เย็นนี้คุณหญิงเมธาวีพาหล่อนออกมากินข้าวนอกบ้าน เพราะคุณหญิงนัดเจอกับเพื่อนเอาไว้
“หนูทรายทองค่ะ เป็นพยาบาลประจำตัวของน้อง”
คุณหญิงเมธาวีแนะนำทรายทองให้กับเพื่อนของตัวเองรู้จัก
“สวัสดีค่ะ”
ทรายทองยกมือไหว้ด้วยกิริยาอ่อนหวาน และนั่นก็ทำให้เพื่อนของคุณหญิงเมธาวีมองอย่างพึงพอใจ
“พยาบาลประจำตัวของคุณหนูนี่น่ารักจังเลยนะคะ กิริยามารยาทก็งดงาม หาได้ยากแล้วนะคะในสมัยนี้น่ะกับผู้หญิงที่เป็นกุลสตรีไทยเช่นนี้นะ”
“เพราะอย่างนี้ไงคะ น้องถึงได้หวงหนูทรายมาก”
“หวง? นี่แสดงว่าหมายตาเอาไว้ให้ลูกชายใช่ไหมคะ”
คุณหญิงเมธาวีหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจ
“ก็ใช่น่ะสิคะ นี่ก็รอว่าเมื่อไหร่เขาจะตกลงปลงใจกันเสียที”
ทรายทองทำได้แค่เพียงก้มหน้าซ่อนความเศร้าเอาไว้เท่านั้น เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่คุณหญิงเมธาวีหวัง มันไม่มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้
“น่าเสียดาย นี่ถ้าคุณน้องไม่หวงหนูทราย พี่จะขอแนะนำให้กับลูกชายบ้าง ตาศักดิ์ยิ่งชอบผู้หญิงเรียบร้อยอยู่ด้วย”
“ไม่ได้นะคะคุณพี่ น้องจองหนูทรายเอาไว้แล้ว ห้ามแย่งเด็ดขาด”
สองคนหัวเราะกันอย่างถูกอกถูกใจ ตรงกันข้ามกับทรายทองที่นั่งเศร้า
“สวัสดีครับคุณแม่ สวัสดีครับคุณป้าภรณ์”
เสียงเข้มแต่เต็มไปด้วยความสุภาพของเมธวัฒน์ดังขึ้น และนั่นก็ทำให้หล่อนต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
ไม่ว่าจะมองมุมไหน เวลาไหน ผู้ชายคนนี้ก็ยังหล่อเหลาเหลือเกิน
ทรายทองมองคนตัวโตอย่างตื่นตะลึง ก่อนจะบอกตัวเองให้ก้มหน้าลงอีกครั้ง เมื่อเจ้าของใบหน้าหล่อจัดมองมาเจอ
เขาคงกำลังด่าทอหล่อนอยู่ภายในใจแน่ๆ
‘เธอมันก็แค่ผู้หญิงไร้ยางอายคนหนึ่งเท่านั้นแหละ ทรายทอง’
คำด่าทอของเขายังคงก้องอยู่ในหู และมันก็ทำให้หล่อนเจ็บปวด แต่กระนั้นกลับไม่สามารถทำให้หล่อนหยุดรักเขาได้เลย
“ทราย... ขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะคะ”
เมื่อไม่สามารถทนร่วมโต๊ะกับเมธวัฒน์ได้อีก หล่อนจึงจำเป็นต้องปลีกตัวจากไป
“ให้ตาเมธไปเป็นเพื่อนไหมหนูทราย”
“ร้านอาหารแค่นี้เองครับแม่ ถ้าไปแล้วหลงทาง ก็ควรกลับไปเป็นเด็กได้แล้วล่ะครับ”
หล่อนยังไม่ทันได้ตอบ แต่เขาก็สวนขึ้นมาให้หล่อนได้เจ็บแปลบเสียก่อน
“เอ่อ ทรายไปเองได้ค่ะ ขอบคุณคุณหญิงมากนะคะ เดี๋ยวทรายมาค่ะ”
หญิงสาวเดินจากไปโดยเร็ว เพราะถ้าอยู่ต่อนานอีกแม้แต่วินาทีเดียว หล่อนคงร้องไห้ออกมาแน่นอน
หลังออกจากห้องน้ำ ทรายทองก็ยังไม่คิดจะเดินกลับไปยังโต๊ะอาหาร การที่มีเมธวัฒน์นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยทำให้หล่อนอึดอัดและหวาดกลัว
หญิงสาวถอนใจแผ่วเบา ขณะเดินออกมาหน้าภัตตาคาร ที่ด้านข้างจัดเป็นสวนหย่อมเอาไว้สวยงามเลยทีเดียว
ทรายทองเผลอตัวยิ้มออกมา เมื่อบรรยากาศตรงหน้าทำให้หล่อนลืมเรื่องเศร้าที่เกิดจากความใจร้ายของเมธวัฒน์ได้ชั่วขณะหนึ่ง
หล่อนเดินไปหยุดใกล้ๆ กับเนินดินที่ทางภัตตาคารปลูกดอกมะลิเอาไว้หลายสิบต้น ดอกสีขาวกำลังบานสะพรั่ง กลิ่นหอมดอกมะลิช่างทำให้หล่อนรู้สึกดีเหลือเกิน หล่อนย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า ขณะเอียงใบหน้าสวยหวานเข้าไปใกล้ๆ ดอกไม้
“หอมจัง...”
หล่อนสูดกลิ่นหอมละมุนของเจ้าดอกมะลิแสนงามเข้ามาเต็มปอด รอยยิ้มหวานไม่ต่างจากดวงหน้าปรากฏขึ้นตลอดเวลา
นิ้วเรียวขาวสะอาดไล้กลีบเล็กบอบบางแผ่วเบา พลางเอียงคอมอง
“สีสันเจ้าไม่สะดุดตาผู้คน แต่กลิ่นหอมของเจ้าช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน”
หญิงสาวอมยิ้มไม่หยุด กำลังจะก้มลงสูดดมกลิ่นเจ้าดอกมะลิอีกครั้ง แต่เสียงกระแฮ่มดังขึ้นที่ด้านหลังของเรือนร่างเสียก่อน
หล่อนรีบเอียวตัวไปมอง ก่อนจะหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากสีของดอกมะลิ เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่
“คุณ... เมธ...”
หล่อนผุนผันลุกขึ้นยืน และด้วยความตกใจ ประกอบกับความเร็วของการเคลื่อนตัว ทำให้หญิงสาวเซจะล้ม มือใหญ่ของคนตัวโตจึงยื่นมาช่วยพยุงเอาไว้
ทรายทองเบิกตากว้างตกใจ เมื่อไอร้อนจากฝ่ามือหนาส่งผลรุนแรงกับระบบสั่งการของสมอง หล่อนชะงักงัน กลีบปากสั่นระริก และรู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังจะกระดอนออกมาจากอก
หล่อน... หล่อนรู้สึกคล้ายจะเป็นลม...!
“ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย” เขาว่าและรีบปล่อยมือจากแขนของหล่อน
“วันหลังรู้จักหน้าที่ด้วยนะ ไม่ใช่ต้องให้คนอื่นออกมาตามแบบนี้”
“เอ่อ...”
หล่อนยังคงยืนนิ่งอ้าปากค้าง ความร้อนจากมือหนายังคงกรุ่นอยู่ในความรู้สึก หล่อนอยากจะทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาแบบเมธวัฒน์ได้บ้าง แต่กลับ... กลับทำไม่เคยสำเร็จเลย คงเป็นเพราะหล่อนคลั่งไคล้เขามากนั่นเอง
“ทราย... ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษตลอดนั่นแหละ เมื่อไหร่จะทำตัวให้หายน่ารำคาญสักทีล่ะ รู้ไหมว่ามันน่าเบื่อ”
หล่อนน้ำตารื่น กลีบปากอิ่มสั่นระริก ต้องใช้ความพยายามมากเลยทีเดียวในการซ่อนน้ำตาเอาไว้แต่เพียงในหัวอก
“ขอ... ขอโทษที่ทำให้รำคาญค่ะ”
หล่อนกัดฟันพูดออกไปทั้งน้ำตา ก่อนจะปลีกตัวเดินจากมา แต่เรียวแขนถูกมือใหญ่อบอุ่นคว้าเอาไว้ พร้อมกับกระชากให้หันไปเผชิญหน้า
“อย่าบังอาจเดินหนีฉัน ทรายทอง”
ดวงตาของคนพูดลุกโชนด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้เมธวัฒน์คงจะทั้งโกรธทั้งเกลียดหล่อนมากยิ่งขึ้น ก็แน่ล่ะ คนที่น่าเบื่อน่ารำคาญอย่างหล่อน ทำอะไรก็คงไม่ถูกใจเขาหรอก