“ฮึ่ม!” หญิงสาวทำเสียงคำรามกลั้วลำคอระหง ในใจก็ได้แต่พยายามนับหนึ่งให้ถึงสิบ ขณะกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดนูนเด่นที่บริเวณหลังมือเกลี้ยงเกลา
“มองผมตาเป็นมันแบบนั้น นึกอยากลอง ‘ส่วนอื่น’ ของผมขึ้นมาล่ะสิ” พ่อหนุ่มมาดกวนแสร้งโฉบริมฝีปากเซ็กซี่มาเฉียดพวงแก้มสุกปลั่ง พร้อมดึงเอาบางคำในบทสนทนาก่อนหน้านี้ขึ้นมากระเซ้า ก่อนจะหลุดหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นอีกฝ่ายผงะด้วยท่าทางตื่นตระหนก จากนั้นเขาก็ถือวิสาสะยึดข้อมือเรียวเล็กทั้งคู่เอาไว้ในอุ้งมือใหญ่ข้างที่ว่างจากการถือรองเท้าส้นสูงสีแดงโดนใจ
“ปล่อย!” คนถูกกระทำเค้นเสียงแข็งออกคำสั่งพลางสะบัดมือเร่าๆ
“ไม่ปล่อย”
“ไอ้คนบ้า ไอ้คนกวนประสาท ไอ้ผู้ชายเฮงซวย คุณจะยั่วโมโหฉันเกินไปแล้วนะ!” เจ้าของน้ำเสียงขุ่นคลั่กระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างหมดสิ้นความอดทน ปกติอารดาจะเป็นคนค่อนข้างสุขุมเยือกเย็น ที่สำคัญตั้งแต่เกิดยังไม่เคยด่าใครไฟแลบแบบนี้เลยสักครั้ง แต่เขากลับทำให้เธอฟิวส์ขาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเธอก็จะไม่ขอทนกับผู้ชายที่มีดีแค่หน้าตาคนนี้อีกต่อไป!
“แน่ะ…พูดไม่เพราะอีกแล้ว”
“ฉันจะพูดซะอย่าง แล้วคุณจะทำไม” คนตัวเล็กลอยหน้าสวนกลับอย่างกวนๆ
“ผมไม่ทำไมหรอกทูนหัว ก็แค่เป็นห่วง ปากจัดแบบนี้…เลยกลัวว่าคุณจะหาผู้ชายมาสอยลงจากคานไม่ได้ เพราะเกิดคุณตกนรกแล้วยมบาลถามว่าทำไมถึงตายทั้งที่ยังเวอร์จิ้น ถ้าคุณควานหาคำตอบไม่เจอ เดี๋ยวจะถูกลงโทษด้วยการไม่ให้ไปผุดไปเกิด” เสียงกลั้วหัวเราะที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้ดวงตาสีนิลแทบลุกเป็นไฟ
“ฉันทำดีมาทั้งชีวิต จะต้องได้ขึ้นสวรรค์ ไม่เหมือนกับคุณที่คงขยันทำเลวเป็นอาจิณ และ ‘คนเลว’ อย่างคุณตายไปจะต้องตกนรกเท่านั้น” ในตอนท้ายอารดาฟันธงอย่างเสร็จสรรพ
“อ้าว…คนเลวมันหน้าตาหล่อเหลาเอาการเหมือนผมเหรอทูนหัว งั้นตายไปสาวๆ ทั่วทั้งประเทศคงเสียดาย ‘ของดี’ และ ‘ลีลาเด็ด’ แย่” พ่อคนกวนประสาทยังคงลอยหน้าต่อปากต่อคำไม่เลิก ลมหายใจผ่าวระอุที่รินรดหน้าผากมนทำให้หญิงสาวไม่อาจทนนิ่งดูดายได้อีกต่อไป
“ไอ้คนหลงตัวเอง ฉันบอกให้ปล่อยไงเล่า หูหนวกหรือไงฮะ!” อารดาก่นด่าและดีดดิ้นให้หลุดพ้นจากอุ้งมือใหญ่สุดฤทธิ์ประหนึ่งนางม้าพยศ
“โอเค…ปล่อยก็ปล่อย” อยู่ๆ เขาก็ยอมรามือจากเธออย่างง่ายดาย ส่งผลให้แม่สาวแสบทำหน้าเหวอ สัญชาตญาณร้องเตือนให้เธอคว้าสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดเป็นหลักยึด ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว
“ว้าย!” เสียงหวานหลุดอุทานออกมา ชั่วพริบตาร่างแน่งน้อยก็เสียหลักหงายหลังล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้นถนนแข็งๆ ก่อนจะสูดปากครางลั่นด้วยความเจ็บ
“อูย…สะโพกฉัน”
“ท่าสวยดีนี่” เดเรคลอยหน้าล้อเลียนอย่างนึกขัน ก่อนที่พ่อคนโอหังแต่กวนเข้าไส้จะไล่สายตาคมกริบลงไปพบกับสิ่งที่ทำให้เขาแสนอัศจรรย์ใจ…ความเซ็กซี่ร้ายกาจที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ชุดราตรีสีพาสเทลนั่น โอ้…พระเจ้า! ไม่น่าเชื่อว่าแม่ผู้หญิงหน้าบ้านๆ นมแบนๆ คนนี้จะใส่จีสตริงสีแดง! ให้ตายสิ! มันเป็นสีที่เขาคลั่งไคล้มากซะด้วย
‘ถึงหน้าตาจะไม่เท่าไร แต่เนื้อในน่าลิ้มลองเป็นบ้า’ ความคิดของพ่อกระทิงเปลี่ยวเปลี่ยนไปทันที หลังจากที่ได้เห็นจีสตริงสีแดงชวนใจสะท้าน
“ไอ้คน…” เธอยังไม่ทันจะอ้าปากก่นด่าให้สาแก่ใจ จอมกะล่อนก็สวนขึ้นเสียก่อน
“ว้าว…ร้อนแรงหลบในซะด้วยแฮะ!” ชายหนุ่มอุทานลั่น นัยน์ตาสีเฮเซลจับจ้องที่เรือนกาย ‘ส่วนล่าง’ อันน่าดึงดูดใจของเธอไม่กะพริบ และนั่นก็ทำให้อารดาอดเบนสายตาตามไม่ได้
ทันใดนั้นความอัปยศก็มาพร้อมกับอาการ ‘ลมมันเย็น’ เพราะกระโปรงของเธอเปิดอล่างฉ่าง เรียกได้ว่าเผยช่วงล่างสู่สายตาอีกฝ่ายแบบ ‘แกรนด์โอเพนนิ่ง’ เลยทีเดียว
“ว้าย!” ฉับพลันหญิงสาวก็อุทานเสียงหลง พลางดึงกระโปรงลงปิดส่วนสงวนพัลวัน ขอสารภาพว่าตอนนี้เธออายแสนอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อความเป็นจริงแล้ว หนึ่งในสาม ‘ท็อปซีเคร็ต’ ของเธอมันมีอยู่ว่า…ยัยเฉิ่มเช่นอารดาชอบใส่ชุดชั้นในสีแดง รสนิยมอันน่าพิลึกพิลั่นนี้ล้วนถูกถ่ายทอดมาจากมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วทั้งสิ้น เป็นเพราะแม่คนเดียวแท้ๆ ที่ปลูกฝังให้เธอชอบสีแดง โดยให้เหตุผลว่าสีแดงนั้นร้อนแรงและสามารถดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างดีเยี่ยม ครั้นอารดาปฏิเสธที่จะใส่เสื้อผ้าโทนสีแดงชนิดหัวชนฝา เพราะมันขัดกับบุคลิกของเธออย่างสุดขั้ว แม่ก็ออกแนวบังคับให้ใส่ชุดชั้นในสีแดง โดยอ้างว่ากลัวลูกสาวคนเดียวของนางจะขายไม่ออก มิหนำซ้ำยังพยายามพูดกรอกหูตั้งแต่เล็กยันโต จนเธอจำได้ขึ้นใจว่า….จะถูกจะแพงก็ขอให้แดงไว้ก่อน
‘ฉันเกลียดชุดชั้นในสีแดง’ น้ำเสียงสั่นเครือคร่ำครวญในอก เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าดวงตาคมกริบคู่นั้นยังคงจับจ้องเบื้องล่างของเธออยู่ ทั้งที่มันถูกปกปิดไว้อย่างมิดชิดแล้ว อารดาก็แทบควันออกหู
“อย่ามองนะ ไอ้คนลามก!” เจ้าของใบหน้าเห่อร้อนตวาดแว้ด
“ขอมองหน่อยไม่ได้หรือไงยาหยี ก็ผมชอบสีแดงนี่นา ถึงแม้ว่า…มันออกจะขัดกับบุคลิกของคุณไปสักนิด และดูเซ็กซี่แบบขาดๆ เกินๆ ไปสักหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าร้อนแรงแบบแปลกๆ ใช้ได้เลยทีเดียว” แม้สิ่งสวยงามชวนมองจะถูกเจ้าตัวปกปิดไปแล้ว แต่เดเรคก็ยังไม่วายเย้าด้วยสีหน้ากลั้นยิ้ม ยอมรับว่าเขาทึ่งกับบุคลิกขัดแย้งในตัวเองของแม่เจ้าประคุณยิ่งนัก
“อ๊าย…หุบปากไปเลย ไอ้ผู้ชายทุเรศ!” คนที่นั่งอยู่บนพื้นถนนเลือกกลบเกลื่อนความอับอายด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว หนึ่งในสาม ‘ท็อปซีเคร็ต’ ของเธอถูกเปิดเผย แถมยังต้องมาโดนเขาล้อเลียนอีก
‘น่าขายหน้าชะมัด!’ ขณะที่อารดามัวแต่กระดากอาย และรู้สึกเจ็บใจให้กับความเฟอะฟะของตัวเองอยู่นั้น พ่อหนุ่มหล่อเหลือร้ายก็เคลื่อนกายทรงพลังเข้ามาประคองร่างบางให้ลุกขึ้น แต่แม่สาวจอมพยศกลับออกฤทธิ์ตะบึงตะบอน พร้อมขืนกายให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!” น้ำเสียงกระด้างถูกเค้นออกมาจากเรียวปากรูปกระจับเป็นเชิงขับไล่ แล้วเธอก็ออกคำสั่งอย่างอวดดี “ปล่อย”
ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยมือจากร่างบางอย่างหน้าตาเฉย เรียกเสียงหวีดร้องลั่นด้วยความตกใจสุดขีดให้หลุดออกมาจากกลีบปากสีกุหลาบ “กรี๊ด!!!” ก่อนจะตามมาด้วยเสียงอุทานดังสนั่นไม่แพ้กัน
“โอ๊ย!” คราวนี้อารดาล้มลงไปนั่งจุ้มปุกอย่างหมดสภาพ แต่ยังดีที่กระโปรงของเธอไม่เปิดให้ขายหน้าซ้ำสอง
“คนบ้า นี่คุณแกล้งฉันเหรอ!” แม่สาวไซส์เล็กเงยหน้าพรึ่บ แล้วแผดเสียงซักไซ้ด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“เปล๊า!” ชายหนุ่มแบมือยักไหล่
“ก็เห็นๆ อยู่ว่าคุณจงใจแกล้งฉัน ยังจะมาปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆ อีก”
“ผมแกล้งคุณตรงไหนกันยาหยี คุณบอกให้ผมปล่อย ผมก็ปล่อยแล้วไง” เขายังคงแสร้งตีหน้าตายได้ชวนหมั่นไส้เป็นที่สุด
“คุณจะไปไหนก็ไปเถอะ ฉันว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วละ” เจ้าของเรือนกายเพรียวระหงออกปากขับไล่ด้วยความคับข้องใจเหลือคณา
“ผมอยากอยู่ตรงนี้ แล้วคุณจะทำไม” พ่อคนช่างยั่วยังคงรวนไม่เลิก
“งั้นก็เชิญคุณอยู่ตรงนี้จนรากงอกไปเลยแล้วกัน ส่วนฉันจะเป็นฝ่ายไปเอง” เสียงหวานประชดอย่างเหลืออด พลางพยุงร่างกระปลกกระเปลี้ยของตัวเองลุกขึ้นด้วยท่าทางทุลักทุเล
“มาผมช่วย” คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ยื่นมือมาให้ แต่เจ้าของร่างอ้อนแอ้นกลับเชิดหน้าทำเมิน แล้วปฏิเสธอย่างสิ้นเยื่อขาดใยระคนอวดดี
“ไม่จำเป็น!” ประสบการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหยกๆ สอนให้เธอรู้ว่าเจ็บแล้วต้องรู้จักจำ
“แหม…ชอบ ‘ช่วยตัวเอง’ ก็ไม่บอก” วาจาล้อเลียนในทีทำให้คนฟังหน้าร้อนฉ่า