“ใครมาบ้านรถพี่ปรกหรือเปล่า” มัสยามองไปที่รถคันดังกล่าวพลางถามเพื่อนเพราะปกตินอกจากปริญญ์ก็ไม่มีใครมาที่บ้านเวลานี้
“ไม่ใช่รถพี่ปรกนะ เข้าไปดูกันเถอะ” ว่าจบทั้งสองคนก็รีบเข้าไปในบ้าน และทันทีที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นว่าแขกของอนงค์เป็นใครมุกรินก็ถึงกับแปลกใจ
ทำไม่อาทิตย์ถึงมานั่งอยู่ในบ้านของเธอ แล้วอาทิตย์รู้จักกับป้าของเธอได้ยังไงกัน
ผิดจากมัสยาที่แสดงสีหน้าอยากรู้ออกมาชัดเจน ว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาซึ่งคงเป็นเจ้าของรถคันหรูที่อยู่หน้าบ้านของเพื่อนเป็นใคร
“นั่นไงมากันพอดีเลย” อนงค์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นมุกรินเปิดประตูเข้ามาในบ้านพร้อมกับมัสยา คำพูดของอนงค์ทำให้ทั้งสองคนรู้ทันทีว่าคงจะเพิ่งถูกพูดถึง
“นี่คุณอาทิตย์ คนที่ช่วยป้าไว้วันที่ป้าเป็นลม” อนงค์อธิบายในสิ่งที่หญิงสาวกำลังสงสัยอยู่ แต่อนงค์ก็ไม่คิดว่าชายหนุ่มจิตใจดีที่เคยช่วยชีวิตจะรู้จักกับหลานตัวเอง
“โลกกลมจังเลยนะครับ”
“คุณอาทิตย์รู้จักหลานสาวป้าด้วยเหรอ”
“ครับ ผมกับคุณมุกรู้จักกันมาได้สักพักนึงครับ แต่ที่จริงเราสองคนควรจะรู้จักกันตั้งนานแล้ว จริงไหมครับ” สายตาคมกริบมองไปยังมุกรินอย่างมีนัยยะ ซึ่งมุกรินคิดว่าอาทิตย์คงจะหมายถึงเรื่องที่เขาเป็นลูกชายของคุณประภพที่เธอควรจะรู้จักเอาไว้
“คุณอาทิตย์เป็นลูกชายของคุณลุงภพค่ะ” มุกรินอธิบายสั้น ๆ แต่ก็ทำให้อนงค์และมัสยาเข้าใจในทันที ที่แท้ชายหนุ่มนิสัยดีมีน้ำใจช่วยชีวิตตนไว้ที่แท้ก็คือลูกชายของคุณประภพนี่เอง แม้อนงค์จะรู้สึกแปลกใจแต่ก็ไม่ลืมจะยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างรู้คุณคน ซึ่งมันทำให้อาทิตย์รีบประคองมือของหญิงวัยกลางคนด้วยความอ่อนน้อม
“คุณป้าไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ”
“คุณพ่อของคุณอาทิตย์มีบุญคุณกับเราป้าหลานจนไม่รู้ว่าชาตินี้จะตอบแทนยังไงหมด ป้าไหว้คุณก็สมควรแล้ว” อนงค์ตอบอย่างประมาณตนเอง ถ้าชีวิตอาภัพไร้แม่ขาดพ่อของมุกรินไม่ได้ความใจบุญมีเมตตาของคุณประภพก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มุกรินจะมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร อีกทั้งเงินลงทุนค้าขายของอนงค์ล้วนมาจากความใจดีของคุณประภพทั้งสิ้น อนงค์ถึงได้มีอาชีพทำมาหากินอย่างทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นคนในครอบครัวอัครราชทุกคนจึงถือว่ามีบุญคุณต่อตนและหลานสาว
“คุณพ่อก็ส่วนคุณพ่อครับ ผมส่วนผม ดังนั้นผมอยากให้คุณป้ากับคุณมุกอย่าคิดว่าผมมีบุญคุณอะไรด้วยเลยนะครับ” อาทิตย์เอ่ยอย่างคนที่รู้กาลเทศะ แม้เขาจะเป็นอัครราชคนหนึ่ง แต่เขาก็ไม่คิดจะเอาเรื่องนี้มาวางมาดถือตัวหรือลำเลิกบุญคุณแต่อย่างใด
“เอาแบบนั้นก็ได้ แต่เรื่องที่คุณอาทิตย์ช่วยชีวิตป้าไว้ป้าคงจะมองข้ามไม่ได้” เรื่องหนี้บุญคุณระหว่างครอบครัวอัครราชกับหลานรัก อนงค์เข้าใจได้ แต่เรื่องที่อาทิตย์ช่วยตนไว้ถึงสองครั้งสองคราก็จำเป็นต้องพูดถึงและตอบแทนเท่าที่ทำได้
วันนี้ระหว่างที่อนงค์ออกไปซื้อวัตถุดิบเตรียมทำข้าวแกงของวันพรุ่งนี้ได้ถูกคนวิ่งราวกระเป๋า ดีที่อาทิตย์มาเห็นเข้าและตามกระเป๋าจากโจรมาคืนโดยที่เงินยังอยู่ครบทุกบาท ประกอบกับที่อาทิตย์ยังพาอนงค์ไปแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้อีกด้วย ดังนั้นอนงค์จึงรู้สึกขอบคุณและชื่นชมความมีน้ำใจของอาทิตย์ และยิ่งได้รู้จัก พูดคุยด้วยก็ยิ่งรู้สึกถูกชะตา
“ผมบอกคุณป้าแล้วไงครับว่าผมแค่บังเอิญมาเจอ อีกอย่าง ถึงไม่ใช่ผมเป็นใครก็ต้องช่วยอยู่แล้ว” ชายหนุ่มยังคงถ่อมตัวและมองว่าความช่วยเหลือจากเขาเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น อนงค์ไม่จำเป็นต้องขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ตรงกันข้ามเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอบคุณ
จบประโยคอาทิตย์ก็มองไปยังมุกรินซึ่งสายตาของเขาทำให้ทั้งอนงค์และมัสยาต่างก็คิดว่าลูกชายคุณประภพคนนี้อาจจะมีใจให้มุกรินเป็นแน่ ซึ่งสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมานั้นมุกรินเองก็ได้แต่คอยเตือนสติไม่ให้คิดเข้าข้างตัวเอง
“แหม…ที่แท้ก็คนกันเองทั้งนั้น สวัสดีค่ะชื่อมัสนะคะเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของยัยมุก” มัสยาแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ ในใจก็พลางคิดว่าอาทิตย์เป็นสุภาพบุรุษน่าคบหามากกว่าคนเป็นพี่อย่างภาสกรเป็นไหน ๆที่เขาว่ากันว่า ผลไม้จากต้นเดียวกันยังแตกต่างกัน เห็นจะจริง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมอาทิตย์” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองด้วยความสุภาพและเมื่อเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ตอบแทนที่อาทิตย์เคยช่วยเหลืออนงค์จึงเอ่ยชวนอาทิตย์ทานข้าวเย็นด้วยกัน
ทีแรกมุกรินคิดว่าอาทิตย์จะปฏิเสธเสียอีก เพราะอาหารที่เธอซื้อมาเป็นเพียงกับข้าวจากร้านข้างทาง และเธอก็คิดว่าอาทิตย์ไม่น่าจะเสียเวลาอยู่ที่นี่นาน แต่คำตอบของชายหนุ่มก็ทำเอาเธออึ้งไปหลายวินาที
“ได้ครับถ้า…คุณป้ากับคุณมุกอนุญาต” ไม่เพียงคำถามหยั่งเชิงแต่อาทิตย์ยังมองมุกรินด้วยสายตาที่ซ่อนความหมายบางอย่างเอาไว้ พอเห็นอย่างนี้แล้ว อนงค์กับมัสยาก็ยิ่งมั่นใจว่าอาทิตย์จะต้องชอบมุกรินอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นอนงค์ก็จัดการแกะกับข้าวไปวางบนโต๊ะอาหารโดยมีมุกรินกับมัสยาคอยช่วย อาทิตย์ไม่ใช่คนเรื่องมากหรือมีรสนิยมการกินหรูหราฟุ่มเฟือย เพราะปกติชีวิตหนุ่มโสดทำงานเป็นสถาปนิกอย่างเขาทานข้าวไม่เป็นเวลา และส่วนใหญ่เขาก็ไม่ค่อยได้ทานมื้อเย็นเพราะหลังจากเสร็จงานเขาจะไปนั่งดื่มสังสรรค์กับเพื่อนมากกว่า จึงถือว่ามื้อนี้เป็นมื้อเย็นในรอบหลายเดือน
เมื่อทุกคนทานข้าวเสร็จอนงค์ก็ขอตัวขึ้นไปข้างบนบ้านเพราะพรุ่งนี้ยังต้องตื่นมาทำข้าวแกงขายแต่เช้ามืด โดยอาทิตย์ได้บอกว่าเขาเองก็รบกวนมานานแล้วเลยจะขอตัวกลับเหมือนกัน ทว่าหลังจากอนงค์ขึ้นไปพักผ่อนไม่นานมัสยาก็ได้รับโทรศัพท์จากทางบ้านเลยต้องรีบกลับ ตอนนี้ชั้นล่างของบ้านจึงเหลือเพียงมุกรินกับอาทิตย์อยู่ด้วยกันตามลำพัง
“ถ้าคุณอาทิตย์จะกลับก็กลับได้เลยนะคะ” มุกรินเอ่ยขึ้นในความเงียบ
“คุณมุกอยากให้ผมรีบกลับขนาดนี้เลยเหรอครับ”
“ไม่ใช่นะคะมุกแค่เห็นว่าคุณอาทิตย์จะกลับแล้วมุกก็เลยไม่อยากรบกวนเวลาคุณอาทิตย์ไปมากกว่านี้ก็เท่านั้นค่ะ” มุกรินรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสายตาคมคู่นั้นต่อว่าจึงได้รีบอธิบายอย่างคนร้อนตัว
“ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายรบกวนคุณมุกกับคุณป้า”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะคุณอาทิตย์ช่วยป้าของมุกไว้ แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกค่ะ อีกอย่างคุณอาทิตย์ก็เป็นลูกชายของคุณลุงภพด้วย” อาทิตย์ไม่อาจรู้สึกดีกับคำพูดของมุกรินได้ เพราะการที่เธอหยิบยกเรื่องหนี้บุญคุณพวกนั้นขึ้นมาพูด ทำให้เขารู้สึกว่าเธอกำลังสร้างกำแพง
“แปลว่าถ้าผมไม่ใช่ลูกของคุณพ่อ ไม่ใช่สายเลือดอัครราช คุณมุกจะเปิดใจให้ผมมากกว่านี้ ใช่ไหมครับ” ไม่เพียงคำถามคลุมเครือที่ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยของมุกรินเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงยังก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าของเธออีกด้วย นัยน์ตาคมกริบจ้องมองไปยังดวงตาคู่สวยอย่างขอคำตอบ ไม่สิ เขาทำราวกับว่าเธอเป็นพยานปากสำคัญที่กำลังถูกผู้พิพากษาอย่างเขาสอบสวนในชั้นศาล
คำพูดของอาทิตย์ส่งผลให้หัวใจมุกรินเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง จู่ ๆ เขาก็เล่นถามเธอตรง ๆ แบบนี้เลยเหรอ
“คุณอาทิตย์หมายความว่ายังไงคะ” เจ้าของเสียงหวานมองคนตรงหน้าอย่างขอคำตอบเช่นกัน จริงอยู่ว่าเธอไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาจะได้ไม่รู้ความหมายที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา แต่ถ้าเขามีความรู้สึกดี ๆ ให้เธอ อยากพัฒนาความสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนหรือคนรู้จัก เขาก็ควรจะพูดออกมาให้ชัดเจนไม่ใช่หรือไงกัน
“ผมชอบคุณมุกครับ”
“อะไรนะคะ” มุกรินกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนหน้านี้ไม่ถึงนาทีเธอยังต้องการให้อาทิตย์พูดอย่างตรงไปตรงมา แต่เธอก็ไม่คิดว่าคำตอบที่แสดงออกพร้อมสายตาที่มีความหมายซ่อนอยู่จะทำให้หัวใจเธอเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาข้างนอก
“ผมบอกว่าผมชอบคุณมุกครับ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะเริ่มจีบคุณมุกอย่างจริงจังแล้ว ยังไงก็เตรียมรับมือด้วยนะครับ”