(ทิวาเล่าเรื่อง)
เมื่อถึงห้างฯ พวกเราเลือกกินเบอร์เกอร์และไก่ทอดคนละไม่กี่ชิ้นก่อนตีตั๋วเข้าโรงหนัง
“ถ้าไม่อยากดูก็บอกได้นี่วะ อย่าทำหน้าหงิกสิโว้ย คนอื่นเขาสงสัยกันหมด กูขี้เกียจตอบคำถามพวกมัน”
ระหว่างที่แยกตัวมาเข้าห้องน้ำ ผมเปิดอกคุยกับขุนน้ำที่หน้าอ่างล้างหน้า ตอนแรกเราตั้งใจเลือกดูหนังรักที่สร้างจากนวนิยายชื่อดังซึ่งเป็นความคิดของขุนน้ำ ทว่าโฮมกับบุญเพิ่มขอเปลี่ยนโปรแกรม พวกเขาเลือกหนังบู๊แอ็กชันบ้าเลือดซึ่งคะแนนรีวิวเละไม่เป็นท่า และผมก็อยากดูเหมือนกันเพราะทริลเลอร์มีการโชว์เนื้อหนังสาวๆ ในเรื่องมากเป็นพิเศษจนได้เรตหนังผู้ใหญ่ ดังนั้น ผลจึงออกมาเป็น 3 ต่อ 1 เสียงน้อยๆ ของขุนน้ำ
“ก็เห็นมึงยิ้มหน้าบานผิดสันดาน กูเลยทำหน้าบึ้งแทนมึงยังไงล่ะอีกอย่างบอกว่าจะดูหนังกับกู เสือก...ไปตามใจพวกนั้นเฉยเลย!”
ขุนน้ำว่าจบก็ทิ้งค้อนให้ผม ช่วงนี้มันเป็นอะไรไม่รู้ ค้อนเก่ง และยิ้มน้อยลงจนผมใจคอไม่ดี
“เดี๋ยววันหลังเราค่อยมาดูอีกรอบ กูเลี้ยงมึงเอง” ผมเสนอตัวยอมเป็นสายเปย์เต็มที่
“ไม่ต้อง กูเบื่อ...มึงไปตามเอาใจเพื่อนมึงเถอะ”
“อะไรวะขุน มึงทำตัวให้เป็นปกติเหมือนเดิมได้ไหม”
“แล้วไง มึงต้องการให้กูเป็นปกติยังไง ไหนบอกมาสิ” ขุนน้ำขึ้นเสียง สีหน้าสีตาแสดงให้เห็นว่ากำลังโกรธจัด
ผมยกยิ้มมุมปาก มองใบหน้าใสๆ และดวงตากลมโตที่จ้องผมเขม็ง ราวกับเป็นศัตรูกันก็มิปาน
“หึ ก็แบบที่มึงชอบทำไง ‘แรด’ แล้วก็ ‘อ่อย’ คนอื่นไปทั่ว”
ช่วงเวลานั้นไม่รู้ผีห่าซาตานอะไรเข้าสิง ผมถึงได้หลุดปากพูดคำ แย่ๆ ออกไปและขุนน้ำก็ถลึงตาใส่พร้อมแยกเขี้ยวขู่ สีหน้าสีตามันบอกให้รู้ว่า...
ผมแม่งโคตรเหี้ย!
ความเงียบระหว่างเราทั้งคู่ ดูเหมือนจะกินเวลายาวนานกว่าความเป็นจริง ผมหัวเราะแห้งๆ ตามขุนน้ำ และมันทำเสียงหึๆ อย่างน่ากลัวตบท้าย
“เนี่ยๆ ทำแบบนี้น่ารักดีนะ กูชอบ”
ผมว่าและพยายามเลียนแบบท่าทางแบ๊วๆ อย่างที่ขุนน้ำชอบทำ คนอะไรจาก ‘แรด’ กลายร่างเป็น ‘ทศกัณฐ์’ ได้ในพริบตา!!
“ไอ้สาดดดด...”
มันว่าแล้วก็ปล่อยหมัดใส่ผมชุดใหญ่ ผมยอมรับว่าเจ็บไม่น้อยกระนั้น มันกลับทำให้ขุนน้ำยิ้มมุมปากนิดๆ แค่นี้ผมก็โล่งให้ไปหลายเปลาะ
“มึงหายงอนกูแล้วใช่ไหม” ผมถามเสียงหวาน พยายามมองตาคู่สวยของมัน น่ารักเป็นบ้า...
“ไม่!” ขุนน้ำแผดเสียงดังใส่ผม แต่ตามันแดงๆ พิกล
“เฮ้ย! ทำงี้ได้ไง เราเป็นเพื่อนกันนะโว้ย เรื่องเล็กน้อยหัดอ่อนข้อให้บ้างสิ” ผมยอมขุนน้ำทุกอย่างแล้วแต่มันยังวางฟอร์มเหลือเกิน เพื่อนกัน ทำไมถึงทำตัวแบบนี้
“ไม่ก็คือไม่และกูก็ไม่ใช่คนผิด” มันย้ำเช่นนั้น คงหวังให้ผมช้ำใจตาย
พอเอ่ยจบ ขุนน้ำก็เบ้ปากใส่ผม ก่อนก้าวฉับๆ ออกจากห้องน้ำ เป็นตอนนั้นที่ผมคิดว่ามันจะเล่นตัวเกินเหตุแล้ว ถึงอย่างไรความอดทนของผมก็มีขีดจำกัด และเรื่องนี้ต้องเคลียร์ให้จบก่อนที่ผมจะเดือดจนกู่ไม่กลับ
ผมวิ่งตามออกไปพร้อมคว้าแขนของมันไว้แต่ขุนน้ำสะบัดอย่างแรงเพื่อให้หลุดจากมือใหญ่ๆ ของผม ก่อนเอ่ยเสียงหวานทักทายใครบางคน ด้วยท่าทีและรอยยิ้มกว้าง กว้างเสียจนปากจะฉีกถึงรูหู
“อ้าว! พี่โจมาดูหนังเหมือนกันหรือครับ”
ผมมองหน้ามัน และเป็นตอนนั้นที่ ‘แรด’กลับเข้าสิงร่างขุนน้ำตามเดิม ตอนนี้ตรงหน้าเรามีผู้ชายตัวสูงยืนเก๊กหล่อ ผมจำได้ว่าหมอนี่เป็นอาจารย์พิเศษคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หนุ่มเนื้อหอมที่ใครๆ พากันปลื้ม และคงเหมารวมถึงคนที่ทำตัวกระดี้กระด๊าหน้าบานอยู่ข้างๆ ผม
ไอ้เหี้ยขุนน้ำ
“อื้อ เราก็เหมือนกันเหรอ” ทรงกลดยิ้มหล่อให้ขุนน้ำ และยังเผื่อแผ่มาถึงผมด้วย
“ครับ แล้วพี่ล่ะ ตั้งใจดูเรื่องไหนเป็นพิเศษรึเปล่า”
เสียงขุนน้ำกับท่าทีฉอเลาะนั้น ให้ตายเถอะใครเห็นก็คงหลง แต่วินาทีนี้ผมหึงจนเลือดขึ้นหน้า
เอ๊ะ...ผมนี่นะ หึงมัน ไม่มีทาง อันที่จริงผมแค่เป็นห่วงเพื่อนก็เท่านั้นเอง!
“พี่ว่าจะดู...เห็นรีวิวดีมาก” ทรงกลดบอกชื่อเรื่องที่ขุนน้ำตั้งใจมาดูพอดี
ผมคิดในใจ ฉิบหาย อะไรมันจะลงล็อกขนาดนี้
“เอ แล้วมากับใครเนี่ย” ขุนน้ำมองหาคนข้างกายทรงกลด
เขายักไหล่น้อยๆ ก่อนตอบเสียงทุ้มคงพยายามทำให้หล่อเต็มที่ แต่ผมว่ามันทั้งเชย และเสี่ยวมาก
“ฉายเดี่ยวครับ พี่คิดว่าจะมาหาเอาข้างหน้าเผื่อมีคนสนใจ”
ขุนน้ำส่งสายตาพิฆาตมาทางผมแวบหนึ่ง แล้วโยนหินถามทางอีกฝ่าย และหากผู้หญิงมีมารยาร้อยเล่มเกวียน ขุนน้ำคงก็มีมากกว่านั้นสัก 10 เท่า!!
“ถ้ายังหาไม่ได้ ผมอาสาไปดูเป็นเพื่อนพี่นะครับ”
ได้ยินคำนั้นแล้วผมช็อกตัวแข็งทื่อ นี่มันเรื่องห่าเหวอะไรกัน ทีแรกมันควงผมมาที่โรงหนัง แถมปั้นหน้าหงิกตลอดทางจนเพื่อนๆ เข้าใจผิด พอเจอไอ้หน้าหล่อทรงกลด ขุนน้ำเสือก ‘แรด’ ใส่ไม่เข้าเรื่อง
อันที่จริงตลอดระยะเวลาที่รู้จักกัน ผมไม่เคยบังคับขู่เข็ญให้ขุนน้ำต้องตามใจผมสักครั้ง แต่ตอนนี้ยอมรับว่ามันต้องเชื่อฟังผมแต่เพียงผู้เดียว และห้ามไปไหนกับไอ้หน้าหล่อเจ้าสำอางคนนี้เด็ดขาด!
“นะครับ ให้ผมดูเป็นเพื่อนพี่และขอเลี้ยงตอบแทนสำหรับขนมกับผลไม้อร่อยๆ ด้วย” พอได้ที ขุนน้ำก็ขยี้หัวใจผมเต็มตีนสวยๆ ของมัน
“อ้าว แล้วเพื่อนเราล่ะ” ทรงกลดรู้ดีว่ากำลังกุมชัยชนะเหนือผม แต่น้ำเสียงกับท่าทีเขายังดูสุภาพไม่เปลี่ยน
“อ๋อ พวกมันมากันสามคน และอยากดูอีกเรื่องครับ” ขุนน้ำเอ่ยแล้วจึงก้าวไปยืนข้างทรงกลด ก่อนโบกมือโบกไม้ให้ผม
เป็นตอนนั้นที่ผมอยากรั้งตัวมันไว้จับใจ แต่มือไม้ผมไม่ยอมทำตามสมองสั่ง มีแต่ปากเท่านั้นที่ขยับไหว และเอ่ยออกไปว่า ‘อยู่กับกู ไอ้ขุน ห้ามมึงไปไหนทั้งนั้น’ ทว่า น้ำเสียงผมไม่หลุดพ้นออกจากริมฝีปาก
“แล้วเพื่อนตัวโตเนี่ยไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ เอ่อ...น้อง...”
ทรงกลดยิ้มทั้งดวงตาและปาก ท่าทางเหมือนอยากรู้จักผมเต็มแก่
แต่มึงควรเก็บความคิดนั้นไว้ตามเดิมเถอะ กูไม่อยากรู้จักใครหน้าไหนตอนนี้โว้ย!
“ไม่ต้องสนใจหรอก หัวมันไม่ล้านสักหน่อยคงไม่ขี้ใจน้อย หรือทำตัวงอแงเป็นเด็กใช่ไหม ไอ้กะทิบูด!”
ขุนน้ำเล่นใหญ่เล่นโต โดยไม่รู้จักรักษาน้ำใจผมสักนิด เพื่อนที่ไหนเทกันแบบนี้ สวรรค์โปรดบอกผมที!
“ถ้างั้น พี่ขอตัวขุนนะ เอาไว้ว่างๆ เราไปกินข้าวด้วยกันดีไหม” ทรงกลดชวนผม แล้วหันไปพยักหน้าทำท่ามุ้งมิ้งกับขุนน้ำ
“ไว้เจอกันพรุ่งนี้!”
ขุนน้ำบอกลาผม และไม่มีการหันกลับมามอง มันก้าวไปพร้อมหนุ่มหล่อหุ่นสูงเพรียวทิ้งให้ผมยืนเป็นไอ้โง่หน้าโรงหนัง ตอนนั้น แข้งขาผมเหมือนจะอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ โชคดีที่ได้โฮมกับบุญเพิ่มมาหิ้วปีกไว้ทัน
“ใครวะ หน้าโคตรคุ้น” โฮมถามหลังจากสติและอารมณ์ผมคงที่แล้ว
“ไอ้โจ เห็นว่าเป็นอาจารย์พิเศษคณะสถาปัตย์ฯ” ผมกัดฟันตอบ
โฮมทำหน้าคิดอะไรอยู่ประเดี๋ยว มันดูเหมือนจะรู้จักอีกฝ่ายพอสมควร