแรงกอดรัดตามจะให้ได้ชัดเจนว่าเนื้อหมอนได้เกิดการบุ๋มหลึกลงไปมาก สาบานเลยว่าจะกอดไม่ปล่อยจากตัวเด็ดขาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม “ห๊ะ?” คราวนี้เกมส์หันใบหน้ามาให้เห็นแบบเต็มๆ เขาดูอึ้งไปนิดหน่อยกับคำถามของฉันจากนั้นไม่นานสีหน้าก็ปรับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเห็นแต่ไม่ขยับมันนิ่งอยู่แบบนั้นอีกทั้งยังจ้องหน้าฉัน จ้องจนเป็นฉันนี่แหละที่ทำอะไรไม่ถูกจึงตัดสินใจหลบสายตาของเกมส์ก่อนที่จะโดนผู้ชายคนนี้ฆ่าตาย “เธอว่าไงนะ พูดอีกที” “...” ฉันพูดไม่ออกแล้ว ก่อนหน้าที่เขาพูดออกมานั้นเอาความจริงเลยนะ มันคาดไม่ถึงมากกว่าว่าไอ้ประโยคแบบนั้นหลุดออกมาได้ยังไงแต่ฉันคงปล่อยมันไปไม่ได้ทั้งที่ในใจยังค้างคาจึงเลือกตัดสินใจถามต่อให้คลายความสงสัยไม่ใช่ว่าหลงตัวเองคิดว่าผู้ชายหล่ออย่างเกมส์จะมีพิศวาสฉันขึ้นมาหรอก “พูด” อารมณ์เยือกเย็นมาพร้อมกับคำพูดเยือกเย็นมากกว่าปกติ ท่าทางการแสดงออกดูซีเรียสมากกว่าเดิม ขนาดรู้จักมาก่อนหลายปีความหวั่นใจยังเกิดขึ้นกับฉันมันไม่ถึงกับกลัวแต่ก็สร้างความกังวลให้ “พูดอีกครั้ง” อึก! เสียงกลืนน้ำลายของฉันเองกลืนอย่างยากลำบากเหมือนว่าตัวเองเจ็บคอมากหนักหน่วงที่สุดด้วยอาการไม่สบายแต่ใครจะรู้ว่าถ้าเป็นอย่างนั้นมันยังจะดีเสียกว่า ความลำบากใจกล้ำกลืนไม่ออกทำให้ฉันอยากหายไปจากตรงนี้ให้ได้ทว่ากลับเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างคงดีขึ้นถ้าฉันเอ่ยประโยคนั้นอีกครั้ง “ฉันถามว่า...นะ นายคิดจะเอามาใช้กับฉันงั้นเหรอ” ความว่องไวในการเคลื่อนที่ของร่างกายเกมส์เกิดขึ้นโดยที่ฉันแทบไม่รู้สึกตัว ฉันควรสำเหนียกตัวเองให้มากว่าไม่ควรพูดประโยคนั้นออกไปตั้งแต่แรกไม่อย่างงั้นร่างกายใหญ่ของเกมส์ไม่ขึ้นคร่อมนั่งตรงขาที่เหยียดออกไปแบบนี้ “จะทำอะไร!” ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุลำแขนใหญ่ถูกยกขึ้นมาทำเหมือนกับกำแพงกั้นร่างกายของฉันที่พิงหัวเตียงเอาไว้ในอาณาเขตบริเวณตรงกลาง การพยายามครั้งสุดท้ายของฉันนั่นก็คือดันหมอนที่กอดคั่นกลางระหว่างร่างกายตัวเองกับเกมส์ออกไปไม่ได้สัมผัสร่างกายของเขาสักนิด ฉันพยายามดันออกทว่าเกมส์กับทำในทางตรงกันข้ามเขาดันร่างกายเข้ามาทีละนิดและเมื่อมือของฉันที่ดันออกมันดันถอนชิดเข้ากับร่างกายตัวเองแบบนี้แสดงว่าเรี่ยวแรงของฉันไม่สามารถต้านทานแรงจากอีกฝั่งได้ ผลสรุปฉันก็แพ้ “มันเป็นความคิดที่ดีนะขิม” “ดีบ้าดีบออะไร ขยับออกไป!” “ทำตัวให้ดีหน่อย” ริมฝีปากคล้ำขยับไอ้ร้อนก็แทรกเข้ามาสู่ผิวหนังของฉันบริเวณต้นคอ เสียงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามมาติดๆ เช่นกัน “เธอมีทางเลือกไม่เยอะนักและฉันก็ไม่ได้ใจดีตลอด” ฉันไม่ได้ใจดีตลอด ประโยคนี้ทำให้ฉันรู้โดยอัตโนมัติว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาไม่เหมือนเมื่อสามปีก่อนหน้าจริงๆ ถึงแม้การกระทำจะคล้ายก็ตาม “งั้นก็ขอบคุณที่ช่วย ปล่อยฉันจะได้ไปเสียที” ฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ห้องนี้คอนโดนี้ จะป่วยเจียนตายยังไงก็ไม่ควรให้ตัวเองเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ เขาก็เป็นแค่เพียงอดีตในความทรงจำที่ฉันไม่เคยลืมแต่ใช่ว่าเขาจะคิดเช่นเดียวกันกับฉัน “เคยได้ยินมั้ยไอ้คำว่าช่วยหวังผล” หมอนใบนั้นถูกกระชากออกไปตามความแรงที่เกมส์เขาเหวี่ยง ฉันมองไม่ทันว่ามันไปตกตรงไหนของห้องนี้แต่สุดท้ายระหว่างฉันกับเกมส์ก็ไม่ได้มีอะไรคั่นอีกแล้วจึงทำให้นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นก้มลงมามองหน้าอกของฉันด้วยความจาบจ้วง “ผู้ชายมันหวังอะไรล่ะ” ก็หวัง... ฟัน “อย่าให้ฉันเกลียดนายเข้าไส้” แค่คำขู่ของฉันส่งผ่านเป็นประโยคคำพูดแน่นอนว่าคนอย่างเกมส์ไม่มีทางเชื่อพอได้ระยะห่างระหว่างตัวตอนที่เกมส์เขาขยับตัวฉันจึงยกมือทั้งสองข้างปิดเนินอกที่โผล่พ้นเสื้อกล้ามผืนบางที่แทบไม่มีสรรพคุณในด้านการปกปิดเลย “เธอก็ไม่เคยรักฉันอยู่แล้ว... ให้เกลียดไปเลยไม่ดีกว่าหรือไงขิม” ประโยคอันแสนเรียบง่ายออกมาจากปากแต่ทำให้คนที่ได้ฟังถึงกับสะอึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันเลยทีเดียว จะว่าตัดพ้อก็ไม่เชิงเพราะแววตาคนพูดไม่ได้เป็นแบบนั้นเขาไม่ได้ส่งอะไรออกมาให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเลยจริงๆ ฉันจึงหยุดการคิดเอาไว้แค่นั้น เกมส์ไม่ใช่คนเดาง่ายแต่มันก็ไม่ยากถ้าจะฝืนเดา ฉันคิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินประโยคประมาณนี้มาบ้างไม่มากก็น้อยหรือไม่อาจไม่รู้เลยแต่เกมส์ในสายตาคนอื่นๆ อาจเป็นคนเข้าถึงยากคนหนึ่ง ปากร้ายสายตาเหวี่ยงแต่ถ้าได้เข้าไปในโลกของเขาจริงๆ ได้รับรู้ว่าความจริงเนื้อในของเขาเป็นยังคนพวกนั้นจะไม่พูดแบบนี้แน่ “คิดตื้นๆ” ฉันตอบไปแค่นั้นเพราะคำว่าเกลียดเป็นแค่คำขู่สร้างให้อีกคนที่คิดชั่วๆ ได้ฉุกคิดขึ้นมาบ้างอย่างน้อยระหว่างฉันกับเขาเราก็ไม่ได้พึ่งเคยรู้จักสักหน่อย “คิดหวังฟัน...” “ไอ้...” “เหี้ย หึ... เติมให้” พอเกมส์ขยับสะโพกของเขาที่นั่งบนขาของฉันขึ้นมาหน่อยเดียวกับถึงจุดนั้นของฉัน ไอ้คำว่าฟันก็เลยต้องทำให้ฉันคิดหนักมากกว่าเดิมจะขยับตัวออกก็ไม่ได้แน่ สถานการณ์ดูย่ำแย่มากกว่าเดิม “อย่าคิดอะไรแบบนี้วะ ไหนบอกรักไง รักแล้วทำแบบนี้เหรอ” สุดท้ายเป็นตัวเองที่ระเบิดคำพูดออกมาโดยไม่สนว่าสิ่งที่พูดออกไปเป็นคำพูดความรู้สึกเมื่อหลายปีก่อนมาแล้ว “คิดเหี้ยๆ อะไรของนาย!” “คิดมานานแล้วต่างหาก” พูดด้วยมือใหญ่ทั้งสองข้างของเกมส์ก็เข้ามาจับข้อมือของฉันเอาไว้แน่น แรงที่แทบไม่ได้ครึ่งของเขาทำให้มือของฉันกลางออกไปทีละนิดจนแล้วจนรอดก็ไปหยุดเอาไว้ติดกับหัวเตียงโดยมีมือใหญ่ล็อคเอาไว้อยู่ตลอดไม่ปล่อย “นานจนเปลี่ยนไม่ได้” “อะไร นายว่าอะไรที่มันเปลี่ยนไม่ได้เกมส์” พึ่งรู้วันนี้แหละว่าการพูดกับเพื่อนเก่าจะทำให้ฉันกลายเป็นคนโง่ไปเลย ฉันไม่สามารถรับรู้ไม่แม้แต่จะสื่อสารกลับให้ตรงประเด็นกับผู้ชายตรงหน้าที่ทำท่าคุกคามตัวเองได้ งงกับประโยคสุดท้ายของเขามากอะไรที่มันเปลี่ยนไปไม่ได้ “ความรู้สึกของฉันไง!” เสี้ยวเดียวที่สายตาเหวี่ยงๆ เจ้าคิดเจ้าแค้นแสดงความเจิดจ้าตรงหน้าฉันแต่มันก็หายไปภายในพริบตาเมื่อเกมส์เลือกกระพริบสายตา “เคยสนใจมันมั้ยวะ” “...” คำถามที่ฉันไม่ให้คำตอบเขา “ตอบมาขิม ไม่ตอบเจอดี” “...” สีหน้าอันแดงกร่ำของเกมส์ออกมาให้ฉันเห็นชัดเจนยิ่งไปกว่านั้นฉันก็ยังเห็นว่าเขาก้มใบหน้าลงไปตรงหน้าอกของฉันจนสักพักหนึ่งความเปียกชื่นจากริมฝีปากแตะลงบนร่องอกนั้นเป็นนาทีเดียวที่ฉันบิดตัวหลบหลีกการกระทำบ้าๆ แต่มันก็ไม่พ้นเมื่อมีเสียงแควกดังมาจากเสื้อกล้ามของฉันเอง “ไอ้เลว! ไอ้ชั่ว!” เสียงด่าดังสนั่นเพราะเสื้อกล้ามชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดบราของฉันถูกฉีกลึกลงไปตามร่องอกเกือบครึ่งด้วยริมฝีปากหมาๆ ของเกมส์ “จะด่าอะไรก็ด่าก่อนจะไอ้เสียงพวกนี้จะเป็นอย่างอื่นขิม” “นาย...” “ด่ามาให้คนอย่างฉันสำนึกว่าความรู้สึกควายๆ ที่ไม่เคยสักครั้ง ไม่เคยเป็นคนสำคัญที่คนอย่างเธอจะแบ่งเวลาในชีวิตมาให้ไง” ขณะนี้เหมือนกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อสามสี่ปีก่อนกลับมาเยือนตัวเองอีกครั้งหนึ่งแต่มีบางอย่างที่ต่างกันไปนั่นก็คือไม่มีการขอแต่งงาน มีแค่บอกในแนวประชดฉันมากกว่าที่ไม่รับความรู้สึกของเกมส์ “...” “เธอ... มันใจร้าย” แม้จะเป็นเสียงพึมพำในลำคอแต่ฉันกับได้ยินทุกถ้อยคำชัดเจนและพวกมันก็ยังคอยตอกย้ำทุกวินาทีเสมอ ฉันไม่สามารถพูดอะไรออกมาเพื่อเป็นตัวคลี่คลายสถานการณ์อันน่าอึดอัดระหว่างตัวเองกับเกมส์ได้เลยมีแต่ความเงียบสนิท เงียบที่ชวนทำให้หวั่นใจ ชวนให้ใจเสีย “...” “ได้ยินมั้ยว่าเธอใจร้าย เธอมันใจร้าย” ประโยคนี้ยังมาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้งและฉันก็ทนไม่ได้แล้วจึงเชิดใบหน้าเงยขึ้นนิดหนึ่งเพื่อหวังจะต่อว่าผู้ชายตรงหน้าตัวเอง เป็นช่วงเดียวกับจังหวะ... ที่ใบหน้าหล่อของเกมส์ก้มลงมาหาใบหน้าฉันที่เงยขึ้นก่อนหน้า การขยับเคลื่อนลงมาเรื่อยๆ กระทั่งหยุดแค่ช่วงระยะห่างที่ทั้งสองเราจมูกเกือบชนกันต่างคนต่างสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของแต่ละคน ลมหายใจผสมกับกลิ่นบุหรี่ตามสัญชาตญาณของผู้ชายตรงหน้าทำให้เกมส์ดูดิบเถื่อนมากกว่าสามสี่ปีก่อนที่ยังเป็นแค่นักเรียนมัธยมใสๆ ไม่รู้เรื่องราวใดๆ อื้อ... สุดท้ายริมฝีปากคล้ำพร้อมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ ก็เข้าลงมาทับตรงริมฝีปากของฉัน การขยับเคลื่อนตัวในแต่ละครั้งของริมฝีปากเกมส์มีความรุนแรงแฝงอยู่เสมอและเขาก็ไม่ได้ต้องการแค่นั้นเมื่อลิ้นร้อนๆ ของเกมส์พยายามลุกล้ำเข้าไปในปากที่ยังไงฉันก็ไม่ยอมเปิดกระทั่งการพันธนาการตรงมือหายไปสักพักก็เกิดแรงบีบเค้นจากหน้าอก มันแรงพอที่ฉันต้องเปิดปากเปล่งเสียงจังหวะนั้นเกมส์จึงได้ทีเอาลิ้นเข้ามาแทรกเข้าด้านริมฝีปาก ดูดกลืนทุกอย่างจนแทบทำเอาฉันหมดลมหายใจเขาจึงผละออก “มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้วขิม ฉันจะไม่ให้มันเป็นแบบนั้นอีกแล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD