ยิ้มทำไม

2354 Words
(ทิวาเล่าเรื่อง) ผมคว้าผ้าขนหนูมาพันตัวเอาไว้อย่างหลวมๆ ก่อนเปิดประตูห้องให้ขุนน้ำเข้ามา จากนั้นจึงใช้ข้อศอกเท้ากับผนัง ส่วนมืออีกข้างแสร้งเกาคางอย่างคนอารมณ์เสีย แต่ดูไม่สมจริงเอาเสียเลย ขุนน้ำมองผมแวบหนึ่ง จากนั้นก็ไม่สนอะไรทั้งสิ้น คงเพราะปวดปัสสาวะอย่างหนัก มันตรงเข้าไปหาชักโครก และโวยวายเสียงดัง ราวกับโกรธแค้นผมนักหนา “เฮ้ย! เสียมารยาท หันหน้าไปทางอื่นสิโว้ย มึงเนี่ยโรคจิตชัดๆ” มันว่าจบก็ปล่อยฉี่เสียงดังราวกับท่อประปาแตก พลอยให้ผมจินตนาการว่าน้องชายมันคงทั้งเล็กและสั้นแน่นอน ผมหัวเราะชอบใจ คนอย่างขุนน้ำทำอะไรดูแบ๊วน่ารักไปเสียหมด ขนาดยืนปัสสาวะยังน่าเอ็นดู แล้วถ้าหากทำอะไรที่เซ็กซี่กว่านี้ มันจะกระชากหัวใจผมมากแค่ไหน โอ๊ย!...แค่คิดเลือดในตัวผมก็สูบฉีดอย่างแรง “หัวเราะอะไร” น้ำเสียงมันแสดงออกว่าขัดเคืองใจเต็มที่ “กูขำมึงไง อดทนนิดอดทนหน่อยก็ไม่ได้” เอ่ยจบ ผมก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยน้องชายผมกำลังพยศหนัก มันตั้งลำโด่จนแทบทะลุผ้าขนหนูออกมา นั่นคงเป็นเพราะบั้นท้ายกลมแน่นของขุนน้ำซึ่งอยู่หน้าผมตอนนี้ พอขุนน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ มันก็เตรียมกลับออกไป แต่ผมสังเกตเห็นว่ามันแอบอมยิ้มน้อยๆ ราวกับรู้ทันผม “มึงยิ้มเหี้ยอะไร ไอ้ขุน” มันยังยิ้ม ยิ้มร้ายๆ ชวนให้ผมสยิวใจ “กูเข้าใจมึงนะ ลูกผู้ชายเหมือนกัน” ความที่กลัวมีพิรุธ ผมเลยปั้นหน้าโหดและทำคิ้วผูกโบให้ดูยุ่งที่สุด “อย่ามาทำไก๋เลยไอ้ทิ มึงกำลังชูปี้ดูอยู่ใช่ไหมเนี่ย” “เหี้ย มึงหมายความว่าไง” ผมอายนิดๆ รู้สึกเสียฟอร์มบ้างที่ถูกจับได้ว่าแอบช่วยตัวเองในห้องน้ำเพื่อน “ก็ได้ข่าวว่าหอใน.ตอนเช้ามืด มีเด็กบริสุทธิ์ตายกันเกลื่อน และหนึ่งในนั้น มึงก็เป็นฆาตกรด้วย” ขุนน้ำว่าอย่างคนถือไพ่เหนือกว่าผม “อย่าทำเป็นรู้ดี คนอย่างมึงคงทำได้แค่ฝันเปียก!” ผมเอ่ยแล้วก็หัวเราะหึๆ ขุนน้ำเป็นพวกใสๆ ทำปากดีไปเท่านั้น เรื่องช่วยตัวเอง ผมคิดว่ามันอาจทำไม่เป็นด้วยซ้ำ “ไอ้ห่า มึงนี่จะยอมคนอื่นไม่เป็นเลยใช่ไหม อยากเอาชนะกูอยู่ตลอดเลยสิท่า” ขุนน้ำว่าผมเสียงแง่งอนมากและหน้ามันก็หงิกงอ “ช่วยไม่ได้ ถ้ากูคิดจะทำอะไรแล้วต้องเป็นที่หนึ่งเสมอ” ผมบอกมันและทำทีจะปลดผ้าขนหนูออกจากร่าง ขุนน้ำยืนช็อกนิ่งค้าง มันไม่ได้พูดอะไร แถมยังหลับตาปี๋ “เฮ้ย! กูไม่ใช่ตัวประหลาด หน้าหล่อขนาดนี้ น้องชายกูหล่อกว่าสิบเท่า” ผมชมตัวเองอย่างไม่อายปาก “แล้วมึงคิดว่ากูอยากดูหรือไง” มันสวนกลับทันที จากนั้น ผมก็ก้าวมาใกล้ๆ ขุนน้ำ ก่อนประกบเข้าข้างหลังมัน แล้วเอาคางเกยบนไหล่ “ก็ไม่รู้สินะ ถ้ามึงไม่อยากดูของกู มึงจะเข้ามาในห้องน้ำทำไม แบบนี้มีแผนชัวร์” ผมว่าเสียงแหบพร่า แกล้งยั่วคนที่กำลังเดือด “ไอ้เหี้ย! กูปวดฉี่ มึงเข้าใจไหม แม่บอกตลอดว่าห้ามกลั้นฉี่ เดี๋ยวต้องยุ่งยากไปหาหมอเหมือนคุณตากู” ผมทำเสียงฮึมฮัมกับสิ่งที่มันตอบ และเอ่ยขึ้น “แล้วรู้ไหมว่าเมื่อกี้ทำความผิดมหันต์ มึงทำให้กูต้องกลั้นน้ำกะทิเอาไว้ และตอนนี้กูกำลังจะบ้าตายแล้ว” ขุนน้ำยืนตัวแข็งทื่อ ก่อนโวยใส่ผม “ยะ อย่าเล่นบ้าๆ นะโว้ย กูต่อยมึงจริงๆ ด้วย” “มึงจะต่อยกูจริงๆ หรือวะไอ้ขุน นี่เพื่อนนะเว้ย และกำลังขอร้องให้ช่วยอยู่...” ผมยังล้อมันเล่น ด้วยการจับเอวมันหมับตามด้วยการใช้จมูกดมกลิ่นที่ซอกคอมัน โดยลืมไปเสียสนิทว่าขุนน้ำบ้าจี้ วินาทีต่อมาทุกอย่างเกิดขึ้นในแบบที่เราทั้งคู่คาดไม่ถึง! ขุนน้ำดิ้นสะบัดอย่างแรง ก่อนที่มือข้างหนึ่งของมันจะคว้าเอาผ้าขนหนูสีชมพูไปและเหวี่ยงทิ้งลงบนพื้น พอมันหันมาเห็นผมเข้า เราทั้งคู่ต่างช็อกพอกัน “เหี้ย! มึงมองทำไมวะ” น้องชายผมผงกหัวทักทายคนน่ารัก และดูเหมือนว่าจะชอบอีกฝ่ายมากๆ เสียด้วย “อ๊าก...กูต้องเป็นตากุ้งยิงแน่ๆ” ขุนน้ำร้องเสียงดังอีกหลายคำก่อนพุ่งออกจากห้องน้ำ และผมไม่ได้ตามไปตอแย หรือแกล้งเย้าแหย่มันอีก ตอนนี้ ในหัวคิดอยู่อย่างเดียวว่า ต้องหาวิธีทำให้สิ่งที่แข็งขันนี้สงบลงด้วยวิธีละมุนละม่อมที่สุด แต่คงไม่ใช่ในห้องน้ำนี้แน่นอน!! จากนั้น เราทั้งคู่วางแผนออกไปหาอะไรกินกันที่ห้างสรรพสินค้าและดูภาพยนตร์รอบดึกต่อ ที่ผมชวนขุนน้ำออกไปเปิดหูเปิดตาเพราะช่วงนี้มันหาเรื่องงี่เง่ามาทะเลาะกันบ่อยเกินเหตุ อีกทั้งผมก็รู้สึกว่าเราห่างกันเกินไป ทั้งหมดนี้อย่าถามถึงคนผิดเลย ผมขี้คร้านขุดเรื่องแย่ๆ ของเราทั้งคู่มาประจาน สัปดาห์นี้มีหนังโรแมนติกหวานซึ้งแนวแอบรักเพื่อนสนิทเข้าฉาย หนังสร้างจากนวนิยายญี่ปุ่นชื่อดังซึ่งถูกดัดแปลงเป็นฉบับฮอลลีวูด ชื่อเรื่อง ‘ในบันทึกที่กำลังจะจืดจาง’ ขุนน้ำบอกผมว่าทำคะแนนในเว็บไซต์สูงพอสมควร และได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลกถล่มทลาย ตอนแรกผมไม่เห็นด้วย ภาพยนตร์แนวรักๆ ใคร่ๆ พานจะทำให้ผมหลับ แต่ขุนน้ำชอบเรื่องนี้ มันคุยให้ผมฟังว่า “นางเอกมันแอบรักเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กเลยเขียนจดหมายเอาไว้เป็นร้อยๆ ฉบับแต่ไม่กล้าส่งให้พระเอก ตอนหลังเลยเอาไปแปะในสมุดบันทึก แล้วเก็บใส่กล่องฝังไว้ในดิน...” “อือฮึ แบบนี้ไม่รู้ว่าโง่หรือขี้ขลาดกันแน่” ผมเอ่ยออกไป แน่นอนถูกคนน่ารักค้อนให้จนคอแทบหัก “เฮ้ย ฟังก่อนโว้ย อย่าเพิ่งขัด แล้วมึงรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระเอกจนทำให้ทั้งคู่ไม่ได้สารภาพรักกัน” “กูจะรู้ไหม ไม่ได้บ้านิยายเหมือนมึงนี่นา” ผมตอบ “แต่มันดังมากเลยนะ มีคนวาดเป็นการ์ตูน และสร้างเป็นอนิเมะแล้วด้วย มึงน่าจะผ่านหูผ่านตาบ้าง” ขุนน้ำไม่วายชี้ช่องทางให้ผมตาสว่างกับเรื่องที่มันปลื้ม ผมพยักหน้าหงึกหงักด้วยการพยายามทำเป็นรู้เรื่องไปกับขุนน้ำคงทำให้มันเหมือนมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ “เออๆ เล่าต่อเถอะ” “ก็ในงานพรอม พระเอกมันดันเมาหัวทิ่มแล้วไปทำผู้หญิงท้องน่ะสิ...มันก็เลยต้องดูแลฝ่ายนั้น โคตรบัดซบเลย ชีวิตพระนางคู่นี้” “อ้าว มันก็น่าจะจบสวยๆ แล้วไง พระเอกมีเมียมีลูก นางเอกก็ไปหาผัวใหม่ แฮปปี้เอนดิ้งทั้งสองฝ่าย” ผมพูดถึงความจริงของชีวิตมนุษย์ทั่วไป “ไอ้ห่า กูบอกแล้วไงทั้งสองคนนี้รักกันมาก แต่พวกเขายังไม่รู้ใจตัวเอง เพราะยังเด็กและอ่อนประสบการณ์ เป็นความรักใสๆ ที่มีกำแพงคำว่า ‘เพื่อน’ ขวางกั้นอยู่” “เอ่อ มึงดูจะรู้ดีเนอะ ทำอย่างกับเคยมีประสบการณ์มาก่อน” ผมไม่ได้ยียวนแค่ถามเท่านั้น “มึงหมายถึง ‘แอบรักเพื่อนสนิท’ อย่างงั้นหรือ ไม่มีทางว่ะ คนอย่างกูเปิดเผยความรู้สึกเสมอ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมองเห็นมันไหม” มันเอ่ยพร้อมกับแสร้งมองไปทางอื่น น่าประหลาดใจที่ขุนน้ำไม่ยอมสบสายตาผม พิลึกชะมัด เพราะปกติมันสู้สายตาผมจะตาย!! ผมอมยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยต่อ “ฮ่าๆ ที่กูหมายถึงเนี่ย ไม่ใช่มึงไปแอบรักใคร แต่คนอย่างมึง สงสัยคงถูกผู้หญิงมอมยาสลบแล้วจับทำผัวมากกว่า!” ขุนน้ำถลึงตาใส่ผม และทำปากขมุบขมิบด่าคำหยาบคายชุดใหญ่ “สรุปมึงจะเล่าต่อไหม” ผมถามและอมยิ้ม “ไม่...อารมณ์เสียแล้ว เอาไว้ไปดูในโรงเถอะ” มันตอบเสียงสะบัด “โอเค แต่กูอยากรู้ว่าหนังเรื่องนี้มีฉากดูดปาก หรือเอากันแรงๆ ไหมวะ เผื่อจะได้ชูปี้ดูในโรงเสียเลย ฮ่าๆ” คราวนี้ ขุนน้ำไม่ตอบ แต่มันต่อยเข้าที่ท้องผมอย่างเหลืออดไปหนึ่งครั้ง ผมกลับไปเปลี่ยนชุดที่หอพักในมหาวิทยาลัย ซึ่งในตอนนั้นน้ำไหลเป็นปกติแล้ว “ไหนมึงบอกว่าน้ำไม่ไหล” ขุนน้ำซัก “ก็จริง เขาติดประกาศไว้ว่าตอนเก้าโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นจะซ่อมระบบ” ผมชี้ให้มันดูประกาศแต่ขุนน้ำไม่สนใจ มันหรี่ตามองผมราวกับต้องการจับพิรุธ “โธ่เอ๊ย! ไอ้ทิ ที่แท้มึงก็อยากไปห้องกูทำไมไม่บอกกันตามตรงวะ กูรู้ว่ากูเสน่ห์แรงมากจนมึงอดใจไม่ไหว” ขุนน้ำว่าแล้วก็ทำแก้มป่อง พร้อมเชิดหน้าสูง ท่าทางนั้นกวนโอ๊ยและยั่วยวนอารมณ์ผมมาก ผมยิ้มหวานหยดให้มันและรู้สึกมันเขี้ยวเลยยั้งมือไม่ทัน ผมจับแก้มของขุนน้ำและบิดไปมาพอให้จั๊กจี้หัวใจ ขุนน้ำมองผมตาโต ริมฝีปากมันบิดเบี้ยว เห็นแล้วโคตรเซ็กซี่และน้องชายผมก็มีปฏิกิริยากับมันอีกครั้ง “ไอ้ทิ!” “ว่า...ไง...ครับบบบ” ผมเอ่ยเสียงยานคราง และมองมันปานจะกลืนกินทั้งตัว “ช้างมึง มะ มัน จะโผล่มาฟันดาบกับกูแล้ว!” ผมหัวเราะกลบเกลื่อน อายอยู่หรอกแต่ในเมื่อน้องชายมันทำ ความรู้จักกันไปแล้ว ผมก็ไม่รู้จะเอ่ยคำใดอีก สิ่งที่ผมรับรู้ได้ในตอนนั้นก็คือความนิ่มหยุ่นของน้องชายขุนน้ำ ส่วนเจ้ายักษ์ของผมตอนนี้แทบจะโผล่ออกมาจากกางเกงขาสั้น “อย่ามายิ้ม มึงเนี่ยหื่นกับเพื่อนกับฝูงแบบนี้ไม่ได้นะโว้ย” ขุนน้ำเตือนผม “เออๆ ของมันขึ้นจะให้กูทำไงวะ” ผมบอกมันตามตรง ช่วงนี้เรียนหนักมาหลายวันแล้วยังมีงานกลุ่มกับการบ้านวิชาคำนวณยากๆ แถมต้องรีบทำให้เสร็จเพราะต้องเอาไปให้ใครบางคนลอก ผมเลยไม่มีเวลาขัดจรวด “ถ้างั้น มึงก็นอนเล่นช้างน้อยอยู่ที่ห้องเถอะไอ้ทิ บอกตามตรง กูไม่อยากเสียความบริสุทธิ์ให้ใคร โดยเฉพาะคนนั้นที่เรียกว่าเพื่อน…” เสียงหัวเราะผมหายไปในทัน รอยยิ้มก็หุบฉับ ตอนนี้ผมชักจะเป็นกังวลแล้วว่าควรปลดปล่อยความเป็นลูกผู้ชายให้บ่อยขึ้น ไม่อย่างนั้น ผมอาจเผลอตัวเผลอใจแสดงบทหื่นกับขุนน้ำอยู่อย่างนี้ และสักวันคงไม่แคล้วจับมันปล้ำทำ...เอ ‘เมีย’ หรือ ‘ผัว’ ดีนะ เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ เราก็ได้เพื่อนร่วมทางอีกสองคนคือโฮม หนุ่มเครื่องกลกับบุญเพิ่มคนบ้ากล้าม ทั้งคู่ไม่เคยแคร์สายตาใคร พวกมันเดี๋ยวทำปากหมูจูจุ๊บ จี้เอวและจับก้นกันอย่างสนุกสนาน แน่นอนสำหรับคนที่ยังไม่ได้รีดน้ำกะทิเข้มข้นออกจากตัวอย่างผมเลยคึกไปตลอดการเดินทาง “เมื่อไหร่พวกมึงจะเอากันเสร็จซะทีกูอายคนอื่น” ผมบอกบุญเพิ่มซึ่งยังควงแขนโฮมหนุ่มเหนือแต่ผิวสีน้ำผึ้งสวยตลอดเวลา “บนห้อง พวกกูเสร็จกันไปสองทีแล้วแต่ยังไม่อิ่มครับ” บุญเพิ่มว่าพร้อมกับจับก้นแน่นๆ ของโฮม ก่อนทั้งคู่จะหัวเราะเสียงดัง ขุนน้ำมองมาที่ผมแวบหนึ่ง สายตามันแปลกๆ พิกล และผมเดาความรู้สึกที่ส่งต่อมาให้ไม่ถูก แต่แพขนตามันงอนยาว และปากเป็น กระจับสวยนั้นเวลาเม้มแน่นๆ ทีไร บอกตามตรงว่ามันกร้าวใจผมมาก “เอ่อ พวกมึงท่าทางเหมือนจะตึงๆ กันนะโว้ย มีอะไรหรือเปล่า” โฮมเข้ามากอดคอผม และมองไปทางขุนน้ำซึ่งตอนนี้แสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าอยู่ในโหมดสงครามประสาทกับผม “ตึงอะไร ก็แค่ช่วงนี้เรียนหนัก ไหนจะต้องเตรียมตัวประกวดเดือนมหา’ลัย อีก กูละปวดหัวไปหมด” ผมตอบ “โอ๊ย เกิดเป็นหนุ่มฮอตมันก็ยากอย่างนี้ ทำใจเถอะไอ้ทิ” โฮมแซวผม ขุนน้ำยิ้มน้อยๆ มันไม่กล่าวอะไรราวกับไม่อยากเสวนากับพวกผม “เฮ้ย! ยังไงมึงต้องหาทางง้อแฟนนะโว้ย เป็นแบบนี้ต่อไปจะเข้าหน้ากันไม่ติด” บุญเพิ่มว่าแล้วก็มีเสียงโฮมเป็นฝ่ายสนับสนุน “เฮ้ย! พวกมึงเล่นแรงไปแล้ว ตอนนี้ไอ้ขุนมันยิ่งเคืองกูอยู่” ผมว่าพร้อมกับแอบมองใบหน้าอีกฝ่าย แต่ขุนน้ำก็ทำเป็นไม่ได้ยินทั้งที่อยู่ห่างกันไม่ถึงเมตร “กูว่า หนนี้มึงต้องยอมเสียสละความเป็นชายแล้วมั้ง ยอมสักครั้งเพื่อแลกกับมิตรภาพที่แนบแน่นขึ้นเหมือนกูกับไอ้โฮม จำไว้นะโว้ย ‘เสียตูดดีกว่าเสียเพื่อน’ ฮ่าๆ ๆ” บุญเพิ่มว่าจบมันก็ทำทีจะจูบปากกับโฮมซึ่งยื่นหน้าเข้าหาพอดี ผมเริ่มเหนื่อยใจกับไอ้สองตัวนี้ พวกมันไม่อายใครทั้งนั้นและผมก็รู้ดีว่าการแกล้งเย้าหยอกนี้เป็นเพียงเรื่องเล่นๆ ของคนที่อยู่ในวัยกลัดมัน ในความจริง ทั้งคู่ต่างหลีหญิงเก่ง เข้าขั้นหน้าหม้อจนถูกรุ่นพี่ปี 3 หมายหัวมาแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD