ทรายทองเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ความเสียใจแล่นพล่านอยู่ภายในอก
“ทรายขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณเมธไม่พอใจ”
“คุณแม่บอกให้กลับเข้าไปเร็วๆ”
กรามแกร่งที่มีไรหนวดพองามขบกันแน่น เข้ามองหล่อนเขม็ง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาหนักหน่วง พร้อมกับปล่อยมือจากแขนของหล่อน
“ฉันมาบอกแค่นี้แหละ”
แล้วเรือนร่างสูงใหญ่ในชุดสะอาดสะอ้านก็ก้าวยาวๆ เดินจากไป
ทรายทองมองตามเมธวัฒน์ที่เดินกลับเข้าไปภายในภัตตาคารด้วยความช้ำใจเป็นที่สุด
“เมื่อไหร่คุณเมธจะใจดีกับทรายบ้าง”
หล่อนเฝ้าหวัง แค่คำพูดดีๆ แค่สายตาอ่อนโยน และรอยยิ้มเพียงเล็กน้อยจากเขาเท่านั้น แต่หล่อนไม่เคยได้รับมันเลย
หญิงสาวเจ็บปวดจนต้องยกมือขึ้นทาบหน้าอกเอาไว้ ก่อนจะกัดฟันเดินกลับเข้าไปในภัตตาคาร
“หนูทรายทำไมไปนานนักล่ะ”
คุณหญิงเมธาวีเห็นหล่อนเดินกลับเข้ามา ก็รีบเอ่ยทักทายด้วยความยินดี
“แล้วทำไมหน้าตาซี๊ดซีด ไม่สบายหรือเปล่า”
ความห่วงใยจากเจ้านายทำให้ทรายทองตื้นตันและซาบซึ้งใจนัก
“เอ่อ...”
หล่อนกำลังจะบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร แต่คุณหญิงเมธาวีหันไปหาเมธวัฒน์ที่นั่งนิ่งอยู่ใกล้ๆ เสียก่อน พร้อมกับพูดในสิ่งที่หล่อนหวาดกลัวออกมา
“เดี๋ยวกลับถึงบ้านช่วยดูอาการให้น้องหน่อยนะตาเมธ แม่เป็นห่วงหนูทรายน่ะ”
เขาเงยหน้าขึ้น และปรายตามองหล่อนด้วยแววตามืดลึกไม่บอกความรู้สึก
เขาต้องปฏิเสธแน่นอน หล่อนรู้ดี เพราะสิ่งแรกในโลกใบนี้ที่เมธวัฒน์ต้องการก็คือการอยู่ให้ไกลจากผู้หญิงน่ารังเกียจในสายตาของเขาเช่นหล่อน
“ได้ครับ”
กลีบปากอิ่มเผยอค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ
“คือทรายไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะคุณหญิง”
หล่อนพยายามหาทางออก แต่คุณหญิงเมธาวีที่นั่งอมยิ้มพึงพอใจอยู่ข้างๆ กลับไม่เปิดโอกาสให้เลย
“ฉันรู้ว่าหนูทรายเกรงใจ แต่ไม่ต้องคิดมากนะ คนกันเองน่ะ”
“คือทราย...”
คุณหญิงเมธาวียื่นมือมากุมมือของหล่อน พลางมองด้วยความเอ็นดู
“อย่าฝืนทำเป็นเข้มแข็งสิหนูทราย ให้ตาเมธช่วยดูอาการให้เถอะ จะได้ไม่ต้องไปลำบากหมอที่โรงพยาบาลยังไงล่ะ”
“แต่ลำบากผม”
“ตาเมธ”
คุณหญิงหันไปเอ็ดบุตรชาย ก่อนจะหันมาพูดกับหล่อนต่อ
“ถ้าหนูทรายเกิดไม่สบายไป ฉันจะทำยังไงล่ะ ใครจะดูแลฉันได้ดีเท่าหนูทราย”
เหตุผลของคุณหญิงเมธาวีทำให้ทรายทองไม่อาจจะปฏิเสธได้อีก หล่อนจำต้องยอมรับในโชคชะตาที่กลั่นแกล้งลงมา
“ทรายขอบคุณคุณหญิงมากค่ะ” หล่อนยกมือไหว้อย่างงดงาม
คุณหญิงเมธาวีมองหล่อนอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนของตัวเอง
“คุณพี่จำที่เรานัดกันได้ไหมคะ เรื่องที่เราจะไปพักผ่อนที่หัวหินกันน่ะค่ะ”
“อ๋อ จำได้สิคะคุณน้อง นี่พี่ก็รอให้คุณน้องว่าง เราจะได้ไปนอนฟังเสียงคลื่นกัน”
“น้องว่างแล้วล่ะ อาทิตย์นี้ว่างยาวเหยียดเลย ยังไงเราไปกันนะคะ”
สองเพื่อนซี้วัยไล่เลี่ยกันคุยกันอย่างออกรสออกชาติอยู่นานอีกครึ่งชั่วโมงกว่า จึงได้แยกย้ายกันกลับบ้าน
หล่อนประคองคุณหญิงเมธาวีออกมาหน้าภัตตาคาร พยุงท่านขึ้นรถหรูเสร็จแล้วก็กำลังจะก้าวตามขึ้นไป แต่คำสั่งของท่านดังขึ้นเสียก่อน
“หนูทรายกลับกับตาเมธเถอะ”
“คือทราย...”
หล่อนตกใจแทบช็อก ไม่ใช่รังเกียจเมธวัฒน์ แต่กลัวเขาอึดอัดใจเพราะตัวเองมากกว่า
“ว่าไงตาเมธ แกสะดวกใจหรือเปล่า”
เมธวัฒน์ที่ยังคงยืนอยู่ข้างรถ เพราะเดินมาส่งมารดาปรายตามองหล่อน ก่อนที่เขาจะตอบรับออกมาเสียงห้วนๆ คล้ายกับไม่พอใจ ก็แน่ล่ะ เขาจะต้องไม่พอใจอยู่แล้ว ที่ต้องทนนั่งรถไปกับผู้หญิงน่ารำคาญเช่นหล่อน
ทรายทองก้มหน้าลงมองพื้นด้วยความวิตกกังวล หล่อนไม่ควรจะทำให้เขาลำบากใจเพราะตนเอง
“ถ้าเป็นคำสั่งของคุณแม่ ผมก็ไม่อาจขัดข้องได้ครับ”
คุณหญิงเมธาวีระบายยิ้กว้าง หันมามองหล่อน
“หนูทรายไปกับตาเมธนะ พอดีฉันมีแวะทำธุระก่อนกลับสองสามที่น่ะ”
“ให้ทรายไปด้วยนะคะ ทรายจะได้ช่วยคุณหญิง”
หล่อนวิงวอน แต่คุณหญิงเมธาวีส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่เอาน่า อย่าขัดใจฉันสิ”
หล่อนได้ยินคำนี้ก็อึ้งไป และแน่นอนว่ารู้ชะตากรรมของตัวเองดี
“ค่ะ คุณหญิง”
คุณหญิงเมธาวียิ้มไม่หุบ ขณะช้อนตาขึ้นมองลูกชายเพียงคนเดียวของตนเอง
“อย่ารังแกหนูทรายของแม่เด็ดขาดนะตาเมธ ถ้าหนูทรายมาฟ้องเมื่อไหร่ แม่จะตัดแกออกจากกองมรดกทันที จำเอาไว้ด้วย”
หล่อนเห็นเขาแค่นยิ้มหยันมาให้หล่อน ก่อนจะตอบเอ่ยตอบคุณหญิงเมธาวี
“ผมจะกล้าทำอะไรคนดีของคุณแม่ล่ะครับ”
“ให้มันจริงเถอะ”
คุณหญิงเมธาวีประชดประชันบุตรชาย และมองหล่อนด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง ก่อนจะปิดประตูรถ ไม่ช้ารถคันงามก็วิ่งจากไป ทิ้งให้หล่อนยืนเคว้งอยู่กับซาตานตัวร้ายอย่างเมธวัฒน์เพียงลำพัง
หล่อน... หัวใจสั่นเทา และรู้สึกราวกับพื้นดินใต้ฝ่าเท้ากับสั่นไหว
“ทราย... ทรายจะกลับแท็กซี่ค่ะ”
หล่อนรีบออกตัว เพราะรู้ดีว่าเขาจำใจรับปากคุณหญิงเมธาวีไปอย่างนั้นแหละ
หล่อนบอกเขาเสร็จก็จะก้าวหนี แต่เขาคว้าแขนเรียวของหล่อนเอาไว้เสียก่อน
“นี่เธอต้องการให้ฉันถูกตัดออกจากกองมรดกสินะ”
“เอ่อ...” หล่อนชะงัก และทำใจกล้าช้อนตาขึ้นสบประสานกับเขา “ทรายไม่เคยคิดแบบนั้นนะคะ”