จูผิงนึกว่าจะจบเพียงแค่นั้น ที่ไหนได้เขาพลิกร่างนางไปมาจนหญิงสาวรู้สึกมึนงงไปหมด
มือเรียวยันอยู่กับขอบอ่างเพื่อไม่ให้ร่างตนเองไถลไปข้างหน้าจากแรงกระแทกกระทั้นที่หนักหน่วงจากคนด้านหลัง
“อือ ไม่ไหวแล้ว” ร่างเล็กครางเสียงหวานพลางกระตุกบีบรัดความแข็งแกร่งแน่นหนึบจนชายหนุ่มหน้าเหยเก
มือแกร่งบีบจับเอวบางแน่น ดึงรั้งนางเข้าหาเป็นจังหวะหนักหน่วง ใบหน้าคมคายหงายแหงนพลางสูดปาก ตัวเขาก็ใกล้แตะขอบสวรรค์แล้วเช่นกัน!
“อ่า!” หนุ่มสาวผสานเสียงพร้อมกัน ก่อนที่หญิงสาวจะรับรู้ถึงสายธารอุ่นร้อนในกาย
จูผิงขาสั่นเข่าอ่อนลงไปทรุดกับพื้นแล้ว ริมฝีปากอิ่มแดงเผยอเพราะเหนื่อยหอบ พลางคิดว่า ถ้าเขาทำอีกรอบนางคงเดินไม่ไหวเป็นแน่!
เฉินซือหยางขยับกายเข้าไปใกล้ เห็นใบหน้านวลแดงก่ำก็นึกเอ็นดู ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มหวานพลางวักน้ำราดรดตัวหญิงสาว มือใหญ่ลูบไล้ทั่วเรือนร่าง
“ไม่เอาแล้วนะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ยขัดเมื่อรับรู้ถึงความแข็งขึงดุนดันอยู่ต้นขานาง
“รู้แล้ว” เขากล่าวเพียงเท่านี้
เฉินซือหยางในวัยยี่สิบสองปี ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคทางทิศเหนือ ปีหนึ่งถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง แต่ล่ะครั้งก็รั้งอยู่เกือบเดือน
ตระกูลเฉินเป็นตระกูลแม่ทัพเก่าแก่ ร่วมรบปกป้องดินแดนจากรุ่นสู่รุ่น บิดาเขาคืออดีตแม่ทัพใหญ่เฉินเหยี่ยน ที่บัดนี้อยู่ในวัยเกษียณคอยเลี้ยงหลานอยู่ในจวน
เฉินซือหยางมีพี่ชายอยู่คนหนึ่งนามว่า เฉินจิ้งหลิน เขาเป็นแม่ทัพใหญ่อยู่ทางทิศประจิม รายนั้นนานทีปีหนถึงจะมีเวลากลับมาเยี่ยมเยือนบ้าน แต่กระนั้นที่จวนใช่ว่าจะเหงา เพราะลูกหลานจากสามภรรยาสี่อนุของเฉินจิ้งหลินนั้นมียั้วเยี้ยเต็มไปหมด ผิดจากผู้เป็นน้องชาย ที่ไร้สาวงามข้างกายจนบิดามารดานึกร้อนใจ
แต่บรรดาบ่าวรับใช้ในจวนต่างรู้ดี ว่าคุณชายรองหลงใหลในตัวสาวใช้ข้างกายนามว่า ‘จูผิง’ เพียงใด ก่อนได้รับตำแหน่งแม่ทัพภาคก็เฝ้าเรียกหาแต่นางให้ไปปรนนิบัติพัดวีอยู่ข้างกายไม่ห่าง จนสาวใช้ในจวนคนอื่นๆ พากันอิจฉาตาร้อนจูผิง พวกนางก็เฝ้าใฝ่ฝันจะได้ปีนขึ้นเตียงคุณชายรองเช่นกัน! แม้จะพยายามยั่วยวนเพียงใดแต่คุณชายรองก็หาได้เหลียวแลแม้กระทั่งหางตา
หลงใหลเพียงใดน่ะรึ!?
ก็ขนาดที่ว่าคุณชายรองถึงขั้นไปเอ่ยปากกับฮูหยินผู้เฒ่า ขอนางให้มาเป็นสาวใช้ประจำที่เรือนอักษรและห้ามไม่ให้นางไปทำงานที่เรือนอื่นเด็ดขาด
แม้ฮูหยินผู้เฒ่าจะงงงวยอยู่บ้างที่หลานชายมาเอ่ยปากขออะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ว่ากล่าวอันใด แค่สาวใช้คนหนึ่งจึงยกให้ไป
เฉินซือหยางลุกขึ้นพรวด หยาดน้ำพร่างพราวยังเกาะไหลตามตัวชายหนุ่ม จูผิงชายตาขึ้นไปมองแวบหนึ่งแล้วรีบหลุบตาลงด้วยความกระดากอายเพราะเขาเปลือยเปล่าชี้หน้านางอยู่
เขาก้าวขาออกจากอ่างน้ำ เดินดุ่มๆ ไปคว้าเอาผ้าสะอาดจากราว แล้วเดินกลับเข้ามาหาหญิงสาวอีกครั้ง นางนั่งอ่อนเปลี้ยหมดแรงร่างเปลือยเปล่าแช่อยู่ในน้ำ “ลุกขึ้น” เขาสั่ง
จูผิงค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น ทว่าแทบจะทรงตัวไม่ไหว ขานางสั่นงันงกไปหมด มือเรียวเกาะขอบอ่างแน่น นางได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอของชายหนุ่มตรงหน้า ริมฝีปากอิ่มแดงถึงกับเม้มแน่น
“หากว่าข้าไม่ต้องไปพบท่านพ่อท่านแม่ เจ้ามีหรือจะได้พัก” เขากล่าวราวคาดโทษนาง
ตั้งแต่มาถึงเขายังไม่ได้พบหน้าบิดามารดาเลย เมื่อเท้าเหยียบพื้นจวน ชายหนุ่มก็มุ่งหน้ามาที่เรือนอักษรทันที
เฉินซือหยางคลุมผ้าห่อตัวให้หญิงสาว
จูผิงได้โอกาสแอบชำเลืองชายหนุ่มตรงหน้า นางไม่ได้เจอเขามาหนึ่งปีเต็ม รู้สึกว่ารูปร่างเขาดูมีกล้ามเนื้อสัดส่วนชัดเจน สีผิวคร้ามแดดเล็กน้อย
“คืนนี้ไปพบข้าที่ห้องด้วย” เขาบอกกล่าวนางพลางกระชับผ้าให้แน่นก่อนจะเดินออกไป
จูผิงไม่ได้เอ่ยตอบรับหรือปฏิเสธ อย่างไรนางก็เป็นแค่สาวใช้อุ่นเตียง เจ้านายเรียกหานางก็ต้องไป
หญิงสาวมองแผ่นหลังหนาเดินจากไปจนลับตา จากนี้อีกหนึ่งเดือนนางต้องโดนเขารังแกอย่างหนักแน่เลย