ตอนที่ 6

1123 Words
“ถ้าเธอไม่คิด แล้วทำไมเธอถึงเลือกที่จะทำให้ฉันถูกคุณแม่เอ็ดตะโรล่ะ” “ทราย...” “ถ้าฉันปล่อยให้เธอกลับแท็กซี่ ฉันถูกด่าสามวันเจ็ดคืนแน่” เหตุผลของเขามีแค่นี้เองหรือ หล่อนควรดีใจนะที่เขาไม่ผลักไส แต่... แต่กลับเจ็บปวดเหลือเกิน “ทรายจะไม่เรียนคุณหญิงเรื่องนี้หรอกค่ะ คุณเมธสบายใจได้” หล่อนกัดฟันเปล่งเสียงเรียบออกไป “เอ่อ... ปล่อยแขนทรายเถอะนะคะ” เขาไม่ปล่อย แถมยังกระชากร่างของหล่อนให้เข้ามาชิดมากยิ่งขึ้น กลิ่นไอจากเนื้อตัวใหญ่โตทำให้หล่อนวิงเวียนด้วยความเสน่หา “เธอต้องกลับกับฉัน” “แต่... คุณเมธคงไม่อยากเห็นหน้าทรายสักเท่าไหร่” หล่อนพยายามขืนตัวออกห่าง แต่เขากระชากเข้าไปหาใหม่ด้วยแรงที่มีมากกว่า “ใช่ ฉันไม่ต้องการเห็นหน้าเธอ แต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งของคุณแม่ จบนะทรายทอง” แล้วหล่อนก็ถูกมือใหญ่ลากให้เดินไปยังรถคันโปรดราคาแพงระยับของเมธวัฒน์ เขาจับหล่อนยัดเข้าไปภายใน ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งหน้าพวงมาลัยรถ “นั่งเงียบๆ ล่ะ เพราะแค่นั่งใกล้เธอฉันก็รำคาญจะแย่อยู่แล้ว” คำร้ายๆ จากปากของเขาทำให้หล่อนน้ำตารื้น เจ็บแต่ต้องกักเก็บเอาไว้ ไม่ช้าเขาก็เคลื่อนรถออกจากลานจอดรถหน้าภัตตาคาร เสียงเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยดังขึ้นเมื่อแล่นออกมาได้ไม่นาน เขาหันหน้ามองหล่อน และหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทาง “เอ่อ...” หล่อนกำลังจะคว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาด แต่คงเป็นเพราะมือที่สั่นเทาทำให้ทำอะไรไม่ถนัด เขาจึงเอียงตัวเข้ามาใกล้ ใกล้แบบที่ปลายจมูกโด่งเป็นสันชนกับแก้มนวลของหล่อนเข้าเลยทีเดียว หล่อนตกใจแต่ต้องสะกดกลั้นเสียงอุทานเอาไว้ ขณะมองเขาที่ทำหน้าตาเฉยเมยคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอเขาคาดเข็มขัดให้หล่อนเสร็จก็ดึงตัวกลับไปที่เดิม รถแล่นออกจากริมถนน พร้อมกับความเงียบกริบ ทรายทองนั่งกุมมือบนตักแน่น เหงื่อเม็ดเล็กๆ ไหลออกมาในฝ่ามือจนชุ่ม ทำไม... ทำไมจะต้องรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ ก็แค่... ความบังเอิญเท่านั้น แม้จะพยายามบอกตัวเองแบบนั้น แต่หัวใจไม่รักดีไม่ยอมเชื่อฟังเลย มันสั่น มันไหว และก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอกอยู่แล้ว รถคันงามของเมธวัฒน์จอดสนิทที่หน้าคฤหาสน์ของตระกูลพิพัฒน์สกุล โดยมีรถคันที่คุณหญิงเมธาวีนั่งกลับมาจอดรออยู่ก่อนหน้าแล้ว “เอ่อ... ขอบคุณมากค่ะคุณเมธ” หล่อนกล่าวเสียงแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงของลมหายใจ และรีบปลดเข็มขัดนิรภัยเพื่อที่จะได้ออกจากไปรถคันนี้ให้เร็วที่สุด แต่โชคเข้าข้างหล่อนเลย ในเมื่อเข็มขัดนิรภัยของหล่อนราคาหลายสิบล้านเกิดขัดข้อง ทำไมมันไม่ออก หล่อนกดแล้วนี่ หล่อนตกใจหน้าตาซีดเผือด พยายามอยู่หลายรอบแต่ก็ส่งผลเช่นเดิม เมธวัฒน์ปรายตามองหล่อนอย่างรำคาญ และก็คงไม่ต้องการให้หล่อนติดแหง็กอยู่ในรถของเขานานเกินไปกว่านี้ เขาจึงเอียงตัวเข้ามาหา ปลายจมูกโด่งสวยเฉียดแก้มนวลของหล่อนไปเพียงนิดเดียว หัวใจของหล่อนเต้นระรัว เสียงดังตึกตักจนหล่อนเกรงว่าเขาจะได้ยินเลยด้วยซ้ำ นิ้วยาวสีแทนกดลงเพียงแค่แผ่วเบา สายเบลล์ที่คาดอยู่บนตัวของหล่อนก็แยกออกจากกัน หล่อนถอนใจโล่งอก และรีบกล่าวขอบคุณเขา “ขอบ... ขอบคุณมากค่ะ” แม้จะปลดเข็มขัดนิรภัยให้หล่อนเสร็จแล้ว แต่เขากลับไม่ดึงตัวเองกลับไปนั่งตัวตรงเช่นเดิม เขายังคงอยู่ตรงหน้าของหล่อน ปลายจมูกโด่งไม่ห่างจากแก้มสาวแม้แต่นิดเดียว หัวใจของหล่อนแทบหลุดกับความรู้สึกอุ่นซ่านแบบนี้ “เอ่อ...” เขามองหล่อนอยู่พักใหญ่ก็ดึงตัวกลับไปที่เดิม ก่อนจะเปิดประตูออกไปทันที ทรายทองหอบหายใจระรัว รู้สึกราวกับถูกจับเหวี่ยงออกไปนอกโลกไม่มีผิด การได้อยู่ใกล้ๆ กับเมธวัฒน์ทำให้หล่อนรู้สึกรู้สึกทั้งสุขทั้งทรมานในเวลาเดียวกัน หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามควบคุมสติของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ก่อนจะก้าวลงไปยืนบนพื้น เมธวัฒน์เดินหายเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวถอนใจออกมาอย่างโล่งอก และรีบก้าวเข้าไปภายในเช่นกัน “หนูทราย...” เสียงของคุณหญิงเมธาวีดังออกมาจากห้องรับแขกที่อยู่ติดกับทางขึ้นชั้นที่สอง หล่อนรีบเข้าไปคุกเข่าใกล้ๆ ร่างของเจ้านาย “คุณหญิงมาถึงนานแล้วเหรอ” “อืม” คุณหญิงเมธาวีพยักหน้ารับน้อยๆ “ว่าแต่หนูทรายเถอะ ถูกตาเมธรังแกอะไรบ้างหรือเปล่าล่ะ ถ้ามีบอกฉันมาได้เลยนะ ฉันจะไปจัดการให้” ความรู้สึกยามที่ถูกปลายจมูกโด่งสวยชนกับแก้มนวลโดยบังเอิญระเบิดขึ้นในหัว แต่หญิงสาวก็รีบข่มความตื่นเต้นตกใจนั้นเอาไว้จนมิด “ไม่... ไม่มีอะไรเลยค่ะ” “แน่เหรอ ฉันเห็นหน้าหนูทรายดูหงอยๆ ไปนะ” คุณหญิงยังคงเป็นห่วงหล่อนเช่นเดิม “ทรายคงแค่ปวดหัวนิดหน่อยน่ะค่ะ” “ถ้าปวดหัวก็ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันให้แม่นิดพาขึ้นนอนก็ได้” “ทรายไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ให้ทรายพาคุณหญิงเข้านอนเถอะนะคะ เพราะเป็นหน้าที่ของทราย” หล่อนยืนยัน แต่คุณหญิงเมธาวีส่ายหน้าปฏิเสธเช่นเดิม “ไม่ล่ะ วันนี้ฉันให้หนูทรายไปพักผ่อนก่อนดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยพาฉันเข้านอนนะ” “แต่ว่า...” “เดี๋ยวนี้หนูทรายเริ่มพูดคำว่าแต่บ่อยขึ้นแล้วนะ” คุณหญิงอมยิ้ม มองเด็กสาวที่หน้าซีดเผือดด้วยสายตาเอ็นดู “ทรายขอโทษค่ะ ทรายจะไม่ขัดใจคุณหญิงอีกแล้วค่ะ” คู่สนทนาสูงวัยกว่าระบายยิ้ม “งั้นไปอาบน้ำอาบท่าแล้วนอนเถอะ อีกสักครึ่งชั่วโมง ฉันจะให้ตาเมธเข้าไปดูอาการให้หนูนะ” ประโยคสุดท้ายของคุณหญิงเมธาวีทำให้หล่อนสะดุ้งตกใจ “ทราย... ทรายไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ” “ไหนว่าจะไม่ขัดใจฉันไงล่ะ” หล่อนรู้สึกหวาดกลัวการเผชิญหน้ากับเมธวัฒน์เหลือเกิน แต่กลับไม่อาจจะโต้แย้งได้ “ค่ะ... ค่ะคุณหญิง” “ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ไง ฉันถึงได้เอ็นดูหนูทรายแบบนี้ ไปเถอะ ไปพักผ่อนได้แล้ว” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินจากไปด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD