ตามคาดการณ์ วันนี้เป็นวันที่พวกโจรจะมาบุกปล้นบ้านขุนช้าง ทางหยินเฟิงตอนนี้ก็เตรียมรับมือเต็มที่ เตรียมคนเฝ้าระวังภัยรอบบ้าน หากพวกโจรบุกมาคงเกิดการปะทะหนักพอควร แต่อย่างน้อยเขาก็มั่นใจว่าคนสำคัญของผมจะปลอดภัย เพราะทางนี้เองก็หาทางหนีทีไล่ไว้ให้พวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"นายน้อยขอรับ ข้าเตรียมกำลังไว้ตามที่นายน้อยสั่งแล้วขอรับ"
หลังจากหัวหน้าทหารเงาเข้ามารายงานหยินเฟิงก็กลับเข้าไปในจวนเพื่อเตรียมการตั้งทันที
ในค่ำคืนฟ้าดับไร้แสงไฟ ร่างของหยินเฟิงยังคงไม่เคลื่อนไปไหนจากตั่งข้างเตียง ร่างโปร่งค่อยๆปรับสายตาให้เข้ากับความมืด โคมไฟและตะเกียงน้ำมันต่างๆถูกปิดสนิทตั้งแต่หัวค่ำ
กึก กึก กึก
มาแล้วสินะ
หยินเฟิงกำดาบในมือแน่น ตอนนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ก่อนหน้านี้แม้เขาจะบอกกับพ่อแม่ไว้แล้วถึงอัตรายที่เข้ามาใกล้ตัว ทั้ง2ก็ทำเพียงแค่ส่งคนไปตรวจสอบ และเพิ่มกองกำลังบางส่วนให้เขาสบายใจขึ้นเท่านั้น แต่โจรเหล่านั้นหาใช้ผู้ที่คนปกติจะรับมือได้ แม้จะตรวจสอบอย่างละเอียดก็ยากจะได้ข้อมูลกลับมา ถึงส่งไปก็จะถูกฆ่าหายไปจนหมด ก่อนจะมีเวลาเอะใจบ้านเราก็คงไม่เหลือซากเป็นแน่
ไม่นานนัก จู่ๆข้างนอกก็มีเสียงปะทะกันเกิดขึ้น เสียงฝีเท้าวิ่งไปมาตามพื้นไม้และหลังคาจวน ทั้งเสียงหนักเสียงเบาต่างกันจนบ่งบอกแทบไม่ได้ว่าในนั้นเป็นคนของใครบ้าง
"นายน้อยขอรับ! เกิดเรื่องแล้วขอรับ! "
"อื่ม เรารู้แล้ว"
หยินเฟิงยังคงสงบนิ่งเช่นเคย เขาเดินออกจากห้องก่อนจะพาคนรับใช้ไปหลังจวนหลักเพื่อบอกทางหนีทีไล่
"พาท่านแม่ข้าหนีมาที่นี่ ข้าจะไปช่วยท่านพ่อ"
"ขอรับ!"
หยินเฟิงเลือกให้คนรับใช้ช่วยแม่ของตัวเอง เพราะอย่างน้อยคนรับใช้คนนั้นก็มีพลังปรานและพลังการต่อสู้ที่มากกว่าเขา ท่านแม่ที่ใช้พลังปราณไม่ได้แถมยังเป็นสตรีที่สูงวัยแล้วควรมีคนที่พึ่งพาได้ดูแล
ส่วนท่านพ่อดูเหมือนทางนั้นคงจะต้องดูแลเขามากกว่าเขาดูแลท่านพ่อแล้วล่ะ ถึงอย่างนั้นหากเขาพาท่านพ่อหนีออกไปทางที่เตรียมไว้มันก็ยังปลอดภัยกว่าที่นี่ และมีคนคุ้มกันที่เขาเตรียมการไว้แล้วรออยู่
"ท่านพ่อ"
หยินเฟิงแหวกผู้คนที่เข้าปะทะกันจนมาถึงจวนของผู้เป็นบิดา แม้จะมีการปะทะกันเล็กน้อยแต่หยินเฟิงก็ให้ทหารเงาที่จ้างมาเฝ้าคุ้มกันข้างกายคอยจัดการ
"หยินเฟิง เจ้าไม่ควรมาที่นี่รีบหนีไป!"
"ท่านพ่อไปกับข้า ข้าจะพาท่านไปยังที่ปลอดภัย"
"แต่.."
"มากับข้า"
หยินเฟิงยังคงใช้น้ำเสียงหนักแน่น ทางฝั่งคนเป็นพ่อจึงยอมตามอีกคนมาแต่โดยดี เส้นทางที่ทั้ง2ใช้ เป็นทางลับของจวน น้อยคนที่จะรู้จักเส้นทางนี้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ไม่รู้
"คิดไม่ผิดจริงๆที่มาดักรอที่นี่"
หยินเฟิงหยุดอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหนเมื่อจู่ๆมีชายร่างใหญ่หลายคนมาดักหน้าทางที่พวกเขาจะไป จากการมองคร่าวๆคนพวกนี้คงจะเป็นคนของพวกกลุ่มโจรเป็นแน่ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น ปัญหาจริงๆตอนนี้คือทหารเงาที่คอยเฝ้าระวังรอบตัวเขาไม่เหลือแล้วสักคนเพราะเขาให้ทหารเหล่านั้นอยู่สกัดพวกโจรที่จะตามพวกเขามาในเส้นทางนี้ไว้หมดแล้ว
"ท่านพ่อ"
"หยินเฟิง เจ้าไม่ต้องกังวล ท่านพ่อของเจ้าน่ะแข็งแกร่งนัก"
แม้จะเป็นคำพูดเพื่อปลอบใจ แต่อีกฝ่ายก็ทำได้ดีแล้ว หยินเฟิงกุมดาบข้างกายแน่น แม้ว่าเขาจะใช้ดาบไม่ชำนาญนัก ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากจะเป็นตัวถ่วงให้ท่านพ่อ
"ข้าจะต่อสู้เคียงข้างท่าน"
หยินเฟิงจับดาบไว้มั่นตั้งรับการปะทะทะของเหล่ากลุ่มโจร แม้หลายครั้งที่เขาจะเสียท่า แต่มันก็ยังไม่เกิดอันตรายกับเขาถึงชีวิต ทางฝั่งท่านพ่อเองก็ดูตึงมือไม่น้อยเพราะต้องรับมือกับคนหลายคน หยิงเฟิงเองก็พยามจะทำตัวไม่เป็นภาระ เขาไม่เคยจริงจังกับการใช้กำลังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ไม่ว่าจะชีวิตนี้หรือชีวิตที่แล้ว เขาไม่เคยต้องมายืนอยู่ในจุดๆนี้
หลังจากคอยรับมือพวกนั้นจนเหนื่อยอ่อนหยินเฟิงก็เสียท่าให้พวกมันจนได้ ดวงตาสีน้ำเงินหม่นลงทันตาเมื่อดาบยาวของฝั่งศัตรูปักเข้ามาที่หน้าท้องจนอาภรณ์สีขาวเริ่มฉาบไปด้วยเลือดสีแดงสด
หยินเฟิงกดกลั้นความเจ็บปวดนั้นไว้แต่มันก็ไม่สามารถรอดสายตาผู้เป็นพ่อได้
"หยินเฟิง!! พวกเจ้า!! บังอาจมาทำร้ายบุตรของข้า!!"
ชายร่างใหญ่ดูจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างถนัดตา เรี่ยวแรงที่หดหายเหมือนจะเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
"หยิงเฟิง เจ้าหนีไป! ทางนี้พ่อจะต้านพวกมันไว้เอง"
"ไม่ได้นะท่านพ่อ"
"ชีวิตของเจ้าสำคัญต่อข้า! ข้าตายได้แต่เจ้าต้องรอด! ไป!"
คำพูดที่แสนหนักแน่น สะท้านไปภายในใจ และดังก้องในโสตประสาท
สัญชาตญาณบางอย่างบอกกับเขาว่าถ้าจากกันครั้งนี้ เราสองพ่อลูกจะไม่ได้พบกันอีก
แต่ทางคนเป็นพ่อก็ไม่ปล่อยให้หยินเฟิงนิ่งอยู่นาน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาก็ดึงดาบของหยินเฟิงไปไว้ในมืออีกข้าง เขาใช้ดาบคู่ได้อย่างคล่องแคล่วและแข็งแกร่ง หยินเฟิงจึงได้แต่กัดฟันพาร่างตัวเองออกจากจุดนั้น หากเขายังฝืนอยู่ตรงนั้นต่อนอกจากตัวเองจะเป็นได้เพียงตัวถ่วง ท่านพ่อยังต้องคอยมาพะว้าพะวงเรื่องของเขาจนไม่เป็นอันสู้เป็นแน่
หยินเฟิงกัดฟันกรอด เขาพอรู้อนาคตที่จะเกิดขึ้นอย่างคาดเดาไม่ยาก แบบนั้นมันก็คงไม่ต่างจากต้นฉบับเสียแล้ว มันผิดที่เขา ผิดที่เขาเองประมาทเกินไป เพราะคิดว่ารู้เรื่องราวในอนาคตเลยประมาท
เขาผิดเอง
เช้าวันต่อมา ข่าวการเสียชีวิตของผู้นำตระกูลหยิน แพร่สะพัดไปทั่ว แม้ทางการจะจับกุมพวกโจรได้แต่การสูญเสียงครั้งใหญ่ของตระกูลหยินนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
หยินเฟิงมีสีหน้าและแววตาที่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด ภายในดวงตาคู่สวยปรากฎความเสียใจอย่างปิดไม่มิด
"หยินเฟิง เจ้ากินข้าวกินน้ำหน่อยเถิด"
เป็นฉินหนิงที่พอรู้ข่าวการเสียชีวิตของผู้นำจวนตระกูลหยินก็รีบดิ่งมาหาหยินเฟิงทันที พอเห็นสภาพอีกคนฉินหนิงเองก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปปลอบ ทว่าทางด้านเด็กหนุ่มไร้การตอบสนอง เขานั่งนิ่งมองพื้นห้องอยู่แบบนั้นตั้งแต่เด็กสาวเข้ามา
ฉินหนิงทำตัวแทบไม่ถูกในสถานะการณ์แบบนี้ เด็กสาวยังคงไม่รู้จะเอามือเอาสายตาไปวางไว้ที่ไหน เธอพยามชวนอีกคนคุยเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้น พอคนใช้เอาข้าวเอาน้ำมาให้ก็คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายหาอะไรใส่ท้องบ้าง แต่นั่นก็ไม่เป็นผลสักนิด
จนกระทั่ง..
"หยินเฟิง"
สิ้นเสียงนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก หยินเฟิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยมองตามเสียงเรียกชื่อตัวเองหลังจากก้มหน้าอยู่นาน
"หยางรุ่ยหรือ"
ดวงตาสีน้ำเงินหม่นของหยินเฟิงดูจะมีประกายขึ้นเล็กน้อย แต่ในแววตานั้นก็ยังมีความเสียใจเต็มประดา จนคนที่มองมาเห็นได้ชัดเจน
ฉินหนิงที่ได้เห็นท่าทีของอีกคนก็กระพริบตาปริบๆ ก่อนหน้านี้นางทั้งพยามเรียกอีกคนทั้งเขย่าเล็กน้อยหวังให้อีกคนมีปฏิกริยาตอบสนองบ้าง แต่หยินเฟิงกลับทำเพียงนั่งนิ่งๆก้มหน้าอย่างเดียว แต่กับหยางรุ่ยที่อีกฝ่ายเพียงแค่เรียกชื่อ คนที่เป็นเหมือนซากศพตะกี้ก็กลับมีปฏิกริยาอย่างเห็นได้ชัด
ยี่สิบมาตรฐานนัก!
"หยินเฟิงเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
อีกฝ่ายถามด้วยเสียงอ่อนก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆคนที่กำลังเศร้าหมอง หยินเฟิงมองตามคนตรงหน้า ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยของหยินเฟิงเองพลันอ่อนลงทันตา บัดนี้น้ำตาที่เคยกลั้นไว้ภายใน ค่อยๆปล่อยไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
ในเมื่อเซฟโซนของเขามาแล้ว เขาจะอดกลั้นอยู่ทำไมกัน
"ฮึก.."
พอหยางรุ่ยเห็นดวงตาสีน้ำเงินนั้นมีหยดใสไหลอาบแก้ม เขาเองก็พลันใจเจ็บไปด้วย คนโตกว่าจึงค่อยๆขยับเข้าไปประคองลูกแมวที่กำลังตัวสั่นมากอดประคองไว้ในอ้อมแขนอย่างเบามือ
"ข้าอยู่นี่"
หยินเฟิงที่ได้ยินแบบนั้นก็กวาดแขนกอดคนตรงหน้าไว้ทันที น้ำตาที่เคยกลั้นไว้ก็พลั่งพลูออกมาอย่างห้ามไปได้ จนไหล่กว้างของหยางรุ่ยตอนนี้กลายเป็นที่ซับน้ำตาให้อีกคนเป็นที่เรียบร้อย
ทางด้านฉินหนิงก็ได้แต่มองอย่างตกตลึง นางทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะเอาตัวเองไปวางไว้ที่ไหน ทำได้แค่นั่งนิ่งปฏิบัติตัวให้เหมือยอากาศธาตุที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้2คนตรงหน้าประคองกอดกันเต็มที่
จ้าเอาเลย! ไม่ต้องเกรงใจตัวประกอบเช่นข้าหรอก!
เวลาผ่านไปราว1ก้านธูปเสียงสะอื้นของคนในอ้อมแขนหยางรุ่ยค่อยๆเบาลง หยินเฟิงผละใบหน้าออกจากอ้อมกอดอุ่นก่อนจะช้อนตาสบกับดวงตาสีทองของคนตรงหน้า
"หยางรุ่ยข้าผิดเอง มันเป็นความผิดของข้า ข้าช่วยท่านพ่อไว้มิได้"
น้ำตาของหยินเฟิงตอนนี้ไหลออกมาจนแทบไม่เหลือ มีเพียงเสียงติดแหบพร่ากับใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่ประดับความเสียใจของเจ้าของนัยตาสีน้ำเงินเท่านั้น
"หยินเฟิง มันมิใช่ความผิดเจ้า.."
หยางรุ่ยทาบมือไปบนศรีษะของคนตรงหน้าพลางลูบอย่างเบามือ
"ข้าเหนื่อยจัง"
หยินเฟิงค่อยๆซบตัวลงบนลาดไหล่ของหยางรุ่ยอีกครั้ง คนที่เป็นดั่งเบาะรองความรู้สึกเองก็กลับมาวางมือโอบกอดอีกคนไว้ดั่งเดิม
ไม่นานเสียงหายใจของคนในอ้อมแขนกว้างก็ค่อยๆสม่ำเสมอ หยินเฟิงตอนนี้ร้องไห้จนหมดเรียวแรงหลับคาอกหยางรุ่ยไปเสียแล้ว
หยางรุ่ยที่เห็นแบบนั้นจึงค่อยๆช้อนตัวอีกฝ่ายอย่างเบามือ ค่อยๆอุ้มคนในอ้อมแขนไปนอนบนเตียงดีๆ จึงจะขยับผ้านวมขึ้นมาห่มให้อีกคน
ดวงตามีทองมองสบมองร่างที่อ่อนแรงพลันผุดความรู้สึกในใจออกมามากมาย
เจ็บปวดเหลือเกิน
หยินเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเจ้ามันทำให้หัวใจของข้าบีบตัวอย่างห้ามไม่ได้
ถ้าเป็นไปได้..ได้โปรดอย่างหลั่งน้ำตาอีกเลย
:หยินเฟิงpart
งานศพของผู้นำตระกูลหยินถูกจัดขึ้น7วัน7คืน ผมตอนนี้กลายเป็นผู้นำตระกูลอย่างช่วยไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่สำหรับผม เพราะทรัพย์สินเงินทองมากมายที่มี10ชาติก็ใช้ไม่หมด
ผมค่อนข้างผิดหวังในตัวเองที่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาบ้าๆนี่ไม่ได้ ทั้งๆที่เตรียมตัวมาแล้วแต่มันคงไม่มากพอสินะ..
อย่างน้อยถ้ารักษาท่านพ่อไว้ไม่ได้ก็ขอรักษาพ่อของขุนแผนกับวันทองไว้ได้ก็ยังดี แต่มันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรือ ลำพังผมจะทำอะไรได้ ลำพังแค่ผม จะรักษาชีวิตของใครไว้ได้จริงๆหรอ
แค่ชีวิตตัวเองผมยังรักษาไว้แทบไม่ได้
ผมที่นั่งปล่อยตัวปล่อยใจอยู่ที่ศาลา ให้สายลมเย็นๆพัดพาความรู้สึกให้หายไป แต่จู่ๆโสตประสาทก็พลันไปได้ยินสิ่งที่ทำให้สมองของแทบหยุดทำงานทันที
"ผู้นำตระกูล หยาง ถูกทางการสังหาร! ตอนนี้ตระกูลหยางกำลังเตรียมถูกยึดไปเป็นของหลวง"
ว่าไงนะ..!?
TBC.